ASTVผู้จัดการรายวัน – กรมประชาฯรุกคืบ ผลิตข่าวเอง วันที่ 1 มีนาคม พร้อมลดเวลาข่าวลงเหลือ 7 ชั่วโมง แต่ดิจิตอลยังมีส่วนร่วมก่อนที่จะอำลาจอจริงวันที่ 17 มีนาคมนี้ตามสัญญาเป็นทางการ เผยผังใหม่ที่จะดีเดย์ต้นเดือนเมษายนนี้ อาจจะมีการเปลี่ยนผู้อ่านข่าวอีกระลอก พร้อมเร่งเฟ้นหาคนอ่านข่าวใหม่ๆแทน
นายสุริยงค์ หุณฑสาร ผู้อำนวยการสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย เอ็นบีที เปิดเผยกับ “ASTVผู้จัดการรายวัน” ว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมนี้ การทำข่าวของช่องเอ็นบีทียังคงมี บริษัท ดิจิตอล มีเดีย โฮลดิ้ง จำกัด เข้าร่วมรับผิดชอบผลิตด้วยในส่วนที่ทางกรมประชาฯสั่งการไป เช่น สกู๊ปข่าวบางชิ้น และการผลิตข่าวบ้างบางข่าว เพราะบริษัทดิจิตอลฯจะหมดสัญญากับทางกรมฯเป็นทางการในวันที่ 17 มีนาคมศกนี้ ซึ่งการปรับเปลี่ยนผังรายการและการทำข่าวใหม่ของเอ็นบีทีจะเริ่มจริงจังในวันที่ 1 เมษายน 2552 ซึ่งเป็นช่วงของการปรับผังใหญ่
“หลายคนเข้าใจกันผิดว่า เอ็นบีทีจะเริ่มทำข่าวเองในวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมานี้ ซึ่งยังไม่ใช่ แต่ว่าจากนี้ไปเราจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นแล้ว ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงต้นเดือนเมษายนที่จะมีการปรับใหญ่อีกครั้ง โดยเราจะเป็น สถานีโทรทัศน์แห่งชาติ สทท. ช่อง 11 เอ็นบีที”
การปรับเปลี่ยนของเอ็นบีทีจะมี 2 ช่วงใหญ่คือ 1.ช่วงเดือนมีนาคม ที่เรียกว่าเป็นช่วงเปลี่ยนผ่าน และ2.ตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นไป ถือเป็นการปรับใหญ่ที่สมบูรณ์ทั้งโลโก้ ผังรายการ และการบริหาร ซึ่งจะทันหรือไม่เน้นจะต้องมีการประชุมร่วมกับทาง นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง
นายสุริยงค์กล่าวว่า ในวันที่ 1 มีนาคมนี้ จะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น เช่นกรณีผู้ประกาศข่าวก็จะเป็นคนของกรมฯเป็นส่วนใหญ่ รวมทั้งทีมงานที่ทำข่าวด้วย โดยจะใช้ทีมงานลูกจ้างเดิมส่วนหนึ่งประมาณ 80 คน และข้าราชการส่วนกลางร่วมกันผลิตรายการข่าวซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการเฟ้นหาบุคคลากรจากกรมประชาสัมพันธ์เอง และอาจารย์จากมหาวิทยาลัยด้วย เพื่อมาเป็นผู้อ่านข่าวของเอ็นบีที
โดยที่ก่อนหน้านี้ นางสาวตวงพร อัศววิไล ได้ประกาศอำลาตำแหน่งผู้ประกาศข่าวช่องเอ็นบีทีไปตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ผ่านมาแล้ว เช่นเดียวกับนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ออกไปแล้ว ส่วนนายชมะนันท์ วรรณวินเวศร์ และนางสาววรวีร์ วูวนิช ยังคงอ่านข่าวอยู่ที่เอ็นบีที เพราะไม่ได้เป็นคนในส่วนของดิจิตอลฯแต่อย่างใด ซึ่งคาดว่าจากนี้ไปคงจะอ่านข่าวหลักในช่วงวันเสาร์-วันอาทิตย์ ส่วนข่าวหลักนั้นจะมี นายอดิศักดิ์ ศรีสม และจะมีผู้ร่วมอ่านข่าวเป็นผู้หญิงอีกรายที่มาจากช่องทีเอ็นเอ็น
ส่วนกรณีที่มีข่าวว่านายสุทธิพงศ์ ธรรมวุฒิ ผู้บริหารบริษัท ทีวีบูรพา จำกัด เจ้าของรายการดังอย่างคนค้นคน จะเข้ามาร่วมงานในเอ็นบีทีนี้ด้วยนั้น นายสุริยงค์กล่าวว่า ความจริงแล้วยังไม่ได้เข้ามาร่วมงานหรือมาอ่านข่าวแต่อย่างใด แต่โดยส่วนตัวของนายสุทธิพงษ์นั้นมีความสนใจที่จะเข้ามาร่วมทำงานในสถานีแห่งนี้ เพื่อนำเสนอสิ่งดีๆกับประชาชน แต่ทั้งนี้คงจะต้องมีการเจรจาและคุยกันในรายละเอียดถึงพรอพเพอร์ซัลก่อน
สำหรับนโยบายในการทำรายการสำหรับผังใหม่ของเอ็นบีทีนั้น กำหนดไว้ชัดเจนแล้วว่า เอ็นบีทีจะดำเนินการผลิตรายการตาม 5 ยุทธศาสตร์หลักคือ 1.รายการที่เทิดทูนพระมหากษัตริย์ โดยเป็นทีวีแห่งความจงรักภักดี 2.รายการที่ส่งเสริมการปกครองในระบอบประชาธิปไตย 3.รายการที่สร้างความปรองดองของคนในชาติ 4. รายการที่เกี่ยวกับการแก้ไขภาวะโลกร้อน และ 5.รายการที่เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาความยากจน ซึ่งจะออกมาในหลายรูปแบบทั้งสารคดี อะนิเมชั่น รายการวาไรตี้ สนทนา เป็นต้น
ทั้งนี้สัดส่วนรายกาของผังใหม่จะเป็นดังนี้ ข่าวจะมีประมาณ 7 ชั่วโมง ซึ่งลดลงจากเดิมที่มีประมาณ 9 ชั่วโมงครึ่ง โดยสัดส่วนอยู่ที่ 30% ของผังทั้งหมด รายการที่ผลิตเองโดยกรมประชาฯสัดส่วนประมาณ 30% และที่เหลือ 40% เป็นอื่นๆ ทั้งร่วมผลิต รับจ้างผลิต เป็นต้น
“วันที่ 1 มีนาคมนี้เป็นรอยต่อของการเปลี่ยนผ่านช่องเอ็นบีทีอีกครั้ง ช่วงนี้ใครอ่านข่าวหรือรายการอะไรที่ออกอากาศอยู่ ก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งในผังใหม่ที่จะเร่ม 1 เมษายนนี้” นายสุริยงค์กล่าวย้ำ
นายสุริยงค์ หุณฑสาร ผู้อำนวยการสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย เอ็นบีที เปิดเผยกับ “ASTVผู้จัดการรายวัน” ว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมนี้ การทำข่าวของช่องเอ็นบีทียังคงมี บริษัท ดิจิตอล มีเดีย โฮลดิ้ง จำกัด เข้าร่วมรับผิดชอบผลิตด้วยในส่วนที่ทางกรมประชาฯสั่งการไป เช่น สกู๊ปข่าวบางชิ้น และการผลิตข่าวบ้างบางข่าว เพราะบริษัทดิจิตอลฯจะหมดสัญญากับทางกรมฯเป็นทางการในวันที่ 17 มีนาคมศกนี้ ซึ่งการปรับเปลี่ยนผังรายการและการทำข่าวใหม่ของเอ็นบีทีจะเริ่มจริงจังในวันที่ 1 เมษายน 2552 ซึ่งเป็นช่วงของการปรับผังใหญ่
“หลายคนเข้าใจกันผิดว่า เอ็นบีทีจะเริ่มทำข่าวเองในวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมานี้ ซึ่งยังไม่ใช่ แต่ว่าจากนี้ไปเราจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นแล้ว ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงต้นเดือนเมษายนที่จะมีการปรับใหญ่อีกครั้ง โดยเราจะเป็น สถานีโทรทัศน์แห่งชาติ สทท. ช่อง 11 เอ็นบีที”
การปรับเปลี่ยนของเอ็นบีทีจะมี 2 ช่วงใหญ่คือ 1.ช่วงเดือนมีนาคม ที่เรียกว่าเป็นช่วงเปลี่ยนผ่าน และ2.ตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นไป ถือเป็นการปรับใหญ่ที่สมบูรณ์ทั้งโลโก้ ผังรายการ และการบริหาร ซึ่งจะทันหรือไม่เน้นจะต้องมีการประชุมร่วมกับทาง นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง
นายสุริยงค์กล่าวว่า ในวันที่ 1 มีนาคมนี้ จะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น เช่นกรณีผู้ประกาศข่าวก็จะเป็นคนของกรมฯเป็นส่วนใหญ่ รวมทั้งทีมงานที่ทำข่าวด้วย โดยจะใช้ทีมงานลูกจ้างเดิมส่วนหนึ่งประมาณ 80 คน และข้าราชการส่วนกลางร่วมกันผลิตรายการข่าวซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการเฟ้นหาบุคคลากรจากกรมประชาสัมพันธ์เอง และอาจารย์จากมหาวิทยาลัยด้วย เพื่อมาเป็นผู้อ่านข่าวของเอ็นบีที
โดยที่ก่อนหน้านี้ นางสาวตวงพร อัศววิไล ได้ประกาศอำลาตำแหน่งผู้ประกาศข่าวช่องเอ็นบีทีไปตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ผ่านมาแล้ว เช่นเดียวกับนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ออกไปแล้ว ส่วนนายชมะนันท์ วรรณวินเวศร์ และนางสาววรวีร์ วูวนิช ยังคงอ่านข่าวอยู่ที่เอ็นบีที เพราะไม่ได้เป็นคนในส่วนของดิจิตอลฯแต่อย่างใด ซึ่งคาดว่าจากนี้ไปคงจะอ่านข่าวหลักในช่วงวันเสาร์-วันอาทิตย์ ส่วนข่าวหลักนั้นจะมี นายอดิศักดิ์ ศรีสม และจะมีผู้ร่วมอ่านข่าวเป็นผู้หญิงอีกรายที่มาจากช่องทีเอ็นเอ็น
ส่วนกรณีที่มีข่าวว่านายสุทธิพงศ์ ธรรมวุฒิ ผู้บริหารบริษัท ทีวีบูรพา จำกัด เจ้าของรายการดังอย่างคนค้นคน จะเข้ามาร่วมงานในเอ็นบีทีนี้ด้วยนั้น นายสุริยงค์กล่าวว่า ความจริงแล้วยังไม่ได้เข้ามาร่วมงานหรือมาอ่านข่าวแต่อย่างใด แต่โดยส่วนตัวของนายสุทธิพงษ์นั้นมีความสนใจที่จะเข้ามาร่วมทำงานในสถานีแห่งนี้ เพื่อนำเสนอสิ่งดีๆกับประชาชน แต่ทั้งนี้คงจะต้องมีการเจรจาและคุยกันในรายละเอียดถึงพรอพเพอร์ซัลก่อน
สำหรับนโยบายในการทำรายการสำหรับผังใหม่ของเอ็นบีทีนั้น กำหนดไว้ชัดเจนแล้วว่า เอ็นบีทีจะดำเนินการผลิตรายการตาม 5 ยุทธศาสตร์หลักคือ 1.รายการที่เทิดทูนพระมหากษัตริย์ โดยเป็นทีวีแห่งความจงรักภักดี 2.รายการที่ส่งเสริมการปกครองในระบอบประชาธิปไตย 3.รายการที่สร้างความปรองดองของคนในชาติ 4. รายการที่เกี่ยวกับการแก้ไขภาวะโลกร้อน และ 5.รายการที่เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาความยากจน ซึ่งจะออกมาในหลายรูปแบบทั้งสารคดี อะนิเมชั่น รายการวาไรตี้ สนทนา เป็นต้น
ทั้งนี้สัดส่วนรายกาของผังใหม่จะเป็นดังนี้ ข่าวจะมีประมาณ 7 ชั่วโมง ซึ่งลดลงจากเดิมที่มีประมาณ 9 ชั่วโมงครึ่ง โดยสัดส่วนอยู่ที่ 30% ของผังทั้งหมด รายการที่ผลิตเองโดยกรมประชาฯสัดส่วนประมาณ 30% และที่เหลือ 40% เป็นอื่นๆ ทั้งร่วมผลิต รับจ้างผลิต เป็นต้น
“วันที่ 1 มีนาคมนี้เป็นรอยต่อของการเปลี่ยนผ่านช่องเอ็นบีทีอีกครั้ง ช่วงนี้ใครอ่านข่าวหรือรายการอะไรที่ออกอากาศอยู่ ก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งในผังใหม่ที่จะเร่ม 1 เมษายนนี้” นายสุริยงค์กล่าวย้ำ