“สาทิตย์” ยืนยันผังรายการใหม่กรมประชาสัมพันธ์ จะเสร็จทันแน่ 1 เม.ย.รื้อทิ้งเอ็นบีที ปรับโลโก้ใหม่สถานีโทรทัศน์แห่งชาติ พร้อมเปิดตัวให้บริษัทเสนอชื่อประมูลก่อนผลิตการทำ และรายข่าว ท้าฝ่ายค้านยื่นกระทู้สด ยันไม่มีล็อกสเปกเอื้อประโยชน์สื่อบางกลุ่ม
วันนี้ (2 มี.ค.) นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย กล่าวถึงกรณีการปฏิรูปสื่อในการปรับผังรายการสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที โดยฝ่ายค้านวิพากษ์วิจารณ์ ว่า เป็นการให้กลุ่มพันธมิตรฯ และเนชั่นทีวี เข้ารับสัมปทานเข้าไปฮุบ ว่า เป็นเรื่องดีที่ฝ่ายค้านติดตามเรื่องนี้ เนื่องจากมีหลายคนวิพากษ์วิจารณ์ขอให้ดำเนินการเสียที และตั้งแต่ตนเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ได้หยิบเรื่องนี้เข้ามาทำเรื่องแรก และนโยบายรัฐบาลในการปรับกลไกภาครัฐ เป้าหมายปรับสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 หรือ NBT เป็นสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ ซึ่งจะเป็นรูปธรรมชัดเจนในวันที่ 1 เม.ย.ซึ่งวันที่ 1 มี.ค.ได้มีการเริ่มต้นแล้ว เนื่องจากบริษัทรับผลิตข่าวได้ยกเลิกสัญญาการผลิตไป ซึ่งเป้าหมายการนำสถานีโทรทัศน์ NBT เป็นสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ คือ การใช้สถานีโทรทัศน์ช่อง 11 NBT นำไปสู่การขับเคลื่อนการแก้ปัญหาสาระ ของรายการทั้งหมดมากกว่า การเปลี่ยนโลโก้ นำไปสู่การแก้ปัญหาวิกฤตของประเทศ เช่น วิกฤตเศรษฐกิจ การว่างงาน รับเรื่องราวร้องทุกข์ของประชาชน ส่วนบริษัทที่จะรับผลิตรายการ ทางสถานีจะเป็นผู้ตัดสินใจการปรับเปลี่ยนผังรายการประจำปี ปกติจะดำเนินการวันที่ 1 เม.ย.อยู่แล้ว เพื่อตอบสนองการเป็นสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ ไม่ใช่การเข้าไปฮุบเอาคนนั้นคนนี้เข้ามา อยากให้ฝ่ายค้านติดตาม พร้อมทั้งยินดีหากจะตั้งกระทู้สดถาม
นายสาทิตย์ กล่าวว่า สำหรับการผลิตรายการจะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ การผลิตข่าว ในวันที่ 1 เม.ย.จะตกลงว่าชั่วโมงข่าวจะมี 7 ชั่วโมง โดยหารือกันว่าจะให้มีบริษัทผู้ร่วมผลิตรายการ หรือจะแบ่งเป็นช่วงๆ ส่วนจะเปิดใครเข้ามาดำเนินการนั้น จะแบ่งในภายในวันนี้ (2 มี.ค.) เพราะมีการเปิดกว้างบริษัทไหนก็มีสิทธิเสนอเข้ามาได้ ทางสถานีเป็นผู้ตัดสินใจ ส่วนผังรายการอื่นๆ มีผู้ผลิตรายการจำนวนมากเสนอเข้ามา อย่างไรก็ตาม รายชื่อของผู้จัดการการที่มีชื่อ นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง อดีต ส.ว.เข้ามาจัดรายการนั้น ยืนยันว่า นายเจิมศักดิ์ มีรายการ “เวทีชาวบ้าน” มีมา 10 ปีแล้ว ผ่านยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายสมัคร สุนทรเวช และ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ สามารถตรวจสอบได้ ส่วนบุคคลอื่นยังไม่มีใครในใจ ต้องสอบถามทางสถานีโดยยึดเอา คุณภาพรายการที่ทางประชาชนจะได้รับ ซึ่งในวันที่ 1 เม.ย.นี้ ผังใหม่ทุกอย่างเริ่มต้น เปิดตัว “สถานีโทรทัศน์แห่งชาติ” สถานีวิทยุคลื่นสีขาว และสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นที่จะชัดเจนในวันที่ 1 เม.ย.
นายสาทิตย์ ยังกล่าวอีกว่า ที่แน่ชัดคือ สถานีวิทยุ FM ของกรมประชาสัมพันธ์ ในกรุงเทพฯ มีทั้งหมด 6 สถานี โดยจะขอกลับมาเป็นของกรมประชาสัมพันธ์ 1 คลื่น เพื่อให้เป็นสื่อสีขาว หรือคลื่นสีขาว เพื่อเด็กและเยาวชนตลอด 24 ชั่วโมง ถือเป็นครั้งแรกในประเทศที่มีรายการดังกล่าว อาจจะไม่มีโฆษณา หรือหากมีก็จะผ่านการเลือกสรรแล้ว ส่วนจะนำคลื่นไหนมาดำเนินการนั้น ทางอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์จะให้คำตอบ อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตว่า จะนำคลื่น 105.00 เมกะเฮิรตซ์ ก็อาจเป็นไปได้ เพราะทุกสัญญาทางกรมประชาสัมพันธ์ หรือรัฐบาลสามารถเรียกทบทวนสัญญา ส่วนคลื่นอื่นๆ จะบังคับเป็นไปตามสัญญา ซึ่งส่วนใหญ่ดูแล้วผังรายการกับสัญญา จะไม่สอดคล้องกันจะประชุมคุยกันอีกครั้ง ทั้งหมดนี้เป็นการตอบคำถามว่า นโยบายของรัฐบาลที่ต้องการปฏิรูปกลไกรัฐ ปฏิรูปสื่อเพื่อตอบสนองประชาชนอย่างแท้จริง
เมื่อถามว่า จะทำอย่างไรกับเอกชนในการเรียกคลื่นคืนกลับสู่รัฐ เพื่อไม่ให้ถูกมองว่าเป็นการกลั่นแกล้ง นายสาทิตย์ กล่าวว่า มีเหตุผลอธิบายได้ อาจจะดูจากผลตอบแทนคุณภาพรายการ และสิ่งที่กรมประชาสัมพันธ์ดูผลกระทบของภาคเอกชน หลังจากนำคลื่นกลับสู่รัฐ ซึ่งรัฐบาลจะต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ประชาชนเป็นหลักด้วย ไม่เช่นนั้นจะขยับอะไรไม่ได้เลย ตนยอมรับคำวิพากษ์วิจารณ์ที่จะเกิดขึ้น
เมื่อถามว่า หลายฝ่ายดักคอไว้ว่าหากเครือเนชั่นเข้ารับผลิตรายการจริงตามที่ตั้งข้อสังเกตไว้นั้น ถ้ามีจริงจะเป็นการล็อกไว้หรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า อยากให้ดักไว้หลายคอหน่อย ใส่มาหลายชื่อจะได้รู้ว่าได้ใคร เราก็ต้องอธิบายให้ได้ว่าเพราะอะไร แต่จะไม่ปิดกั้นเพียง เพราะชื่อ “เนชั่น” เพราะจะเป็นการเลือกปฏิบัติหรือไม่ ต้องเปิดกว้าง ต้องยืนยันว่า ตอบคำถามสังคมให้ได้ ตัวข่าวมีแนวของทางสถานีในวันที่ 1 เม.ย.จะเข้าไปจะดูทั้งระเบียบและผลประโยชน์ตอบแทนในเวลาเดียวกัน จะต้องดูศักยภาพของโครงสร้างและคนเสนอด้วย เนื่องจากบ่อยครั้งที่มีการประมูลสูง แต่เมื่อจ่ายจริงก็เป็นปัญหาของกรมประชาสัมพันธ์