xs
xsm
sm
md
lg

ASTVคว้ารางวัลโทรทัศน์ยอดเยี่ยม ม.รังสิตชี้สร้างสังคมธรรมาธิปไตย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-มหาวิทยาลัยรังสิตมอบรางวัล “ฐานันดร 4 ทองคำ” ให้สื่อมวลชนที่สร้างสรรค์ผลงานเป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน เอเอสทีวี คว้ารางวัลสถานีโทรทัศน์สร้างสังคมธรรมาธิปไตย พร้อมกับอีก 2 รายการ คือ สภาท่าพระอาทิตย์ และNEWS HOUR
วานนี้(5 มิ.ย.) ม.รังสิต ได้จัดงานปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่ ประจำปีการศึกษา2552 พร้อมกับจัดพิธีมอบรางวัลสื่อมวลชนสร้างสังคมธรรมาธิปไตย “ฐานันดร4ทองคำ” ให้แก่ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนที่สร้างสรรค์ผลงานเป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน
ทั้งนี้ สื่อมวลชนที่ได้ “ฐานันดร 4 ทองคำ” รางวัลสื่อมวลชนสร้างสังคมธรรมาธิปไตยประจำปี2551 แบ่งออกเป็น 2 ประเภท โดยประเภทสถานีโทรทัศน์ผู้ได้รับรางวัลคือ สถานีโทรทัศน์ ASTV ช่อง News 1 และสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 อสมท
ส่วนรายการโทรทัศน์ที่ได้รับรางวัลประกอบด้วย 1.รายการ ข่าว ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ TNN 24 2. รายการ คนค้นฅน ของ บริษัท ทีวี บูรพา ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ ช่อง 9 อสมท 3.รายการ คุณพระช่วย ของบริษัท Work Point Entertainment ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ ช่อง 9 อสมท 4. รายการทุ่งแสงตะวัน ของบริษัท ป่าใหญ่ครีเอชั่น ออกอากาศทาง ช่อง 3 อสมท 5. รายการ มดคันไฟ ของบริษัท ป่าใหญ่ครีเอชั่น ออกอากาศทาง ช่องทีวีไทย 6.รายการสภาท่าพระอาทิตย์ ของสถานีโทรทัศน์ ASTV ช่อง News 1 และ 7. รายการ NEWS HOUR ของ สถานีโทรทัศน์ ASTV ช่อง News 1
ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า สื่อมวลชนไม่ได้จำกัดแค่คนที่มีอาชีพสื่อมวลชน แต่ยังหมายถึงคนที่ทำงานในบริษัทที่ไม่เกี่ยวข้องกับหนังสือพิมพ์วิทยุโทรทัศน์ แต่ให้การศึกษา ให้แนวทาง ชี้นำแก่ประชาชนได้ เพราะถือว่าเป็นสื่อมวลชนเช่นกัน บทบาทที่สองของสื่อมวลชนคือ การทำหน้าที่สะท้อนความจริงตรวจสอบการทำงานของทุกฝ่าย การชี้นำ ติติงท้วงติงทุกด้าน ดังนั้นบทบาทของคณะนิเทศศาสตร์นักศึกษาที่เรียนทางด้านนี้จะต้องไปเป็นสื่อย่อมมองเห็นความสำคัญของตัวเองต้องรู้ว่า ต้องรู้อะไร ต้องเรียนอะไร ต้องเก่งอะไร ต้องมีความสามารถมากน้อยแค่ไหน ดังนั้นนิเทศศาสตร์จึงถือเป็นเสาหลักของของสังคม ที่จะผลิตสื่อมวลชนที่ดี
ขณะที่นายอนุสรณ์ ศรีแก้ว คณบดีคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวถึงหลักการตัดสินคัดเลือกมอบรางวัลสื่อมวลชนสร้างสังคมธรรมาธิปไตยประจำปี2551 ว่า “ความเข้มข้นของคณะกรรมการตัดสินนั้น ประกอบไปด้วย ความเห็นที่หลากหลาย ความชอบ และทัศนคติที่หลากหลายจึงมีหลายรายการที่ได้รับการคัดเลือก และเลือกโดยการใช้ความเป็นเหตุเป็นผลในการตัดสิน
ยกตัวอย่างเช่นสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี ช่อง News1 นั้น มีความโดดเด่นในเรื่องของรายการ การวิเคราะห์ในการนำเสนอเรื่องทางการเมือง ซึ่งในประเทศไทยไม่มีสถานีไหนที่มีความกล้าหาญในการนำเสนอข่าว ข้อมูล วิพากษ์วิจารณ์ รัฐบาลและสังคมอย่างตรงไปตรงมา และอย่างกล้าหาญ ถือเป็นสิ่งที่ควรกระทำ ในขณะที่สื่ออื่นๆ ยังคงมีบางเหตุผลที่ถ่วงต่อการนำเสนอความจริงอย่างตรงไปตรงมา โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับรัฐบาล
ด้านนายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร เอเอสทีวี ผู้คว้ารางวัลสถานีโทรทัศน์ยอดเยี่ยม กล่าวถึงความรู้สึกที่ได้รับรางวัลว่า ถือเป็นเกียรติ สำหรับสถานีโทรทัศน์เล็กๆ อย่างเอเอสทีวี เนื่องจากการต่อสู้ที่ผ่านมาทุ่มเทอย่างเต็มที่ เพื่อให้เกิดสถานีข่าวที่เป็นของประชาชน ดังนั้น จึงรู้สึกดีที่มีคนเห็นคุณค่าและการทำงานของสถานีโดยเฉพาะสถาบันการศึกษา
อย่างไรก็ตาม จากนี้ไปเอเอสทีวี จะพัฒนาและเพิ่มความหลากหลายที่นอกจากนำเสนอทางด้านการเมือง ด้วยการเพิ่มสาระทางด้านสังคมให้มากขึ้น ซึ่งอาจจะเป็นรายการสัญจร และนอกจากนี้จะทำให้เอเอสทีวี เป็นศูนย์กลางของการแลกเปลี่ยนของผู้ผลิตอย่างเกษตรกรไทย คล้ายๆ กับการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างเครือข่ายให้กับภาคประชาชนด้วย
“สำหรับน้องๆ ท้ายนี้ก็อยากฝากถึงคนที่ฝันจะเดินอยู่บนเส้นทางสายสื่อมวลชนไว้ 3 คำ คือ ซื่อสัตย์ เสียสละ กล้าหาญ ที่อยากให้ทุกคนมี เพราะสื่อมีหน้าที่ให้ความรู้กับประชาชน” นายจิตตนาถ ให้คำแนะนำ
ขณะที่นายประสาน อิงคนันท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายผลิต บริษัท ทีวีบูรพา (รายการคนค้นคน) กล่าวว่า ดีใจมากที่ทุกคนเห็นคุณค่าของตัวรายการ ส่วนสำคัญที่ทำให้รายการได้รับเกียรติครั้งนี้ ต้องยกให้คนต้นเรื่องที่เราได้มีโอกาสได้หยิบยกชีวิตของเขามานำเสนอเพื่อเป็นบทเรียนให้สังคมได้รับรู้ และเห็นความหมายคุณค่าของชีวิตคน จากนี้ไปคงจะได้มีการพัฒนาขึ้น และหวังว่าจะขยายเรื่องที่ไม่ใช่แค่คนไทย สู่ชีวิตของคนในต่างประเทศ เพื่อให้คนไทยได้เห็นสภาพสังคมที่แตกต่างและชัดเจนขึ้น
ส่วนนายวสวันณณ์ รองเดช ผู้ช่วยควบคุมการผลิตรายการทุ่งแสงตะวัน กล่าวว่า ส่วนหนึ่งของความสำเร็จเกิดจากเด็กและชาวบ้านที่ทำให้มีโอกาสมาทำงานร่วมกันและออกมาเป็นรายการทุ่งแสงตะวัน ซึ่งจากนี้ไปคงจะปรับเปลี่ยนขึ้นเรื่อยๆ แต่ยังคงเน้นเด็กและชาวบ้านเหมือนเดิม
กำลังโหลดความคิดเห็น