โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เผยพรรคจับตาความเคลื่อนไหวแกนนำเสื้อแดงสอดคล้อง “พ่อแม้ว” หวังจุดชนวนความวุ่นวายรอบใหม่ วิเคราะห์ 4 เหตุปัจจัยเสริมความวุ่นวาย วอนทุกฝ่ายยึดถือประเทศชาติเป็นหลัก
วันนี้ (25 มิ.ย.) นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า พรรคประชาธิปัตย์มองว่าการเคลื่อนไหวรอบใหม่ ระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลุ่ม นปช. พรรคเพื่อไทยนั้น ขณะนี้อาจจะส่งผลกระทบต่อความพยายามการฟื้นภาพลักษณ์ของประเทศ โดยเฉพาะการออกมาแถลงข่าวยืนยันการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 27 มิ.ย.ที่จะถึงนี้ โดยพรรคหวังว่าทุกฝ่ายจะชุมนุมตามขอบเขตของกฎหมาย และอยากให้ทุกฝ่ายช่วยระมัดระวังไม่ให้เกิดความไม่สงบ หรือการเผชิญหน้าที่จะมีชนวนเหตุความขัดแย้งนำไปสู่ความรุนแรง และกระทำผิดกฎหมายเหมือนช่วงเดือนเมษายน
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า พรรคได้วิเคราะห์ว่าจะมีพัฒนาการที่ต้องจับตามอง 4 ด้าน คือ 1.การที่กลุ่ม นปช.เปลี่ยนแนวทาง โดยให้ พ.ต.ท.ทักษิณ มามีบทบาทในการนำที่เด่นชัด หลังจากที่ก่อนหน้านี้จะให้ประชาชนเป็นผู้นำ และไม่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ มีบทบาทในการชูธงในการเคลื่อนไหวของกลุ่ม นปช. และกลุ่มเสื้อแดง ซึ่งจะเห็นได้จากสื่อสิ่งพิมพ์ เครือข่ายต่างๆ ทั้งบนดินและใต้ดิน วิทยุชุมชน ใบปลิว เว็บไซต์ต่างๆ ขณะนี้มีการนำเสนอการเตรียมการกลับมาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ประกาศไว้หลังการเลือกตั้งซ่อมที่จังหวัดสกลนครที่ผ่านมา
2.การเปิดเผย “แผนตากสิน 2” แม้ว่าทางแกนนำของพรรคเพื่อไทยจะออกมาปฏิเสธ แต่ประสบการณ์ความวุ่นวายช่วงเดือนเมษายน เห็นชัดว่า หลังจากที่มีการเปิดเผยแผนตากสิน 1 แล้ว เหตุการณ์ทุกสถานการณ์สอดรับกับรายละเอียดที่ระบุไว้ในแผนตากสิน 1 ทุกประการ ดังนั้น เป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องระมัดระวังไม่ให้คำทำนายตามแผนตากสิน 2 เป็นจริง
3.การออกมาปฏิเสธการตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะกรรมสอบสวนการควบคุมเหตุการณ์ความไม่สงบในช่วงเดือนเมษายน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการอยู่ในรถของนายกฯ ที่กระทรวงมหาดไทย หรือการใช้กำลังควบคุมสถานการณ์ ซึ่งแม้ว่าจะมีการพิสูจน์ในเบื้องต้นจากหลายฝ่ายแล้ว แต่ก็ยังปฏิเสธข้อเท็จริงอยู่ โดยมีการออกมาปลุกระดมในหลักสูตรระดับอื่น
4.มีขบวนการหลายส่วนทั้งที่ระบุแหล่งที่มา และไม่ระบุแหล่งที่มา โดยมีการปล่อยข่าวของพรรคฝ่ายค้านอย่างเป็นระบบว่ามีความพยายามของแกนนำรัฐบาลในการทาบทามพรรคฝ่ายค้านออกมาร่วมรัฐบาล ซึ่งแนวทางนี้ทำอย่างต่อเนื่องโดยการสร้างข่าวเท็จเพื่อสร้างความแตกแยกให้แก่พรรคร่วม เพื่อแสดงให้เห็นสภาวการณ์ก่อนการชุมนุมในวันที่ 27 มิ.ย.ว่าการเมืองหลังจากที่สถานการณ์ได้เริ่มดีขึ้นตามลำดับ แต่ขณะนี้มีการพยายามทำสถานการณ์ที่ดีกับไปสู่ความสุ่มเสี่ยงเหมือนที่ผ่านมา
“พรรคฯ อยากเรียกร้องให้ทุกฝ่ายนึกถึงประโยชน์ส่วนรวม และนึกถึงโอกาสของประเทศในการที่จะฟื้นฟูความเชื่อมั่น เช่นที่นายกฯ เดินทางไปต่างประเทศสามารถกอบกู้ชื่อเสียงของประเทศที่เสียไปจากเหตุการณ์ไม่สงบ ตั้งแต่เหตุการณ์ที่พัทยา ดังนั้น อยากให้ฝ่ายที่เตรียมการชุมนุมยืนยันและทำทุกวิถีทางที่จะสร้างหลักประกันให้แก่สังคมว่าจะเป็นการชุมนุมอย่างสงบเรียบร้อย ไม่มีเหตุการณ์เผชิญหน้าและความไม่สงบในบ้านเมือง” นพ.บุรณัชย์ กล่าว