xs
xsm
sm
md
lg

อย่ายอมให้ “เหลือบการเมือง” ฮุบรถไฟ!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


แน่นอนกว่าการก่อหวอดประท้วงของพนักงานการรถไฟแห่งประเทศไทยภายใต้การนำของสหภาพแรงงานการรถไฟด้วยการหยุดเดินรถทั่วประเทศตั้งแต่เมื่อเช้าวานนี้ (22 มิถุนายน) ย่อมสร้างความเดือดร้อนกับพี่น้องประชาชนจำนวนมาก

เพราะทำให้การเดินทาง การขนส่งสินค้าไม่ได้รับความสะดวก ทำให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจ เป็นจำนวนไม่น้อย

แต่นั่นเป็นความเดือนร้อนเฉพาะหน้าที่ต้องเผชิญเพียงชั่วครั้งชั่วคราว เทียบกันไม่ได้กับความเดือดร้อนแบบถาวรหากยังปล่อยให้นักการเมืองและผู้บริหารการรถไฟฯบางกลุ่มร่วมมือกันสูบเลือดสูบเนื้อ โดยยกเอาเรื่องการปรับโครงสร้างบริหารจัดการมาเป็นฉากบังหน้า ทั้งที่โดยเนื้อแท้แล้วก็คือแผนฮุบการรถไฟฯ เปิดช่องให้เอกชนเข้ามาหาผลประโยชน์

เข้าทำนองแปรรูปการรถไฟฯ รูปแบบใหม่นั่นเอง!!


ตามแผนการปรับโครงสร้างการบริหารจัดการของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ที่ผ่านการเห็นชอบจากที่ประชุมของคณะรัฐมนตรีไปเมื่อวันที่ 3 มิถุนายนที่ผ่านมา ภายใต้การผลักดันของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม โสภณ ซารัมย์ “เพื่อนของเนวิน” คนเดิม เจ้าเก่า

สาระสำคัญก็คือ “ไฟเขียว” ให้การรถไฟฯ ดำเนินการจัดตั้งบริษัทลูก 2 บริษัท คือ บริษัทเดินรถ และบริษัทบริหารทรัพย์สินของการรถไฟฯ ทั้งหมด

สำหรับบริษัทแรกเข้ามาบริหารจัดการเดินรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ เชื่อมต่อสถานีพญาไทกับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ที่การรถไฟไปกู้เงินมาลงทุนกว่า 2.5 หมื่นล้านบาท และจนบัดนี้ยังมีปัญหาคาราคาซังเรื่องทุจริตไม่จบสิ้น

ส่วนบริษัทหลังจะเข้ามาบริหารสินทรัพย์ที่มีไม่น้อยกว่า 3 ล้านล้านบาท ซึ่งว่ากันว่าส่วนใหญ่จะเป็นที่ดินตั้งแต่เหนือจรดใต้รวมแล้วกว่า 2.5 แสนไร่ แยกเป็นที่ดินในทำเลทอง ย่านในเมืองไม่น้อยกว่า 5 หมื่นไร่

ที่เห็นเป็นตัวอย่างได้ชัดเจนก็คือ ที่ดินในโครงการ เซ็นทรัลลาดพร้าว ตลาดนัดสวนจตุจักร ย่านรัชดาภิเษก รวมไปถึงตามสถานีรถไฟในเมืองทั่วประเทศก็มีมูลค่าในเชิงพาณิชย์มหาศาล

ซึ่งผู้เชี่ยวชาญมองว่าถ้าบริหารดีอย่างมีประสิทธิภาพก็สามารถได้มูลค่าในทำเลทองดังกล่าว นำ รายได้เข้าการรถไฟฯไม่น้อยกว่า 4-5 หมื่นล้านบาทต่อปีเลยทีเดียว

หากพิจารณาให้เห็นภาพก็ถือว่า การรถไฟฯ มีศักยภาพโดยตัวของมันเองอยู่แล้ว ในการจัดการหารายได้

แต่ที่ผ่านมาผลออกมาในทางตรงกันข้ามเป็นการบริหารที่ “ห่วยแตก” การรถไฟฯ กลายเป็นแหล่งแสวงหาผลประโยชน์ของกลุ่มการเมืองร่วมมือกับผู้บริหารการรถไฟร่วมมือกัน “สูบเลือดสูบเนื้อ” มาตลอด จนเวลานี้ขาดทุนสะสมบักโกรกร่วมแสนล้านบาท

ไม่เคยมีความจริงใจในการพัฒนา หรือเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการให้ดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย ซึ่งหากกล่าวตามความเป็นจริงแล้วการรถไฟในวันนี้ไม่ได้พัฒนารุดหน้าแตกต่างไปจากการก่อตั้งในยุค “พระพุทธเจ้าหลวง” ที่ก่อตั้งเมื่อร่วม 100 ปีก่อน แต่อย่างใด

ถ้าเป็นกิจการของเอกชนถือว่าล้มละลายแล้ว!!

เมื่อวกกลับมาที่การตั้งบริษัทลูก 2 บริษัทเพื่อเข้ามาจัดการเดินรถโครงการแอร์พอร์ตลิงก์ และบริหารสินทรัพย์ที่มีมากมายมหาศาลดังกล่าวข้างต้น แม้ว่าในเงื่อนไขจะอ้างว่าการรถไฟฯยังถือหุ้นร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ตาม

มองดูเผินๆ เหมือนกับว่าการรถไฟฯยังเป็นเจ้าของ แต่ในความจริงกลายเป็นว่ามีการเปิดช่องให้เอกชนเข้ามาบริหาร เข้ามา “ชุบมือเปิบ” โดยที่ไม่ต้องลงทุนอะไร และคาดเดาเอาไว้ล่วงหน้าได้เลยว่าจะมีกลุ่ม“ทุนการเมือง”เข้ามาหาประโยชน์ หรือถ้าพูดกันแบบตรงไปตรงมาก็คือการ “แปรรูป” แบบใหม่นั่นเอง

และยิ่งมองไปที่นักการเมือง และผู้บริหารการรถไฟฯ ที่ร่วมกันผลักดันโครงการนี้ก็ยิ่งไม่น่าไว้ใจ ส่วนหนึ่งก็เคยผลักดันโครงการอื้อฉาวเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4 พันคัน มูลค่า 6.9 หมื่นล้านบาท(ล่าสุดยอมลดลงมาเหลือ 6.4 หมื่นล้านบาท) จนถูกสังคมวิจารณ์ด่ากันขรมมาแล้ว

คราวนี้ก็ฉวยโอกาสอ้างสถานการณ์ขาดทุนมหาศาลเพื่อเข้ามาฟื้นฟูการรถไฟฯ แม้ว่าในความเป็นจริงจะต้องมีการผ่าตัด ปรับปรุงประสิทธิภาพของการรถไฟแห่งประเทศไทยอย่างขนานใหญ่ แต่ต้องอยู่ภายใต้การดำเนินการอย่างโปร่งใส ให้พนักงานได้มีส่วนรับรู้ โดยยึดประโยชน์ของส่วนรวมเป็นหลัก ไม่ใช่ “งุบงิบ” กันเฉพาะกลุ่มเท่านั้น

ดังนั้น การก่อหวอดประท้วง ขัดขวางการแปรรูปในรูปแบบใหม่ของการรถไฟฯในครั้งนี้ แม้ว่าจะสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านบ้างเป็นการเฉพาะหน้า ซึ่งต้องชี้แจงทำความเข้าใจให้กระจ่าง แต่การขัดขวางไม่ให้เกิดการ “ฮุบกิจการ” อย่างหน้าด้านๆ ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่กว่า

และสมควรจะต้องเดินหน้าจนถึงที่สุด!!

กำลังโหลดความคิดเห็น