xs
xsm
sm
md
lg

“เป็ดเหลิม” ปากไร้หูรูด ด่า “มาร์ค” ปัญญาทึบ เป็น รบ.ฝึกงาน ให้โจรใส่สูทสูบผลประโยชน์ ปชช.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“เป็ดเหลิม” มันปาก ด่า “มาร์ค” ปัญญาทึบ เผยจัดสรรงบเพ้อฝัน ทำอะไร 2 มาตรฐานทุกเรื่อง เผยบริหารประเทศเหมือนรัฐบาลฝึกงาน ทั้งเรื่องดับไฟใต้ เรียนฟรี 15 ปี รวมถึงเช็คช่วยชาติ 2,000 ด้าน “มาร์ค” ลุกขึ้นโต้ ย้ำนโยบายที่ทำกระตุ้น ศก.ได้จริง สำหรับปัญหารถเมล์ NGV ฉาวที่โยนเผือกร้อนให้สภาพัฒน์ศึกษาข้อมูล ชี้ไม่ใช่ให้ตรวจสอบว่าทุจริตหรือไม่ ระบุหน่วยงานที่ทำหน้าตรวจสอบมีแค่ ปปช.เท่านั้น ขณะที่ “ซาเล้ง” ได้ทีลุกเอาหน้า ยันรัฐใช้เงินเพื่อประโยชน์ของคนกรุงและชนบท ส่วนรถเมล์ฉาวไม่ได้เป็นผู้ริเริ่ม แต่แค่สานต่อหวังให้คนกรุงได้ใช้รถราคาประหยัด

วันนี้ (17 มิ.ย.) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นปภิปรายว่า รัฐบาลจัดงบประมาณแบบเพ้อฝัน โดยจัดงบน้อยกว่าประมาณการถึง 2 แสนล้านบาท ทั้งที่ควรจะทำงบลงทุนให้มากกว่านี้ แต่กลับจัดงบรายจ่ายประจำมากกว่า ซึ่งถือว่าเป็นการบริหารบ้านเมืองไม่เป็น หรือปัญญาทึบ มี 2 มาตรฐานเกือบทุกเรื่อง เป็นรัฐบาลฝึกงานในการจัดสรรงบประมาณ โดยเฉพาะการจัดเก็บงบไม่เข้าเป้าเนื่องจากไม่ได้รับแรงศรัทธาจากประชาชน กรณีการแก้ไขปัญหาภาคใต้ หากรัฐบาลชุดนี้แน่จริงจะต้องออก สบ.ชต.เป็นพระราชบัญญัติทำไม แล้วก็ไม่ควรมั่วเอานโยบายเรียนฟรีมาอวดอ้างว่าเป็นโครงการที่สามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ ส่วนกรณีเช็คช่วยชาติ 2,000 บาท ก็มีจำนวนผู้ที่ไม่มารับถึง 604,633 คน หรือคิดเป็นเงินที่ยังคงค้างอยู่ 1,208 ล้านบาท จึงอยากถามว่าเงินส่วนนี้ถูกนำไปไว้ที่ไหน และนำไปใช้อะไร

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวถึงปัญหารถเมล์เช่ารถเมล์เอ็นจีวี จำนวน 4,000 คัน ซึ่งที่ประชุม ครม.ได้โยนให้สภาพัฒน์ฯไปศึกษาว่าจะเช่าหรือซื้อรถเมล์เอ็นจีวีว่า ตนอยากรู้ว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี คิดได้อย่างไง เพราะหากกล้าจริงควรให้มีการตรวจสอบเรื่องการทุจริต ไม่ใช่ศึกษาว่าจะซื้อหรือเช่า เพราะในสมัยที่ตนเป็น รมว.คลัง ก็เป็นผู้คัดค้านโครงการดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่ามีความไม่ชอบมาพากล ไม่รู้ว่า 4,000 คัน จะนำไปวิ่งที่ไหน ขนาดยังไม่วิ่งก็ต้องเสียเงินซ่อม แล้วเชื่อว่าหากเรื่องนี้ไม่ได้รับการอนุมัติต่อให้เอาปืนใหญ่ไปจี้หัวก็ไม่มีพรรคการเมืองไหนยอมถอนตัวจากรัฐบาลแน่

“อยากให้เอาให้ชัดไปเลยว่ารัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ จะสร้างรถไฟฟ้าสายนั้นสายนี้ หรือจะเอารถเมล์เอ็นจีวีด้วย แต่คนอีสานทั้ง 19 จังหวัดไม่ได้อะไรเลย จะได้ไปวัดกันในการเลือกตั้ง ถ้าหากนายกฯ เห็นว่าโครงการรถเมล์ไม่ทุจริตก็ควรรีบอนุมัติให้เขาไป โดยในช่วงต้นปีหน้าคงได้เจอพวกตนตามทุบเรื่องนี้แน่” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวต่อว่า ขอให้รัฐบาลบริหารบ้านเมืองมากกว่าบริหารการเมือง เพราะกำลังมีโจรใส่สูท เตรียมคิดค่าคอมมิสชั่นใน 8 แสนล้านบาท ฉะนั้น นายกฯ ต้องระวัง ทั้งนี้ ขอสรุปว่า รัฐบาลจัดทำงบแบบไม่มีระบบ ไม่มีความรู้ ไม่คำนึงถึงการลงทุนในประเทศและต่างประเทศ อวดดี ขายภาพ ไม่รู้จักวินัยการเงินและการคลัง รวมทั้งยังจัดทำงบที่ตรวจสอบไม่ได้ นั่นคือ พ.ร.ก.และร่างพ.ร.บ.กู้เงิน 8 แสนล้านที่ไม่มีแผนปฏิบัติ

“วันนี้การเมืองต้องสู้กันด้วยนโยบาย แต่ประชาธิปัตย์กลับลอกนโยบายพรรคไทยรักไทย ทั้งที่สถานการณ์ต่างกัน ดังนั้น ผมจึงไม่ขอโหวตลงมติร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 53” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว

ขณะที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ลุกขึ้นชี้แจงทันควันกรณีที่ถูก ร.ต.อ.เฉลิม พาดพิงว่า สิ่งที่ ร.ต.อ.เฉลิมพูดไปไม่ได้มีการเสนออะไรที่ชัดเจน แต่เป็นการอภิปรายทั่วไป ที่บอกว่านโยบายของรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งการจัดงบประมาณและการเก็บภาษีไม่เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งนั่นไม่เป็นความจริง เพราะไม่ว่าตำราเศรษฐศาสตร์ฉบับไหน ก็ระบุเหมือนกันหมดว่า การเพิ่มงบประมาณและการเพิ่มภาษี ถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจเหมือนกัน ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านกล่าวหาว่า โครงการเรียนฟรี 15 ปีไม่เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็ไม่ใช่ เพราะนโยบายเรียนฟรีเจตนารมณ์ที่แท้จริง คือ ต้องการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครอง โดยรัฐบาลจะใส่เงินสดเข้าไปในระบบ และสามารถไปตรวจได้ว่าในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา มีเงินซึ่งถูกนำไปใช้หมุนเวียนจำนวนมาก

สำหรับเรื่องรถเมล์เอ็นจีวีที่ส่งให้สภาพัฒน์ไปศึกษานั้น นายอภิสิทธิ์ชี้แจงว่า ไม่ได้ส่งให้ศึกษาว่าทุจริตหรือไม่ แต่ส่งให้ไปดูว่า ควรจะมีการปฏิรูประบบรถเมล์อย่างไร และรัฐบาลก็เล็งเห็นว่าทางสภาพัฒน์เป็นองค์กรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ และมีความเป็นกลาง โดยในทางตรงข้ามหากรัฐบาลส่งเรื่องให้สภาพัฒน์ไปตรวจสอบว่ามีการทุจริตหรือไม่ คงเป็นเรื่องแปลก เนื่องจากองค์กรเดียวที่จะบอกว่ามีการทุจริตหรือไม่คือ ป.ป.ช. ทั้งนี้ ยืนยันว่าการขึ้นภาษีน้ำมันยังไม่มีการส่งต่อภาระของประชาชน แต่ได้ใช้กลไกของกองทุนน้ำมันเข้าไปแทรกแซงราคาแทน

นอกจากนี้ นายอภิสิทธ์กล่าวยอมรับว่า โครงการต้นกล้าอาชีพในช่วงเดือนแรกๆ อาจจะต่ำกว่าเป้าที่วางไว้ แต่ในระยะหลังมีผู้ที่ตกงานมาเข้าร่วมโครงการดังกล่าวมากขึ้น โดยขณะนี้ที่ประชุม ครม.ได้อนุมัติการจ้างพนักงานธุรกิจในโรงเรียนอีกจำนวนหนึ่ง เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ฝึกอบรมได้เข้าไปทำหน้าที่เป็นครูให้ความรู้กับผู้ฝึกอบรมรุ่นต่อๆ ไป สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหายาเสพติดต้องยอมรับว่า รัฐบาลยังไม่พอใจ แต่ได้มีการบูรณาการในการแก้ไขปัญหามาตลอด โดยให้ กอ.รมน.เข้ามามีส่วนร่วมงานกับทาง ป.ป.ส.ที่เน้นการปราบปรามและป้องกันควบคู่กันไป ภายใต้งบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัด ซึ่งตัวเลขที่ออกมานับตั้งแต่ที่มีการประกาศนโยบายเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับปีที่แล้วพบว่า มีการจับกุมผู้ค้าเพิ่มขึ้น 9% รวมทั้งยึดของกลางเพิ่มอีก 42 % โดยไม่มีการฆ่าตัดตอน

“งบประมาณที่ทำเป็นไปตามกรอบกฎหมาย เพื่อต้องการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ แต่ยอมรับว่างบที่จัดลงไป ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ เพราะยังมีอีกหลายอย่างที่อยากจัดงบสนับสนุน แต่ต้องรอเวลาก่อน” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

ด้าน นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคมชี้แจงว่า ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจการต้องใช้เงินให้เป็นประโยชน์ ทั้งต่อคนกรุงเทพฯ และคนชนบท โดยขอยืนยันว่า ทางกระทรวงคมนาคมไม่ได้ทอดทิ้งคนชนบท เนื่องจากเรามีการจัดทำโครงการถนนไร้ฝุ่น ส่วนโครงการรถเมล์เอ็นจีวีตนไม่ใช่เป็นผู้ริเริ่ม แต่เมื่อรับผิดชอบ ขสมก.ซึ่งมีหนี้ 6 หมื่นล้านบาท จึงทำให้ตนต้องหาวิธีเข้ามาอุดหนี้ โดยต้องคิดว่าจะทำอย่างไรให้คน กทม.ได้ขึ้นรถในราคาประหยัดและตรงต่อเวลามากที่สุด โดยรัฐบาลชุดนี้เข้ามาปรับปรุงทุกสิ่งทุกอย่างให้ดียิ่งขึ้น หากสภาพัฒน์ตัดสินใจว่าอย่างไร ตนก็ไม่มีปัญหา





กำลังโหลดความคิดเห็น