xs
xsm
sm
md
lg

3 รมต.แจงอนุฯ มหาดไทย กก.สาย"เพื่อแม้ว"เบนประเด็น รบ.ล่อเป้า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online




อนุกรรมการสอบเหตุมหาดไทย เชิญ “สุเทพ-ประวิตร-ชวรัตน์” แจงเหตุเสื้อแดงทุบทำร้ายรถนายกฯ กลางกระทรวงมหาดไทย “เทพเทือก” ปฏิเสธล่อเป้าหาเหตุประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จัดการเสื้อแดง ขณะที่ “บิ๊กป้อม” รับมหาดไทยเป็นพื้นที่ล่อแหลม แต่ไม่กล้าขัดให้เปลี่ยนสถานที่ ด้าน “ปู่จิ้น” พ้อนิสัยมนุษย์จ้องจับผิดหากใช้พื้นที่ทหารต้องสงสัยอีก ส่วนอนุ กก.ฟาก"เพื่อแมเ้ว"ทำทีข้องใจทำไมจับมือทุบรถนายกฯ ไม่ได้ทั้งๆ ที่เห็นหน้าชัดเจน

วันนี้ (17 มิ.ย.) ที่รัฐสภา มีการประชุมอนุกรรมการรวบรวมเหตุการณ์ที่บริเวณกระทรวงมหาดไทย ในคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมือง ที่มีนางนฤมล ศิริวัฒน์ ส.ว.อุตรดิตถ์ เป็นประธาน ได้เชิญรัฐมนตรีที่อยู่ในเหตุการณ์การประกาศ พ.ร.ก.บริหารรายการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ประกอบด้วย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม และนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว. มหาดไทย เข้าชี้แจง

นายสุเทพได้เล่าเหตุการณ์ในวันที่ 12 เม.ย.ที่ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ว่า ไม่ได้คาดคิดว่าจะมีเกิดความรุนแรงทั้งทุบรถและทำร้ายร่างกาย และที่ตัดสินใจเลือกกระทรวงมหาดไทยเพราะมีความพร้อมในอุปกรณ์และเอกสารที่เตรียมพร้อม โดยเฉพาะได้มอบหมายให้นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในเรื่องกฎหมายเป็นผู้ร่างประกาศ และไม่มีใครไม่เห็นด้วย ส่วนเรื่องการรักษาความปลอดภัยก็ไม่ได้สั่งการอะไรเป็นพิเศษ แต่ได้ โทร.ขอ ผบ.ตร.ส่งตำรวจมาดูแล ในส่วนทหารตนไม่ได้สั่งการ แต่คาดว่าจะเป็นประสานกันระหว่าง ผบ.ตร.และ ผบ.ทบ. ส่วนที่ตั้งข้อสังเกตว่าทหารที่มาเป็นกองร้อยจำนวน 150 นาย แต่กลับไม่ได้เข้ามาช่วยขณะที่ถูกทุบรถนั้น ตนคิดว่าเสื้อแดงยั้วเยี้ยไปหมดเป็นพันๆ คนทั้งข้างนอกข้างใน ใครก็คงเอาไม่อยู่ ทั้งนี้ ยอมรับว่าเห็นทหารที่เป็นทีม รปภ.ยิงปืนพกสั้นขึ้นฟ้าทำให้กลุ่มคนเสื้อแดงชะงัก จึงเป็นโอกาสที่รถที่ตนนั่งขยับออกมาได้ และได้พุ่งชนประตูออกไป โดยเป็นการตัดสินใจของคนขับรถ ไม่ได้มีการปรึกษาหารือตนและนายกฯ แต่อย่างใด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อนุกรรมการได้ให้ความสนใจซักถามการโยนสิ่งของเข้าไปในรถเบนซ์สีดำประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งทางกลุ่ม นปช.อ้างว่าไม่น่าจะมีนายกฯ และรองนายกฯ นั่งอยู่ ซึ่งนายสุเทพได้ยืนยันว่าได้นั่งอยู่ในรถตลอด และเมื่อขึ้นรถแล้วก็ไม่ได้ประตูหรือกระจกรับของจากเจ้าหน้าที่ รปภ.แต่อย่างใด ขณะที่คำชี้แจงของ รปภ.ของนายสุเทพก่อนหน้านี้ ระบุว่าได้ยื่นซองพลาสติกให้กับนายสุเทพขณะที่นั่งอยู่ในรถ อีกทั้งมีหลักฐานเป็นเทปบันทึกภาพข่าวในสื่อยืนยัน

ขณะที่ นายขจิต ชัยนิคม ส.ส.มหาสารคาม อนุกรรมการจากพรรคเพื่อไทย ได้ตั้งข้อสังเกตว่า เหตุการณ์ดังกล่าวยังไม่มีการดำเนินการจับกุมผู้ที่ทุบรถ ทั้งๆ ที่มีภาพถ่าย เห็นหน้าชัดเจน แต่กลับประกาศจับคนที่ไม่ได้เข้ามาในกระทรวง

นอกจากนี้ นายขจิตยังอ้างว่า มี 2-3 รายที่กลุ่มคนเสื้อแดงจับไปให้ตำรวจเอง นอกจากนี้ เหตุใดไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาดูแลรักษาความปลอดภัยในกระทรวงมหาดไทย มีเพียง ศรภ. และทีมรปภของนายกฯ และรัฐมนตรีประมาณ 30 นาย ทหาร 1 กองร้อย อส.40 นาย อีกทั้งเหตุใดจึงไม่ใช้พื้นที่ทหาร ทั้งกองทัพไทย หรือ รอ.1 ในการประกาศ พ.ร.ก. โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทยถือเป็นพื้นที่ล่อแหลม ซึ่งทางกลุ่ม นปช.ระบุว่าเป็นการลวงเพื่อใช้ล่อเป้าเพื่อประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งนายสุเทพยืนยันว่า ไม่ได้มีเจตนาเพื่อล่อเป้าแต่อย่างใด

ด้าน พล.อ.ประวิตร ชี้แจงว่า ในการประกาศ พ.ร.ก.ตนไม่ได้เข้าร่วมประชุมด้วย แต่ได้รับการประสานจากนายสุเทพให้มาร่วมแถลงที่กระทรวงมหาดไทย ซึ่งยอมรับว่าการใช้พื้นที่กระทรวงมหาดไทยถือว่าล่อแหลม แต่ได้ถามนายสุเทพว่าคิดดีแล้วหรือ แต่ไม่ได้คัดค้านเพราะเป็นแค่รัฐมนตรีกลาโหม ท่านมีอำนาจเต็มและมากับนายกฯ ตนสั่งท่านไม่ได้ แต่ได้ประสานไปยังแม่ทัพภาคที่ 1 ให้ส่งทหารมาดูแลพื้นที่ด้วย ทั้งนี้ เห็นเหตุการณ์ทุบรถนายกฯ ตนยังได้สั่งให้ลูกน้องไปช่วยนายกฯ และทราบว่าได้มีการยิงปืนขึ้นฟ้า ซึ่งก็ทำให้รถนายกฯ ขยับออกไปได้ ซึ่งวันนั้นถ้ารถนายกฯ ไม่ได้หุ้มเกราะก็คงเสร็จไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่านายสุเทพไม่ได้คิดวางแผนป้องกันความปลอดภัย เหตุการณ์วันดังกล่าวเป็นอุบัติเหตุ เหมือนกับเหตุการณ์ที่พัทยา เพราะคิดว่าอย่างไรก็เป็นคนไทยด้วยกัน แต่ต่อไปถือเป็นบทเรียน

จากนั้น นายชวรัตน์ได้ชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในกระทรวงมหาดไทยในวันประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิืน ว่า ได้รับการประสานมาว่าจะมาประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ โดยไม่เคยเข้าประชุมในเรื่องนี้ ส่วนการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ ไม่ได้มีการซักซ้อมว่าจะหนีออกจากกระทรวงมหาดไทยอย่างใด แต่ทราบว่ามีเจ้าหน้าที่ อส.จำนวน 70 คนที่คอยดูแลรักษาความสงบอยู่ ส่วนที่ตั้งข้อสังเกตว่าทำไมไม่เลือกพื้นที่ทหารนั้น ตนคิดว่าเป็นนิสัยของมนุษย์ หากเลือกไปที่ของทหารก็ต้องถูกถามอีกว่าทำไมไปพื้นที่ทหารอีก

อนึ่ง เหตุการณ์ฺรุนแรงที่กระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 12 เม.ย.เกิดขึ้นหลังจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีได้ไปใช้สถานที่กระทรวงมหาดไทยในการประกาศใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ภายหลังจากกลุ่มคนเสื้อแดงได้ชุมนุมปิดการจราจรตามถนนสายสำคัญหลายจุด รวมทั้งมีการชุมนุมกดดันศาลให้ปล่อยตัวนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำคนเสื้อแดง ที่ถูกจับกุมหลังจากพาพวกบุกทำลายการประชุมผู้นำอาเซียนและประเทศคู่เจรจาที่พัทยาเมื่อวันที่ 11 เม.ย. นอกจากนั้นยังมีการปลุกระดมคนเสื้อแดงให้จับตัวนายอภิสิทธิ์เพื่อบีบบังคับให้ลาออกจากตำแหน่งด้วย ขณะที่ผู้ปราศรัยบนเวทีหน้าทำเนียบรัฐบาลบางคนเรียกร้องให้ฆ่านายอภิสิทธิ์ด้วย

ทั้งนี้ การชุมนุมของคนเสื้อแดงที่กระทรวงมหาดไทยมีท่าทีชัดเจนที่จะทำร้ายนายอภิสิทธิ์ โดยคนเสื้อแดงได้กรูกันไปล้มรถประจำตำแหน่งนายกฯ ที่นายอภิสิทธิ์นั่งอยู่ขณะกำลังจะออกจากกระทรวง โดยมี รปภ.ของนายกฯ และผู้ติดตาม หลายคนถูกคนเสื้อแดงทำร้ายได้รับบาดเจ็บ และถูกควบคุมตัวไปที่เวทีคนเสื้อแดงหน้าทำเนียบรัฐบาล อย่างไรก็ตาม แกนนำคนเสื้อแดงได้พยายามเบี่ยงเบนประเด็นว่า นายอภิสิทธิ์ไม่ได้อยู่ในรถ และอ้างว่ารัฐบาลล่อเป้าให้คนเสื้อแดงเข้าไปทุบรถ แต่ในข้อเท็จจริงแกนนำคนเสื้อแดงได้ประกาศจับตัวนายอภิสิทธิ์ตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย.หลังจากล้มการประชุมอาเซียนที่พัทยาแล้ว








กำลังโหลดความคิดเห็น