เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เข้าชี้แจงอนุฯ สอบเหตุทุบรถที่มหาดไทย ยืนยันนายกฯ อยู่ในรถคันที่เกิดเหตุจริง ปฏิเสธจัดฉากตามข้อกล่าวหาแก๊งหัวขวด ระบุเกือบเอาชีวิตไม่รอดเพราะเหตุเสื้อแดงบ้าคลั่ง ชี้ “สุเทพ” เป็นคนจัดสถานที่แถลงข่าวในวันเกิดเหตุ ก่อนที่โจรหางแดงจะบุกรุมทุบรถ
ภาพวิดีโอเหตุการณ์เสื้อแดงบุกมหาดไทย รุมทุบรถขบวนนายกฯ 12 เม.ย. 52
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นาย นิพนธ์ พร้อมพันธุ์
วันนี้ (2 มิ.ย.) ในการประชุมคณะอนุกรรมการตรวจสอบเหตุการณ์การชุมนุมที่กระทรวงมหาดไทย ซึ่งมี นางนฤมล ศิริวัฒน์ ส.ว.สรรหา เป็นประธาน ได้เชิญ นายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากการถูกทำร้ายที่กระทรวงมหาดไทย เข้าชี้แจง โดยอนุกรรมการพยายามสอบถามข้อเท็จจริงถึงสาเหตุที่ตัดสินใจเลือกกระทรวงมหาดไทยในการประชุมและแถลงข่าว นอกจากนี้ยังได้สอบถามถึงคนที่จะเข้าทำร้ายว่าเป็นเสื้อแดงเทียมหรือเสื้อแดงแท้
นายพิพนธ์กล่าวว่า มีคนเตือนว่ายุทธศาสตร์ของกระทรวงมหาดไทย ไม่เหมาะกับการแถลงข่าว เพราะอยู่ใกล้กับคนเสื้อแดงมากเกินไป โดยได้คัดค้านตั้งแต่แรก สอดคล้องกับนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมที่ย้ำตลอดว่าไม่น่าจะใช้สถานที่ดังกล่าวแถลงข่าว แต่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นคนมั่นใจในตัวเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อนุกรรมการได้พยายามถามว่า เคยได้ยินหรือไม่ว่ามีกลุ่มการเมืองต้องการนำนายกฯ มาล่อเป้า ซึ่งนายนิพนธ์ยอมรับด้วยว่าเคยได้ยิน แต่เชื่อว่าเรื่องนี้ไม่มีมูลความจริง ยืนยันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นการจัดฉาก หรือพยายามทำให้สถานการณ์บานปลายเพื่อประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยนายกรัฐมนตรีได้รอให้หน่วยรักษาความปลอดภัย ทั้งตำรวจ ทหารมาดูแลในกระทรวงมหาดไทยก่อนจึงเข้ามาแถลงข่าว
นอกจากนี้ นายนิพนธ์เล่าถึงเหตุการณ์วันชุมนุมว่า หลังส่งนายกรัฐมนตรีขึ้นรถแล้ว ตนพยายามไปขึ้นที่รถส่วนตัวแต่ไปไม่ทัน เพราะกลุ่มผู้ชุมนุมเข้ามาภายในกระทรวงมหาดไทยแล้วจึงตัดสินใจหนีขึ้นไปหลบซ่อนตัวที่ลานจอดรถกรมการพัฒนาชุมชน และประสานไปยังคนขับรถและคนติดตามให้นำรถขึ้นไปรับ แต่กลุ่มผู้ชุมนุมพยายามค้นภายในกระทรวงเพื่อหาตัวรัฐมนตรี โดยบอกว่า “ถ้าเจอเมื่อไหร่จะตีให้ตาย” จึงดับเครื่องจอดรถหลบอยู่ประมาณ 25 นาที กลุ่มคนเสื้อแดงได้พยายามส่องที่กระจกและตะโกนบอกว่า “นายนิพนธ์อยู่นี่” จากนั้นจึงเรียกผู้ชุมนุมมาสมทบเพิ่มเติม ตนจึงตัดสินใจขับรถพุ่งออกจากกระทรวงมหาดไทย แต่ไปไม่ได้เนื่องจากติดรถแท็กซี่ กลุ่มคนเสื้อแดงได้ใช้อิฐบล็อก เหล็กแหลม ของแข็งทุบตีรถ ทำให้ได้รับบาดเจ็บ แต่ไม่ถึงขั้นซี่โครงหัก จากนั้นมีคนประกาศให้หยุดทำร้าย ซึ่งภาพที่เผยแพร่ตามสื่อมวลชนตอนที่ถูกดึงออกมาไม่ได้เป็นการทำร้าย แต่เป็นความพยามยามเข้ามาช่วยเหลือส่งโรงพยาบาลพญาไท 2 แต่ไม่สามารถเล่าให้ฟังได้ว่าใครเข้ามาช่วย เพราะเป็นการมิบังควร ส่วนคนที่เข้ามาทำร้ายตนนั้นจะเป็นแดงแท้หรือแดงเทียมตนไม่ทราบ เชื่อว่าก็มีทั้งคนที่บริสุทธิ์ใจและไม่บริสุทธ์ใจ และก็ต้องมีปนกันบ้าง
นอกจากนี้ นายนิพนธ์ยังตำหนิการทำงานของตำรวจ และทหารที่ไม่ปฏิบัติหน้าที่ดีเท่าที่ควรเรื่องการรักษาความปลอดภัย แต่เข้าใจทีหลังว่าเจ้าหน้าที่ไม่ต้องการให้เกิดการปะทะ หรือกลุ่มผู้ชุมนุมบาดเจ็บและเสียชีวิต จะกลายเป็นเรื่องน้ำผึ้งหยดเดียว ส่วนเสียงปืนที่ดังขึ้น เป็นการยิงปืนขึ้นฟ้าของ รปภ.รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อเปิดทางให้ขบวนนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีออกจากกระทรวงมหาดไทยได้
จากนั้นอนุกรรมการได้นำภาพเหตุการณ์กลุ่มเสื้อแดงทุบรถนายกรัฐมนตรีมาเปิดในที่ประชุม พร้อมทั้งได้สอบถามกรณีที่นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ แกนนำ นปช.ได้ตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดผู้ติดตามจึงสามารถเปิดประตูด้านขวาหลังคนขับแล้วยื่นเอกสารเข้าไป และตั้งข้อสังเกตว่า นายกรัฐมนตรีไม่น่าจะอยู่ในรถ นอกจากนี้ยังนำภาพถ่ายด้านหน้ารถยนต์ของนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคนเสื้อแดงอ้างว่าเป็นหลักฐานสำคัญเพราะมองเห็นแต่เบาะหลัง แต่ไม่เห็นคนนั่งข้างหลัง ซึ่งนายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะอนุกรรมการฯ ยืนยันว่านายกรัฐมนตรีอยู่ในรถ พร้อมทั้งขอให้ส่งภาพนี้ไปตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์
นอกจากนี้ นายนิพนธ์ยังเปิดใจถึงสถานการณ์ทางการเมืองว่า ขอให้แต่ละฝ่ายหยุดเอาชนะคะคานกัน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตนเองเป็นเหมือนสงคราม เอาเป็นเอาตายกัน แม้ไม่รู้จักกันมาก่อน ซึ่งการใช้กฎหมายอาญาเข้ามาแก้ปัญหาทุกวันนี้เชื่อว่าไม่สามารถทำให้ปัญหาจบได้
อย่างไรก็ตาม ในการประชุมครั้งต่อไปจะเชิญนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ และหัวหน้า รปภ.ของกระทรวงมหาดไทย และผู้ดูแลกำลังทหาร นักข่าวที่อยู่ในเหตุการณ์ มาชี้แจงเพิ่มเติม โดยวันอังคาร 9 มิถุนายน คาดว่าจะสรุปข้อมูลเบื้องต้นได้