ASTVผู้จัดการรายวัน - “อภิสิทธิ์”ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลบางส่วน ตำรวจรวบเดนนรก “อริสมาร” ข้อหาทำลายการประชุมอาเซียน พร้อมส่งขังค่ายนเรศวร ด้าน “แดงถ่อย” ก่อจลาจลป่วนเมืองบุกมหาดไทยไล่ทุบรถนายกฯ สำแดงสันดานเถื่อนรุมยำคนขับ-เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเจ็บหนัก พร้อมจับ รปภ.นายกฯสวมกุญแจมือส่งขึ้นเวทีทำเนียบฯ ขณะที่ “นิพนธ์ พร้อมพันธุ์” พร้อมคนขับถูกตีหัวแตก ฮือปิดถนนรัชดาภิเษกหน้าศาล-สตช.จี้ปล่อยตัว “อริสมาร ด้าน“สุเทพ” ลั่นอนุญาตทหาร-ตำรวจจัดการเต็มที่ ระบุหากเกิดอะไรขึ้นจะขอรับผิดชอบเองตามอำนาจใน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน “น.ช.แม้ว” ปลุกประชาชนก่อจลาจล ลั่นหากปฏิวัติจะกลับเข้าไทยทำทัพต่อสู้
วันที่ 12 เม.ย. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีได้ออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพฯและปริมณฑลเพื่อให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการแก้ไขให้สถานการณ์เข้าสู่สภาวะปกติโดยเร็ว ยืนยันรัฐบาลจะหลีกเลี่ยงความสูญเสียหรือเป็นเงื่อนไขที่จะให้เกิดความลุกลาม
สำหรับพื้นที่ที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงได้แก่ เขตท้องที่กรุงเทพมหานคร, จังหวัดนนทบุรี, อ.เมืองสมุทรปราการ อ.บางพลี อ.พระประแดง อ.บางบ่อ อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ, อ.ธัญบุรี อ.ลาดหลุมแก้ว อ.สามโคก อ.ลำลูกกา อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี, อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม และ อ.วังน้อย อ.บางปะอิน อ.บางไทร อ.ลาดบัวหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
นอกจากนี้ ยังมีคำสั่งแต่งตั้งให้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้กำกับการปฏิบัติงานของหัวหน้าผู้รับผิดชอบ พนักงาน เจ้าหน้าที่และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติงานในทุกท้องที่ตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่ร้ายแรงดังกล่าว เพื่อให้มีความพร้อมในเชิงเครื่องมือทางกฎหมายสำหรับเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายให้มีความมั่นใจในการปฏิบัติหน้าที่ได้โดยอยู่ในขอบเขตของกฎหมาย ภายใต้การกำกับงานของรองนายกรัฐมนตรี และเพื่อนำให้สถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด ยืนยันรัฐบาลจะทำทุกวิถีทางที่จะหลีกเลี่ยงความสูญเสีย หรือปัญหาที่จะเป็นเงื่อนไขในการลุกลามของสถานการณ์ต่อไป วอนประชาชนสนับสนุนการทำงานของรัฐบาลเพื่อนำความสงบสุขกลับคืนมา และขอให้ประชาชนเข้าใจถึงความจำเป็นดังกล่าว
**จับ"กี้ อริสมันต์"คาบ้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าวันที่ 12 เม.ย. ตำรวจนครบาลนำหมายจับของศาลอาญา เลขที่ 983/2552 ลงวันที่ 11 เม.ย.2552 เข้าจับกุมนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ในข้อหากระทำการด้วยวาจาและยุยงให้ประชาชน จับกุมตัวนายกรัฐมนตรี โดยสามารถจับกุมได้ที่บ้านพักย่านฝั่งธนบุรี ก่อนนำตัวไปควบคุมไว้ที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 จ.ปทุมธานี
ต่อมาเมื่อเวลา 11.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.สุพร พันธุ์เสือ รอง ผบช.น. โฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล แถลงข่าวยืนยันกรณีที่ตำรวจเข้าจับกุม นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำคนเสื้อแดง ว่า ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานกรณีการชุมนุมของกลุ่ม นปช. อย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเมื่อเย็นวันที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น.ได้ไปยื่นคำร้องขออนุมัติหมายจับ นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง แกนนำกลุ่มเสื้อแดง ต่อศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ในความผิดข้อหากระทำการให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา อันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญหรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน กรณีที่นายอริสมันต์ ได้กล่าวปลุกระดมให้ประชาชนกลุ่มเสื้อแดงตามจับตัวนายกรัฐมนตรี ซึ่งศาลพิจารณาแล้วได้อนุมัติหมายจับตามคำขอ
ทั้งนี้ ตำรวจนำตัวไปสอบปากคำที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 จังหวัดปทุมธานี และต่อมาได้มีการย้ายที่ควบคุมตัว นายอริสมันต์ จากกองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 จ.ปทุมธานี ไปควบคุมตัวไว้ที่ ค่ายนเรศวร จ.เพชรบุรี
พล.ต.ต.สุพร กล่าวต่อไปว่า ทางตำรวจมีอำนาจควบคุมตัวนายอริสมันต์ ได้เพียง 48 ชั่วโมง ดังนั้น เมื่อศาลเปิดทำการเมื่อใดเราก็จะควบคุมตัวนายอริสมันต์ ไปขออำนาจศาลฝากขังทันที ซึ่งเรื่องนี้ได้อธิบายให้ทางทนายความของนายอริสมันต์ทราบแล้ว โดยฝ่ายทนายก็มีหน้าที่จัดหาหลักทรัพย์เพื่อยื่นคำร้องขอประกันตัวผู้ต้องหาต่อศาล
**ฮือปิดถนนรัชดาภิเษกหน้าศาล-สตช.
ด้านกลุ่มคนเสื้อแดงได้รวมพลเดินทางไปยังศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ซึ่งนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำได้ประกาศบนเวทีว่า จะมีการนำตัวนายอริสมันต์ไปยังศาลอาญาฯ เพื่อฝากขัง
ทั้งนี้ ที่บริเวณ ถนนรัชดาภิเษก บริเวณหน้าศาลอาญา ทั้ง 2 ฝั่ง ถูกปิดล้อมและเต็มไปด้วยคนเสื้อแดง โดยมีการเปิดช่องจราจรให้รถผ่านได้แค่เลนเดียวเท่านั้น ส่งผลให้การจราจรบริเวณดังกล่าวติดขัดเป็นอย่างมาก ขณะที่กลุ่มวิทยุชุมชนคนรักแท็กซี่ ซึ่งขนคนเสื้อแดงเต็มรถแท็กซี่จำนวนหลายคัน ก็ได้ไปจอดรถไว้บริเวณดังกล่าว พร้อมด้วยมีจักรยานยนต์ และรถส่วนบุคคลไปจอดขวางด้วย
ทั้งนี้ กลุ่มผู้ชุมนุมจำนวนมากได้มีการโพกผ้าสีแดง และโบกธงไปมา สำหรับจุดประสงค์ของการเดินทางมาครั้งนี้ของคนเสื้อแดงนั้นระบุว่า เพื่อให้กำลังใจนายอริสมันต์ และมีรายงานว่า ทางแกนนำ ได้ให้นายการุณ โหสกุล ส.ส.พรรคเพื่อไทย เดินทางไปรอประกันตัวนายอริสมัตน์ต่อศาลอาญาแล้ว
ต่อมา กลุ่มเสื้อแดง ประมาณ 300 คน ได้ทำการปิดการจราจรบริเวณหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ถนนพระรามที่ 1 ช่วงแยกราชประสงค์ ถึงแยกเฉลิมเผ่า ทั้ง 2 ฝั่ง โดยผู้ใช้เส้นทางถนนเพลินจิตไม่สามารถตรงผ่านแยกราชประสงค์ไปแยกปทุมวันได้ ทำให้การจราจรบริเวณดังกล่าวติดขัดอย่างหนัก
**จลาจล!บุกพังก.มหาดไทย-ทำร้าย รปภ.นายกฯ
ที่บริเวณกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นสถานที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ใช้เป็นสถานที่ประกาศ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยหลังจากนายกรัฐมนตรี ประกาศใช้ พ.ร.ก.ดังกล่าวไม่กี่นาที กลุ่มคนเสื้อแดงจำนวนประมาณ 1,000 คนได้เดินทางไปปิดล้อมกระทรวงมหาดไทย และไม่สามารถควบคุมการชุมนุมได้ โดยกลุ่มคนเสื้อแดงได้พากันทุบประตูกระจก และพังเข้าไปภายในตัวอาคารกระทรวง โดยกลุ่มคนเสื้อแดงได้ใช้ผ้าแดงโพกศีรษะ และปิดบังใบหน้า ถือท่อนเหล็ก ท่อนไม้ ฝ่าแนวกันของกำลังทหารและตำรวจเข้าไปทุกประตู โดยมมีจุดประสงค์ เพื่อตามหาตัวนายกรัฐมนตรี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม นายชวรัตน์ ชาญวีระกุล รมว.มหาดไทย นายถาวร เสนแนียม รมช.มหาดไทย ร่วมอยู่ที่กระทรวงมหาดไทยด้วย แต่ได้ออกไปก่อนที่กลุ่มคนเสื้อแดงจะไปถึง ทั้งนี้ กลุ่มคนเสื้อแดง ได้ทำการทุบรถเบนซ์ ทะเบียน ณฉ-4636 กทม. ซึ่งเป็นรถติดตามขบวนนายกรัฐมนตรี และลากเอาตัวคนขับลงมารุมทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยทุบกระจกรถทุกบาน และใช้เก้าอี้ฟาดเข้าใส่ตัวรถอย่างบ้าคลั่ง นอกจากนี้ ยังมีตำรวจได้รับบาดเจ็บศีรษะแตก 3 ราย
**เสื้อแดงจับรปภ.นายกฯสวมกุญแจมือ
เมื่อเวลา 15.30 น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเวทีปราศรัยทำเนียบรัฐบาล กลุ่มคนเสื้อแดงประมาณ 10 คน ได้ล็อคตัวชายคนหนึ่งซึ่งอยู่ในชุดเสื้อเชิตสีขาว กางเกงสีดำ และมีเสื้อนอกทับ โดยได้สวมกุญแจมือ เลือดอาบเต็มเสื้อ คิ้วด้านขวาแตก และลากเข้ามาบริเวณด้านหลังเวทีปราศรัย โดยระบุว่า เป็นคนที่ยิงผู้ชุมนุมที่กระทรวงมหาดไทย
จากนั้น นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เข้ามาสอบสวนชายคนดังกล่าว ทราบชื่อว่า พ.ต.ปกรณ์ สมพานต์ รปภ.นายกรัฐมนตรี โดยผู้ชุมนุมรายหนึ่งเปิดเผยว่า ได้จับตัว พ.ต.ปกรณ์ มาจากบริเวณคลองหลอดกระทรวงมหาดไทย เนื่องจากมีคนหนึ่งชี้ว่า เป็นคนยิงผู้ชุมนุมจึงจับขึ้นรถมาที่ทำเนียบรัฐบาล ขณะที่ พ.ต.ปกรณ์ กล่าวกับนายณัฐวุฒิ ไม่ได้เป็นคนยิง เพราะปืนอยู่ในรถ และได้รับคำสั่งให้ห้ามพกพาอาวุธ เพราะรู้ดีว่า เมื่อกระสุนนัดแรกดังขึ้นมาเป็นเรื่องแน่นอน
พ.ต.ปกรณ์ อยู่ในอาการหน้าซีด ถอดสี และพยายามร้องขอนายณัฐวุฒิ ให้เอากุญแจมือออก แต่นายณัฐวุฒิได้ปฏิเสธคำขอร้องดังกล่าว แต่ได้เรียกให้หน่วยพยาบาลมาปฐมพยาบาล พ.ต.ปกรณ์ พร้อมทั้งบอกกับ พ.ต.ปกรณ์ว่า เป็นเรื่องถูกแล้วที่จับเข้ามาหลังเวที ไม่เช่นนั้น ถ้าปล่อยให้อยู่ข้างนอก ต้องถูกทำร้ายมากกว่านี้
**นิพนธ์ พร้อมพันธุ์ถูกทุบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่กลุ่มเสื้อแดงปิดประตูกระทรวงมหาดไทยไว้ทั้งหมด โดยประตูด้านถนนบำรุงเมือง มีนายสุพร อัตถาวงศ์ อดีต ส.ส.นครราชสีมา พรรคไทยรักไทย และนายวรวุฒิ วิชัยดิษฐ ขึ้นปราศรัยระดมมวลชนให้มาปิดล้อมกระทรวงมหาดไทยให้มากขึ้น จนกระทั่งเวลา 16.00 น. ขณะที่กลุ่มคนเสื้อแดงเข้าไปตามหาตัวรัฐมนตรีบนอาคารกรมการพัฒนาชุมชน ได้มีรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู สีดำ เลขทะเบียน ศฮ. 9205 ซึ่งเป็นรถของนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ขับฝ่ากลุ่มผู้ชุมนุมลงมาจากอาคารจอดรถด้วยความเร็ว เข้ามาในลานจอดรถใต้ถุนอาคารกรมการพัฒนาชุมชน เพื่อหาทางออก แต่บริเวณดังกล่าวไม่มีทางออก คนขับรถจึงขับรถพุ่งเข้าชนรั้วเหล็กของกระทรวง จนรั้วพังยับ แต่รถยนต์คันดังกล่าวยังไม่สามารถออกไปได้ เพราะติดคาอยู่กับรั้ว
จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุม ได้ระดมกันตีรถจนกระจกแตกยับ แล้วดึงคนขับรถออกมาทุบตีอย่างรุนแรง ขณะที่การ์ดเสื้อแดงได้นำตัวคนขับออกไปจากที่ชุมนุม ส่วนนายนิพนธ์ ที่บาดเจ็บหัวแตกยังนั่งอยู่ในรถ ไม่สามารถทำอะไรได้ จนแกนนำสั่งให้นำตัวออกมาแล้วนำส่งโรงพยาบาล พร้อมบอกให้ผู้ชุมนุมยุติการทำร้ายนายนิพนธ์ และส่งนายนิพนธ์ไปโรงพยาบาล
**ฮือปิดถนนรอบกรุงอีก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมากลุ่มคนเสื้อแดง ได้พากันไปปิดถนนตามแยกต่างๆ หลายจุด โดยจุดแรก ได้นำแผงเหล็กปิดกั้นที่บริเวณแยกยมราช มุ่งหน้าไปตามถนนพิษณุโลกจนถึงแยกนางเลิ้ง ส่งผลให้รถที่ลงทางด่วนยมราช ต้องไปใช้ถนนหลานหลวงแทน จุดที่ 2 กลุ่มคนเสื้อแดงได้ปิดถนนบริเวณแยกพระบรมรูปทรงม้า และถนนศรีอยุธยาไปจนถึงแยกเบญจมบพิตร จุดที่ 3 กลุ่มคนเสื้อแดงพากันไปรวมตัวบริเวณสี่แยกประตูน้ำ แต่ยังคงปล่อยให้รถสัญจรไปมาได้ และจุดที่ 4 กลุ่มเสื้อแดง ได้พากันปิดแยก จปร. ถนนราชดำเนินนอก จนรถไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้
**รถถังออกตรึงกำลังรักษาพระนคร
ที่บริเวณหน้ากระทรวงการต่างประเทศ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีรถถังมาประจำเพื่อรักษาสถานการณ์ 1 คันและที่หน้ากรมทางหลวงอีก 1 คัน โดยเมื่อรถถังทั้ง 2 คันมาจอด มีบรรดาโชเฟอร์แท็กซี่ และบรรดาผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์มาจอดสอบถาม จากนั้นพากันตะโกนด่าทหาร โดยรถแท็กซี่สีฟ้า โตโยต้าอัลติส ทะเบียน ทม-1803 กทม. ขับเข้าไปจอดเทียบรถถัง และโชเฟอร์ลงจากรถไปชี้หน้าด่าทหารที่ขับรถถังออกมา จากนั้น โชเฟอร์คนดังกล่าว ขับรถกลับไปยังรถถังที่จอดอยู่ที่หน้ากระทรวงการต่างประเทศ แล้วลงไปด่าทอทหารที่ขับรถมาเช่นกัน โดยระบุว่า จะเสี่ยงกับแท็กซี่หรือ เพราะแท็กซี่มีแก๊งเต็มถัง หากพุ่งชนจะเกิดอะไรขึ้น จากนั้นมีกลุ่มคนเสื้อแดงประมาณ 50 คน นำรถแท็กซี่รวม 10 คัน ไปช่วยกันปิดล้อมรถถังทั้ง 2 คันไว้ โดยระบุว่า จะไม่ยอมให้รถถังทั้ง 2 คันเคลื่อนออกไปไหน
**เหิมยึดรถถังหน้าพารากอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีรถถังจำนวน 2 คัน จาก ม.พัน.1รอ. รักษาพระองค์ ที่วิ่งมุ่งหน้าเข้าถนนพระราม 1 ผ่านแยกอังรีดูนังค์ โดยกลุ่มคนเสื้อแดงได้ประกาศยึดรถถังทั้งสองคัน และได้ประกาศปิดถนนทั้ง 4 ด้าน ที่มุ่งหน้าเข้าสู่หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งมีกลุ่มคนเสื้อแดงจำนวนประมาณกว่าหนึ่งพันคน ได้ทำการจับทหารออกมาจากรถถัง แล้วได้นำผ้าสีแดงไปผูกคอทหารดังกล่าว ขณะที่ทางกลุ่มคนเสื้อแดงจำนวนมากได้ร่วมยืนโห่ร้องประกาศชัยชนะอยู่บนรถถังที่ยึดได้ดังกล่าว
**บุกไทยคม-สั่งให้เปิดสัญญาดีสเตชั่น
เมื่อเวลา 16.30 น.ที่สถานีถ่ายทอดบริการภาคพื้นดิน ไทยคม ตั้งอยู่ ม.1 ต.บ้อเงิน อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี ได้มีกลุ่มเสื้อแดงประมาณ 100 คน นำโดยนายสุทิน นพขำ ส.ส.เขต1 ปทุมธานี พรรคเพื่อไทย ได้นำรถยนต์จำนวน 20 คันมาปิดกั้นทางเข้าออกของสถานี พร้อมทั้งได้ยืนรายล้อมที่สถานีดังกล่าว
จากนั้นแกนนำกลุ่มเสื้อแดงได้เข้าไปเจรจากับเจ้าหน้าที่ของสถานี โดยมีการชี้แจงให้เปิดสัญญาถ่ายทอดทีวีดีสเตชั่น ตามเดิม มิเช่นนั้น จะไม่รับปลอดภัยของสถานี โดยใช้เวลาหารือประมาณ 10 นาที จากเจ้าหน้าที่เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการเปิดสัญญาตามเดิม
*"นายกฯ"ลั่นใช้ กม.จัดการม็อบ
จากนั้น 17.20 น.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้แถลงข่าวผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งชาติว่า ปลอดภัยดีและเจ้าหน้าที่พร้อมเข้าไปดำเนินการ ตามกฎหมายและขอให้พี่น้องประชาชนอยู่ในความสงบรัฐบาลพยายามทำให้บ้านเมืองอยู่ในความสงบและคลี่คลายสถานการณ์
นายกรัฐมนตรี กล่าวทั้งนี้หากเป็นการเรียกร้องตาม ปชต.ก็ทำได้แต่หากทำผิดกฎหมายหรือละเมิดขอให้หยุดการกระทำดังกล่าวและหากดำเนินการต่อไปรัฐบาลต้องใช้มาตรการตาม พ.ร.ก.และขอย้ำว่าจะรักษาประโยชน์ระยะยาวให้บ้านเมืองเดินไปได้ตามที่ควรจะเป็นและการตัดสินใจจะดำเนินการโดยการยึดประโยชน์ของประเทศชาติ
**เทพเทือกสั่งจัดการเต็มที่
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ หัวหน้าผู้รับผิดชอบ การใช้อำนาจในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ออกแถลงข่าวผ่านสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 5 ว่า ขอเรียนไปถึงพี่น้องข้าราชการเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารทุกท่าน ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ว่าโดยอำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เจ้าหน้าที่ทั้งที่เป็นตำรวจ ทหารที่กำลังออกมารักษาความสงบในขณะนี้ มีอำนาจจะจับกุมตัวผู้ก่อการ ผู้ใช้ ผู้โฆษณาและสนับสนุนการกระทำความผิดครั้งนี้อย่างเต็มที่
นายสุเทพ กล่าวว่า การที่ตนใช้ทหารออกมาครั้งนี้เพราะตำรวจไม่เพียงพอ จึงขอให้ทหารทำหน้าที่เหมือนตำรวจในการระงับเหตุทุกประการ ขอย้ำทหารมีอำนาจหน้าที่ระงับเหตุร้ายแรงได้โดยด่วน ตำรวจสามารถใช้อำนาจได้เต็มตามการตัดสินใจได้ตามความเหมาะสม ซึ่งหากปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังแล้ว ตนจะเป็นผู้รับผิดชอบเอง คุณมีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบได้เต็มกำลัง
“ขอยืนยันว่าผู้ที่ก่อความไม่สงบอยู่ขณะนี้ไม่ใช่ผู้ที่ใช้สิทธิ์ชุมนุมอย่างสงบตามที่รัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้”
ทั้งนี้ นายสุเทพ กล่าวด้วยว่า ตนเองได้อยู่กับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ด้วย ในระหว่างเกิดเหตุจลาจลที่กระทรวงมหาดไทย แต่สามารถออกมาได้อย่างปลอดภัยทั้งสองคน
**กองทัพสนธิกำลังกว่า 56 กองร้อย ดูแลสถานที่สำคัญทางราชการ
เมื่อเวลา 18.00 น. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมด้วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เสนาธิการทหารบก พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ได้ร่วมประชุมอยู่ภายในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) เพื่อประเมินสถานการณ์ ทั้งนี้ เบื้องต้น กองทัพจะจัดส่งกำลังสนับสนุนเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 56 กองร้อย ตามแผน “อาร์มทอง” เพื่อดูแลสถานที่ราชการสำคัญ
**น.ช.แม้วปลุกประชาชนก่อจลาจล
เมื่อเวลา 18.30 น. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้โฟนอินเข้ามาพูดคุยกับกลุ่มคนเสื้อแดงที่ล้อมทำเนียบรัฐบาล โดยเรียกร้องให้ออกมาร่วมต่อสู้กันให้มากๆ และยืนยันว่าหากมีการปฏิวัติจะกลับเข้าประเทศนำประชาชนต่อสู้ทันที
"เมื่อมีการนำรถถังออกมาเช่นนี้ ก็ถึงเวลาแล้วที่ประชาชนต้องออกมาปฏิวัติ และถ้าจำเป็นเมื่อใดผมจะกลับเข้ามาในประเทศ ประชาธิปัตย์จะร่วมกับเผด็จการทำร้ายประชาชนก็ให้รู้ไป ขอให้เข้มแข็งที่จะสู้เพื่อประชาธิปไตยที่แท้จริง เพื่อลูกหลานของเรา" พ.ต.ท.ทักษิณกล่าว
วันที่ 12 เม.ย. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีได้ออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพฯและปริมณฑลเพื่อให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการแก้ไขให้สถานการณ์เข้าสู่สภาวะปกติโดยเร็ว ยืนยันรัฐบาลจะหลีกเลี่ยงความสูญเสียหรือเป็นเงื่อนไขที่จะให้เกิดความลุกลาม
สำหรับพื้นที่ที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงได้แก่ เขตท้องที่กรุงเทพมหานคร, จังหวัดนนทบุรี, อ.เมืองสมุทรปราการ อ.บางพลี อ.พระประแดง อ.บางบ่อ อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ, อ.ธัญบุรี อ.ลาดหลุมแก้ว อ.สามโคก อ.ลำลูกกา อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี, อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม และ อ.วังน้อย อ.บางปะอิน อ.บางไทร อ.ลาดบัวหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
นอกจากนี้ ยังมีคำสั่งแต่งตั้งให้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้กำกับการปฏิบัติงานของหัวหน้าผู้รับผิดชอบ พนักงาน เจ้าหน้าที่และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติงานในทุกท้องที่ตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่ร้ายแรงดังกล่าว เพื่อให้มีความพร้อมในเชิงเครื่องมือทางกฎหมายสำหรับเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายให้มีความมั่นใจในการปฏิบัติหน้าที่ได้โดยอยู่ในขอบเขตของกฎหมาย ภายใต้การกำกับงานของรองนายกรัฐมนตรี และเพื่อนำให้สถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด ยืนยันรัฐบาลจะทำทุกวิถีทางที่จะหลีกเลี่ยงความสูญเสีย หรือปัญหาที่จะเป็นเงื่อนไขในการลุกลามของสถานการณ์ต่อไป วอนประชาชนสนับสนุนการทำงานของรัฐบาลเพื่อนำความสงบสุขกลับคืนมา และขอให้ประชาชนเข้าใจถึงความจำเป็นดังกล่าว
**จับ"กี้ อริสมันต์"คาบ้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าวันที่ 12 เม.ย. ตำรวจนครบาลนำหมายจับของศาลอาญา เลขที่ 983/2552 ลงวันที่ 11 เม.ย.2552 เข้าจับกุมนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ในข้อหากระทำการด้วยวาจาและยุยงให้ประชาชน จับกุมตัวนายกรัฐมนตรี โดยสามารถจับกุมได้ที่บ้านพักย่านฝั่งธนบุรี ก่อนนำตัวไปควบคุมไว้ที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 จ.ปทุมธานี
ต่อมาเมื่อเวลา 11.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.สุพร พันธุ์เสือ รอง ผบช.น. โฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล แถลงข่าวยืนยันกรณีที่ตำรวจเข้าจับกุม นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำคนเสื้อแดง ว่า ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานกรณีการชุมนุมของกลุ่ม นปช. อย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเมื่อเย็นวันที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น.ได้ไปยื่นคำร้องขออนุมัติหมายจับ นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง แกนนำกลุ่มเสื้อแดง ต่อศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ในความผิดข้อหากระทำการให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา อันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญหรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน กรณีที่นายอริสมันต์ ได้กล่าวปลุกระดมให้ประชาชนกลุ่มเสื้อแดงตามจับตัวนายกรัฐมนตรี ซึ่งศาลพิจารณาแล้วได้อนุมัติหมายจับตามคำขอ
ทั้งนี้ ตำรวจนำตัวไปสอบปากคำที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 จังหวัดปทุมธานี และต่อมาได้มีการย้ายที่ควบคุมตัว นายอริสมันต์ จากกองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 จ.ปทุมธานี ไปควบคุมตัวไว้ที่ ค่ายนเรศวร จ.เพชรบุรี
พล.ต.ต.สุพร กล่าวต่อไปว่า ทางตำรวจมีอำนาจควบคุมตัวนายอริสมันต์ ได้เพียง 48 ชั่วโมง ดังนั้น เมื่อศาลเปิดทำการเมื่อใดเราก็จะควบคุมตัวนายอริสมันต์ ไปขออำนาจศาลฝากขังทันที ซึ่งเรื่องนี้ได้อธิบายให้ทางทนายความของนายอริสมันต์ทราบแล้ว โดยฝ่ายทนายก็มีหน้าที่จัดหาหลักทรัพย์เพื่อยื่นคำร้องขอประกันตัวผู้ต้องหาต่อศาล
**ฮือปิดถนนรัชดาภิเษกหน้าศาล-สตช.
ด้านกลุ่มคนเสื้อแดงได้รวมพลเดินทางไปยังศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ซึ่งนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำได้ประกาศบนเวทีว่า จะมีการนำตัวนายอริสมันต์ไปยังศาลอาญาฯ เพื่อฝากขัง
ทั้งนี้ ที่บริเวณ ถนนรัชดาภิเษก บริเวณหน้าศาลอาญา ทั้ง 2 ฝั่ง ถูกปิดล้อมและเต็มไปด้วยคนเสื้อแดง โดยมีการเปิดช่องจราจรให้รถผ่านได้แค่เลนเดียวเท่านั้น ส่งผลให้การจราจรบริเวณดังกล่าวติดขัดเป็นอย่างมาก ขณะที่กลุ่มวิทยุชุมชนคนรักแท็กซี่ ซึ่งขนคนเสื้อแดงเต็มรถแท็กซี่จำนวนหลายคัน ก็ได้ไปจอดรถไว้บริเวณดังกล่าว พร้อมด้วยมีจักรยานยนต์ และรถส่วนบุคคลไปจอดขวางด้วย
ทั้งนี้ กลุ่มผู้ชุมนุมจำนวนมากได้มีการโพกผ้าสีแดง และโบกธงไปมา สำหรับจุดประสงค์ของการเดินทางมาครั้งนี้ของคนเสื้อแดงนั้นระบุว่า เพื่อให้กำลังใจนายอริสมันต์ และมีรายงานว่า ทางแกนนำ ได้ให้นายการุณ โหสกุล ส.ส.พรรคเพื่อไทย เดินทางไปรอประกันตัวนายอริสมัตน์ต่อศาลอาญาแล้ว
ต่อมา กลุ่มเสื้อแดง ประมาณ 300 คน ได้ทำการปิดการจราจรบริเวณหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ถนนพระรามที่ 1 ช่วงแยกราชประสงค์ ถึงแยกเฉลิมเผ่า ทั้ง 2 ฝั่ง โดยผู้ใช้เส้นทางถนนเพลินจิตไม่สามารถตรงผ่านแยกราชประสงค์ไปแยกปทุมวันได้ ทำให้การจราจรบริเวณดังกล่าวติดขัดอย่างหนัก
**จลาจล!บุกพังก.มหาดไทย-ทำร้าย รปภ.นายกฯ
ที่บริเวณกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นสถานที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ใช้เป็นสถานที่ประกาศ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยหลังจากนายกรัฐมนตรี ประกาศใช้ พ.ร.ก.ดังกล่าวไม่กี่นาที กลุ่มคนเสื้อแดงจำนวนประมาณ 1,000 คนได้เดินทางไปปิดล้อมกระทรวงมหาดไทย และไม่สามารถควบคุมการชุมนุมได้ โดยกลุ่มคนเสื้อแดงได้พากันทุบประตูกระจก และพังเข้าไปภายในตัวอาคารกระทรวง โดยกลุ่มคนเสื้อแดงได้ใช้ผ้าแดงโพกศีรษะ และปิดบังใบหน้า ถือท่อนเหล็ก ท่อนไม้ ฝ่าแนวกันของกำลังทหารและตำรวจเข้าไปทุกประตู โดยมมีจุดประสงค์ เพื่อตามหาตัวนายกรัฐมนตรี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม นายชวรัตน์ ชาญวีระกุล รมว.มหาดไทย นายถาวร เสนแนียม รมช.มหาดไทย ร่วมอยู่ที่กระทรวงมหาดไทยด้วย แต่ได้ออกไปก่อนที่กลุ่มคนเสื้อแดงจะไปถึง ทั้งนี้ กลุ่มคนเสื้อแดง ได้ทำการทุบรถเบนซ์ ทะเบียน ณฉ-4636 กทม. ซึ่งเป็นรถติดตามขบวนนายกรัฐมนตรี และลากเอาตัวคนขับลงมารุมทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยทุบกระจกรถทุกบาน และใช้เก้าอี้ฟาดเข้าใส่ตัวรถอย่างบ้าคลั่ง นอกจากนี้ ยังมีตำรวจได้รับบาดเจ็บศีรษะแตก 3 ราย
**เสื้อแดงจับรปภ.นายกฯสวมกุญแจมือ
เมื่อเวลา 15.30 น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเวทีปราศรัยทำเนียบรัฐบาล กลุ่มคนเสื้อแดงประมาณ 10 คน ได้ล็อคตัวชายคนหนึ่งซึ่งอยู่ในชุดเสื้อเชิตสีขาว กางเกงสีดำ และมีเสื้อนอกทับ โดยได้สวมกุญแจมือ เลือดอาบเต็มเสื้อ คิ้วด้านขวาแตก และลากเข้ามาบริเวณด้านหลังเวทีปราศรัย โดยระบุว่า เป็นคนที่ยิงผู้ชุมนุมที่กระทรวงมหาดไทย
จากนั้น นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เข้ามาสอบสวนชายคนดังกล่าว ทราบชื่อว่า พ.ต.ปกรณ์ สมพานต์ รปภ.นายกรัฐมนตรี โดยผู้ชุมนุมรายหนึ่งเปิดเผยว่า ได้จับตัว พ.ต.ปกรณ์ มาจากบริเวณคลองหลอดกระทรวงมหาดไทย เนื่องจากมีคนหนึ่งชี้ว่า เป็นคนยิงผู้ชุมนุมจึงจับขึ้นรถมาที่ทำเนียบรัฐบาล ขณะที่ พ.ต.ปกรณ์ กล่าวกับนายณัฐวุฒิ ไม่ได้เป็นคนยิง เพราะปืนอยู่ในรถ และได้รับคำสั่งให้ห้ามพกพาอาวุธ เพราะรู้ดีว่า เมื่อกระสุนนัดแรกดังขึ้นมาเป็นเรื่องแน่นอน
พ.ต.ปกรณ์ อยู่ในอาการหน้าซีด ถอดสี และพยายามร้องขอนายณัฐวุฒิ ให้เอากุญแจมือออก แต่นายณัฐวุฒิได้ปฏิเสธคำขอร้องดังกล่าว แต่ได้เรียกให้หน่วยพยาบาลมาปฐมพยาบาล พ.ต.ปกรณ์ พร้อมทั้งบอกกับ พ.ต.ปกรณ์ว่า เป็นเรื่องถูกแล้วที่จับเข้ามาหลังเวที ไม่เช่นนั้น ถ้าปล่อยให้อยู่ข้างนอก ต้องถูกทำร้ายมากกว่านี้
**นิพนธ์ พร้อมพันธุ์ถูกทุบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่กลุ่มเสื้อแดงปิดประตูกระทรวงมหาดไทยไว้ทั้งหมด โดยประตูด้านถนนบำรุงเมือง มีนายสุพร อัตถาวงศ์ อดีต ส.ส.นครราชสีมา พรรคไทยรักไทย และนายวรวุฒิ วิชัยดิษฐ ขึ้นปราศรัยระดมมวลชนให้มาปิดล้อมกระทรวงมหาดไทยให้มากขึ้น จนกระทั่งเวลา 16.00 น. ขณะที่กลุ่มคนเสื้อแดงเข้าไปตามหาตัวรัฐมนตรีบนอาคารกรมการพัฒนาชุมชน ได้มีรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู สีดำ เลขทะเบียน ศฮ. 9205 ซึ่งเป็นรถของนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ขับฝ่ากลุ่มผู้ชุมนุมลงมาจากอาคารจอดรถด้วยความเร็ว เข้ามาในลานจอดรถใต้ถุนอาคารกรมการพัฒนาชุมชน เพื่อหาทางออก แต่บริเวณดังกล่าวไม่มีทางออก คนขับรถจึงขับรถพุ่งเข้าชนรั้วเหล็กของกระทรวง จนรั้วพังยับ แต่รถยนต์คันดังกล่าวยังไม่สามารถออกไปได้ เพราะติดคาอยู่กับรั้ว
จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุม ได้ระดมกันตีรถจนกระจกแตกยับ แล้วดึงคนขับรถออกมาทุบตีอย่างรุนแรง ขณะที่การ์ดเสื้อแดงได้นำตัวคนขับออกไปจากที่ชุมนุม ส่วนนายนิพนธ์ ที่บาดเจ็บหัวแตกยังนั่งอยู่ในรถ ไม่สามารถทำอะไรได้ จนแกนนำสั่งให้นำตัวออกมาแล้วนำส่งโรงพยาบาล พร้อมบอกให้ผู้ชุมนุมยุติการทำร้ายนายนิพนธ์ และส่งนายนิพนธ์ไปโรงพยาบาล
**ฮือปิดถนนรอบกรุงอีก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมากลุ่มคนเสื้อแดง ได้พากันไปปิดถนนตามแยกต่างๆ หลายจุด โดยจุดแรก ได้นำแผงเหล็กปิดกั้นที่บริเวณแยกยมราช มุ่งหน้าไปตามถนนพิษณุโลกจนถึงแยกนางเลิ้ง ส่งผลให้รถที่ลงทางด่วนยมราช ต้องไปใช้ถนนหลานหลวงแทน จุดที่ 2 กลุ่มคนเสื้อแดงได้ปิดถนนบริเวณแยกพระบรมรูปทรงม้า และถนนศรีอยุธยาไปจนถึงแยกเบญจมบพิตร จุดที่ 3 กลุ่มคนเสื้อแดงพากันไปรวมตัวบริเวณสี่แยกประตูน้ำ แต่ยังคงปล่อยให้รถสัญจรไปมาได้ และจุดที่ 4 กลุ่มเสื้อแดง ได้พากันปิดแยก จปร. ถนนราชดำเนินนอก จนรถไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้
**รถถังออกตรึงกำลังรักษาพระนคร
ที่บริเวณหน้ากระทรวงการต่างประเทศ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีรถถังมาประจำเพื่อรักษาสถานการณ์ 1 คันและที่หน้ากรมทางหลวงอีก 1 คัน โดยเมื่อรถถังทั้ง 2 คันมาจอด มีบรรดาโชเฟอร์แท็กซี่ และบรรดาผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์มาจอดสอบถาม จากนั้นพากันตะโกนด่าทหาร โดยรถแท็กซี่สีฟ้า โตโยต้าอัลติส ทะเบียน ทม-1803 กทม. ขับเข้าไปจอดเทียบรถถัง และโชเฟอร์ลงจากรถไปชี้หน้าด่าทหารที่ขับรถถังออกมา จากนั้น โชเฟอร์คนดังกล่าว ขับรถกลับไปยังรถถังที่จอดอยู่ที่หน้ากระทรวงการต่างประเทศ แล้วลงไปด่าทอทหารที่ขับรถมาเช่นกัน โดยระบุว่า จะเสี่ยงกับแท็กซี่หรือ เพราะแท็กซี่มีแก๊งเต็มถัง หากพุ่งชนจะเกิดอะไรขึ้น จากนั้นมีกลุ่มคนเสื้อแดงประมาณ 50 คน นำรถแท็กซี่รวม 10 คัน ไปช่วยกันปิดล้อมรถถังทั้ง 2 คันไว้ โดยระบุว่า จะไม่ยอมให้รถถังทั้ง 2 คันเคลื่อนออกไปไหน
**เหิมยึดรถถังหน้าพารากอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีรถถังจำนวน 2 คัน จาก ม.พัน.1รอ. รักษาพระองค์ ที่วิ่งมุ่งหน้าเข้าถนนพระราม 1 ผ่านแยกอังรีดูนังค์ โดยกลุ่มคนเสื้อแดงได้ประกาศยึดรถถังทั้งสองคัน และได้ประกาศปิดถนนทั้ง 4 ด้าน ที่มุ่งหน้าเข้าสู่หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งมีกลุ่มคนเสื้อแดงจำนวนประมาณกว่าหนึ่งพันคน ได้ทำการจับทหารออกมาจากรถถัง แล้วได้นำผ้าสีแดงไปผูกคอทหารดังกล่าว ขณะที่ทางกลุ่มคนเสื้อแดงจำนวนมากได้ร่วมยืนโห่ร้องประกาศชัยชนะอยู่บนรถถังที่ยึดได้ดังกล่าว
**บุกไทยคม-สั่งให้เปิดสัญญาดีสเตชั่น
เมื่อเวลา 16.30 น.ที่สถานีถ่ายทอดบริการภาคพื้นดิน ไทยคม ตั้งอยู่ ม.1 ต.บ้อเงิน อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี ได้มีกลุ่มเสื้อแดงประมาณ 100 คน นำโดยนายสุทิน นพขำ ส.ส.เขต1 ปทุมธานี พรรคเพื่อไทย ได้นำรถยนต์จำนวน 20 คันมาปิดกั้นทางเข้าออกของสถานี พร้อมทั้งได้ยืนรายล้อมที่สถานีดังกล่าว
จากนั้นแกนนำกลุ่มเสื้อแดงได้เข้าไปเจรจากับเจ้าหน้าที่ของสถานี โดยมีการชี้แจงให้เปิดสัญญาถ่ายทอดทีวีดีสเตชั่น ตามเดิม มิเช่นนั้น จะไม่รับปลอดภัยของสถานี โดยใช้เวลาหารือประมาณ 10 นาที จากเจ้าหน้าที่เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการเปิดสัญญาตามเดิม
*"นายกฯ"ลั่นใช้ กม.จัดการม็อบ
จากนั้น 17.20 น.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้แถลงข่าวผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งชาติว่า ปลอดภัยดีและเจ้าหน้าที่พร้อมเข้าไปดำเนินการ ตามกฎหมายและขอให้พี่น้องประชาชนอยู่ในความสงบรัฐบาลพยายามทำให้บ้านเมืองอยู่ในความสงบและคลี่คลายสถานการณ์
นายกรัฐมนตรี กล่าวทั้งนี้หากเป็นการเรียกร้องตาม ปชต.ก็ทำได้แต่หากทำผิดกฎหมายหรือละเมิดขอให้หยุดการกระทำดังกล่าวและหากดำเนินการต่อไปรัฐบาลต้องใช้มาตรการตาม พ.ร.ก.และขอย้ำว่าจะรักษาประโยชน์ระยะยาวให้บ้านเมืองเดินไปได้ตามที่ควรจะเป็นและการตัดสินใจจะดำเนินการโดยการยึดประโยชน์ของประเทศชาติ
**เทพเทือกสั่งจัดการเต็มที่
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ หัวหน้าผู้รับผิดชอบ การใช้อำนาจในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ออกแถลงข่าวผ่านสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 5 ว่า ขอเรียนไปถึงพี่น้องข้าราชการเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารทุกท่าน ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ว่าโดยอำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เจ้าหน้าที่ทั้งที่เป็นตำรวจ ทหารที่กำลังออกมารักษาความสงบในขณะนี้ มีอำนาจจะจับกุมตัวผู้ก่อการ ผู้ใช้ ผู้โฆษณาและสนับสนุนการกระทำความผิดครั้งนี้อย่างเต็มที่
นายสุเทพ กล่าวว่า การที่ตนใช้ทหารออกมาครั้งนี้เพราะตำรวจไม่เพียงพอ จึงขอให้ทหารทำหน้าที่เหมือนตำรวจในการระงับเหตุทุกประการ ขอย้ำทหารมีอำนาจหน้าที่ระงับเหตุร้ายแรงได้โดยด่วน ตำรวจสามารถใช้อำนาจได้เต็มตามการตัดสินใจได้ตามความเหมาะสม ซึ่งหากปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังแล้ว ตนจะเป็นผู้รับผิดชอบเอง คุณมีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบได้เต็มกำลัง
“ขอยืนยันว่าผู้ที่ก่อความไม่สงบอยู่ขณะนี้ไม่ใช่ผู้ที่ใช้สิทธิ์ชุมนุมอย่างสงบตามที่รัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้”
ทั้งนี้ นายสุเทพ กล่าวด้วยว่า ตนเองได้อยู่กับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ด้วย ในระหว่างเกิดเหตุจลาจลที่กระทรวงมหาดไทย แต่สามารถออกมาได้อย่างปลอดภัยทั้งสองคน
**กองทัพสนธิกำลังกว่า 56 กองร้อย ดูแลสถานที่สำคัญทางราชการ
เมื่อเวลา 18.00 น. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมด้วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เสนาธิการทหารบก พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ได้ร่วมประชุมอยู่ภายในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) เพื่อประเมินสถานการณ์ ทั้งนี้ เบื้องต้น กองทัพจะจัดส่งกำลังสนับสนุนเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 56 กองร้อย ตามแผน “อาร์มทอง” เพื่อดูแลสถานที่ราชการสำคัญ
**น.ช.แม้วปลุกประชาชนก่อจลาจล
เมื่อเวลา 18.30 น. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้โฟนอินเข้ามาพูดคุยกับกลุ่มคนเสื้อแดงที่ล้อมทำเนียบรัฐบาล โดยเรียกร้องให้ออกมาร่วมต่อสู้กันให้มากๆ และยืนยันว่าหากมีการปฏิวัติจะกลับเข้าประเทศนำประชาชนต่อสู้ทันที
"เมื่อมีการนำรถถังออกมาเช่นนี้ ก็ถึงเวลาแล้วที่ประชาชนต้องออกมาปฏิวัติ และถ้าจำเป็นเมื่อใดผมจะกลับเข้ามาในประเทศ ประชาธิปัตย์จะร่วมกับเผด็จการทำร้ายประชาชนก็ให้รู้ไป ขอให้เข้มแข็งที่จะสู้เพื่อประชาธิปไตยที่แท้จริง เพื่อลูกหลานของเรา" พ.ต.ท.ทักษิณกล่าว