xs
xsm
sm
md
lg

โกงเลือกซ่อมสกลฯพิสูจน์น้ำยา กกต. !!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)
วันอาทิตย์ที่ 21 มิถุนายน ก็จะถึงวันเลือกตั้งซ่อมในเขตเลือกตั้งที่ 3 จังหวัดสกลนคร ซึ่งหากนับนิ้วดูจากวันนี้(อังคารที่ 16 มิถุนายน) ก็เหลือเวลาอีกไม่กี่วันเท่านั้น ก็จะถึงวันหย่อนบัตร

อย่างไรก็ดียิ่งใกล้วันเลือกตั้งก็ยิ่งมีความเคลื่อนไหวผิดปกติมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะมีข้อสังเกตในเรื่องของการขนคนมาเลือกตั้งล่วงหน้า ซึ่งจากการรายงานตัวเลขของผู้ที่มาใช้สิทธิ์ดังกล่าวทั้งสองวันคือตั้งแต่ 13-14 มิถุนายน มีจำนวนถึง 21,060 คน คิดเป็น 7 เปอร์เซ็นต์ของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั้งหมด

ถือเป็นสถิติใหม่ที่ยังไม่เคยปรากฏแบบนี้มาก่อน
และเมื่อเทียบกับการใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้าคราวที่แล้วที่มีแค่ 3 พันคนเศษเท่านั้น

แม้ว่านาทีนี้ยังไม่อาจชี้ชัดได้ว่าการมาใช้สิทธิ์ดังกล่าวเป็นเพราะอะไรกันแน่ อาจมาจากการตื่นตัวของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ หรือนอกพื้นที่แต่มีภูมิลำเนาในเขตเลือกตั้งซ่อม ซึ่งในวันเลือกตั้งติดภารกิจ ไม่ว่างจึงพร้อมใจกันมาใช้สิทธิ์ล่วงหน้าก็ได้

หรือมาจากการแข่งขันทางการเมืองอันเข้มข้น ระหว่างพรรคการเมืองคู่แข่งคือ พรรคเพื่อไทยในฐานะเจ้าของพื้นที่เก่าต้องการรักษาที่นั่งเดิม หลังจากผู้สมัครคนเก่าได้รับใบแดง(โกงเลือกตั้ง) กับพรรคภูมิใจไทย ในฐานะผู้ท้าชิง

มีการรณรงค์แข่งขันกันอย่างเต็มที่ก็เป็นได้

อย่างไรก็ดี การที่มีคนมาใช้สิทธิ์ล่วงหน้าจำนวนมากแบบนั้นถือว่าผิดสังเกตอย่างแน่นอน ส่วนจะมีการทุจริตโดยการขนคนหรือมีการใช้อามิสสินจ้างปะปนมาด้วยหรือไม่นั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

แต่เพื่อให้เห็นภาพทางการเมืองในภาพรวมก็ต้องอธิบายถึงความเคลื่อนไหวและเป้าหมายของแต่ละฝ่าย เพราะรู้กันอยู่ว่าผลการเลือกตั้งคราวนี้จะเป็นตัวชี้วัดอนาคตทางการเมือง จึงต้องทุ่มเทสรรพกำลังเท่าที่มีออกมา

หากเริ่มจากพรรคภูมิใจไทยที่วางเป้าหมายจะเป็นพรรคการเมืองขนาดใหญ่ในอนาคต กำลังสะสมทุน คนและอำนาจเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ และที่สำคัญเวลานี้ยังได้กุมกลไกรัฐ คุมหน่วยงานสำคัญ เช่น กระทรวงมหาดไทย คมนาคม และพาณิชย์ มีผลต่อวิถีชีวิตของชาวบ้านทั่วประเทศไม่น้อย

เป้าหมายของพรรคภูมิใจไทย ใครที่ติดตามการเมืองมาตลอดก็ย่อมเข้าใจดีอยู่แล้วว่าต้องการขยายฐานเสียงในภาคอีสานและภาคเหนือเป็นหลัก และเห็นได้ชัดว่าการเลือกตั้งซ่อมที่ สกลนคร ครั้งนี้พวกเขาได้ตั้งความหวังเอาไว้สูงมากว่าจะต้องแย่งที่นั่งมาให้ได้

เพราะถ้าได้รับชัยชนะก็ย่อมมีผลทำให้ป้อมค่ายของพรรคเพื่อไทยพังทลายลง เป็นการชี้ให้เห็นว่า มนต์ของ นช.ทักษิณ ชินวัตร ได้เสื่อมลงแล้ว ในทางตรงข้ามทำให้อิทธิพลของ เนวิน ชิดชอบ ซึ่งใน “วงการ” รู้กันดีว่าเป็นแกนหลักของพรรคภูมิใจไทยในภาคอีสานที่อยู่เบื้องหลังแทบทุกอย่างสูงเด่นขึ้นไปอีก

เห็นได้ชัดจากงานสัมมนาของพรรคภูมิใจไทยที่ อ.พรรณานิคม เมื่อวันที่ 6 มิถุนายนที่ผ่านมาเป็นคนที่ควบคุมและสั่งการในลักษณะ “เรียลลิตี้โชว์” ทุกขั้นตอน

หากชนะก็ย่อมหมายความว่า “เนวิน” ก็กระโดดขึ้นไปเทียบชั้นกับ “ทักษิณ” นั่นเอง ดังนั้นจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อไปสู่เป้าหมาย ใช้อำนาจรัฐทั้งทางตรงทางอ้อม ผ่านทางกระทรวงมหาดไทยที่หัวหน้าพรรคคือ ชวรัตน์ ชาญวีรกูล ควบคุมดูแลอยู่

ที่ผ่านมาก็มีข้อกล่าวหาในเรื่องการแจกเงินหัวละ 2 พันบาท ผ่านทางคนพิการ หรือการใช้อำนาจผ่านฝ่ายปกครองในการขนคน ก็ช่วยไม่ได้ที่จะถูกตั้งข้อสังเกต

ขณะที่ฝ่ายพรรคเพื่อไทย รู้กันอยู่ว่าเวลานี้หัวหน้าพรรคตัวจริงที่บัญชาการอยู่หลังฉากก็คือ ทักษิณ ชินวัตร ส่วนหัวหน้าพรรคคนปัจจุบันเป็นเพียงแค่หุ่นเชิดไม่มีความหมายใดๆ

ซึ่งในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งซ่อมเที่ยวนี้ ทักษิณ ชินวัตร ก็ต้องออกแรงเองอย่างเต็มที่ ตามข่าวถึงกับลงทุนโทรศัพท์ทางไกลต่อสายตรงไปถึงกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ในพื้นที่กันทีละคน ถึงกับออดอ้อนขอร้องให้เป็นหัวคะแนนช่วยเหลือ

นอกจากนี้ยังใช้บารมีส่วนตัวชนิดที่เรียกว่าเค้นออกมาอย่างเต็มที่ เพราะจากการปราศรัยทุกครั้งของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แกนนำพรรคเพื่อไทย ก็เน้นย้ำอยู่ตลอดเวลา ทำนองว่า ทักษิณ เป็นหัวหน้าพรรคตัวจริง

พูดชนิดที่เรียกว่าไม่เกรงกลัวว่าจะผิดกฎหมายหรือไม่ จะเข้าข่ายหลอกลวงชาวบ้านหรือไม่ เพราะ ทักษิณ ชินวัตร ถูกตัดสิทธิ์ ถูกห้ามยุ่งเกี่ยวการเมือง แถมยังเป็นนักโทษหนีคดีอาญา

แต่สรุปเอาเป็นว่า “เดิมพันสูง” ก็แล้วกัน เพราะถ้าแพ้ย่อมหมายถึงบารมีหดหาย ลูกพรรคก็จะทยอยตีจาก ไหลไปหาฝ่ายตรงกันข้าม ซึ่งก็คือพรรคภูมิใจไทย เรื่องแบบนี้ในวงการรู้กันดีอยู่แล้ว

เมื่อต่างฝ่ายต่างต้องเอาชนะ แพ้ไม่ได้ มันถึงได้ส่อให้เห็นถึงการ “โกง” อย่างขนานใหญ่ และไม่ใช่เฉพาะแค่คืนหมาหอนก่อนวันเลือกตั้ง เช่นในอดีต แค่คราวนี้จากความเคลื่อนไหวดังกล่าวข้างต้นยังชี้ให้เห็นว่า เป็นการโกงที่ใช้ทั้ง “อำนาจรัฐ-อำนาจเงิน-อำนาจแฝง” เข้ามาพร้อมสรรพ

อย่างไรก็ดีความหวังที่จะหยุดยั้งความชั่วร้ายดังกล่าวให้บางเบา หรือไม่ให้ขยายวงกว้างออกไปอีก ก็คงอยู่ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นสำคัญ ว่าจะทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง ตรงไปตรงมา และทันเกมมากน้อยแค่ไหน

หากกกต. สามารถจัดการตามกฎหมายอย่างเข้มงวด ก็จะส่งผลดี เป็นการปรามไปถึงการเลือกตั้งซ่อมที่จังหวัดศรีสะเกษ ในวันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน อีกด้วย

เป็นการพิสูจน์น้ำยา กกต.ได้อีกทางหนึ่ง !!

เพราะถ้าหยุดหรือควบคุมโรค“ขี้โกง”นี้ไม่ได้ ก็อาจลุกลามกลายเป็น “สายพันธุ์ใหม่” ที่เอาไม่อยู่ อย่าลืมว่า เชื้อชั่วที่เป็นอยู่ยังอันตราย และถ้ากลายพันธุ์ไปมากกว่านี้ จะทำร้ายสังคมได้ขนาดไหน!!

กำลังโหลดความคิดเห็น