“อภิสิทธิ์” แจงสั่งทบทวนโครงการท่อเชื่อมอ่างเก็บน้ำประแสร์ ไปอ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ เหตุไม่พบปรากฏสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง หวั่นขัดระเบียบต้องให้ทบทวนใหม่ แถมไม่แน่ใจเป็นงานของกรมชลประทาน หรือการประปาส่วนภูมิภาค ชี้ สัญญาต้องเป็นธรรม ลั่นรัฐจ่ายเงินแน่ แต่ต้องสมน้ำสมเนื้อ เชื่อพรรคชาติไทยพัฒนาไม่ติดใจ
วันนี้ (11 มิ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า พรรคชาติไทยพัฒนา แสดงความไม่พอใจ กรณีที่คณะรัฐมนตรีให้ทบทวนข้อกฎหมายโครงการวางท่อเชื่อมจากอ่างเก็บน้ำประแสร์ไปอ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ จ.ระยอง (อีสต์วอเตอร์) ว่า โครงการนี้เป็นโครงการที่มีความพยายามในการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำ เมื่อ 2-3 ปีที่แล้วภาคตะวันออกมีปัญหามาก ทางรัฐบาลขณะนั้นได้มีมติ ครม.ว่า ให้อีสต์วอเตอร์เป็นคนไปดำเนินการผันน้ำมา และอนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณ 1,008 ล้านบาท รวมทั้งค่าน้ำอีก 6 ร้อยกว่าล้าน เมื่ออีสต์วอเตอร์ทำเสร็จ ปัญหาที่ ครม.เป็นห่วงก็คือว่า อีสต์วอเตอร์จ้างบริษัทเอกชนแล้วทำงาน ขณะนี้งานเสร็จก็มาเบิกจ่ายงบประมาณจากรัฐบาล แต่ว่ารัฐบาลตรวจสอบดูแล้วไม่ได้มีสัญญาอะไรเลยกับอีสต์วอเตอร์ และในขั้นตอนที่อีสต์วอเตอร์ไปจ้างบริษัทเอกชนยังไม่พบว่า มีหน่วยงานราชการเข้าไปตรวจสอบเพื่อดูการจัดซื้อจัดจ้าง หรือรายละเอียดของงานเป็นอย่างไร
“เพราะฉะนั้นวันนี้จะให้ ครม.อนุมัติจ่ายเงินงบประมาณออกไปจะเกิดปัญหาในในแง่ระเบียบราชการขึ้น ว่า เอาเงินไปจ่ายโดยไม่มีการจัดซื้อจัดจ้างสัญญาใดเกิดขึ้น เพราะฉะนั้นตรงนี้จึงได้ขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไปดูอีกครั้งหนึ่ง เพราะว่าท่านก็เคยดำรงตำแหน่งในกระทรวงในขณะนั้นอยู่ และพอทราบเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้น และให้ทางหน่วยงานของราชการที่จะมาดูทั้งในตัวเนื้องาน และในเรื่องของกฎหมายว่าเป็นอย่างไร” นายกฯ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า หลักการราชการจะต้องใช้ประโยชน์จากโครงการนี้ และจะต้องมีการจ่ายเงิน แต่ว่าควรจะจ่ายเท่าไร และจ่ายได้อย่างไรเป็นประเด็นที่จะต้องไปดู เพราะเราก็ต้องการให้โครงการนี้ใช้ได้ แต่มันน่าจะมีกระบวนการตรวจสอบให้ชัดเจนว่า การจะจ่ายเงิน เนื้องาน วงเงินที่จะต้องจ่ายจริงเป็นเท่าไร ซึ่งใน ครม.รมว.เกษตรฯ เข้าใจดี
ผู้สื่อข่าวถามว่า แล้วทางหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนากับ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ที่ได้กล่าวพาดพิงไปถึงในการประชุม ครม.ในลักษณะที่ไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงได้ให้นำกลับไปพิจารณาใหม่ ตรงนี้จะทำให้เกิดความขัดแย้งหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า คืออย่างนี้ในการประชุม ครม.ได้มีการแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ ซึ่งทาง พล.ต.สนั่น เองก็ไม่ได้มีประเด็นที่ติดใจอะไร เข้าใจถึงสถานการณ์ ส่วนหัวหน้าพรรคสอบถามเท่านั้นเองว่า ทำไมสภาพัฒน์ ถึงเคยให้ความเห็นในลักษณะที่เห็นชอบ แต่ว่าในปัจจุบันเหมือนสภาพัฒน์ ยังไม่แน่ใจว่าจะดำเนินการได้หรือไม่อย่างไร และบังเอิญท่านเลขาฯสภาพัฒน์ ซึ่งเป็นคนทำความเห็นในขณะนี้ กับสภาพัฒน์ในขณะนี้ทำโดยรองเลขาฯสภาพัฒน์ที่ทำการปฏิบัติหน้าที่แทน ท่านหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา มองเพียงว่า เป็นเรื่องภายในสภาพัฒน์ฯหรือเปล่า ซึ่งตนก็ได้บอกว่า จริงๆเรื่องภายในสภาพัฒน์ไม่ได้เป็นประเด็น เป็นประเด็นหลักเพียงว่า ราชการจะต้องทำอย่างไรให้มันถูกต้อง
เมื่อถามว่า ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ว่า อีสวอเตอร์จบหน้าที่ไปแล้วตั้งแต่โครงการเสร็จ การบริหารต่อไปควรเป็นหน้าที่ของทางราชการ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มาตรงนี้เป็นโครงการใหม่ที่ภาคตะวันออกขาดแคลนน้ำมากๆ ก็เลยให้ต่อการผันน้ำจากประแสร์เข้ามา โดยที่ขณะนั้นมีมติ ครม.มอบหมายให้อีสต์วอเตอร์ไปดำเนินการ และรัฐบาลจะจ่ายเงินให้ และอีสต์วอเตอร์ก็ไปจ้างคนทำ และอีสต์วอเตอร์ก็มาขอเบิกเงิน แต่ไม่มีสัญญาอะไรทั้งสิ้น ไม่มีสัญญาจัดซื้อจัดจ้างอะไรเลย เมื่อถามต่อว่า แล้วอีสต์วอเตอร์มีสิทธิ์ที่จะทำต่อหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตอนนี้เราต้องการเปิดใช้โครงการ ส่วนอีสวอเตอร์เป็นคนลงทุนไปทั้งหมด และยังไม่ได้เงิน เมื่อถามต่อว่า มันมีความผิดปกติอะไรในโครงการ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็ไม่เคยเห็นกรณีที่ไม่มีสัญญา ขั้นตอนจัดซื้อจัดจ้างอะไรเลย เพราะฉะนั้นจะต้องไปดูว่า จริงๆ แล้วที่ทำมาอาศัยช่องทางอำนาจอะไร อย่างไร และจะมีวิธีการใดให้ทางราชการสามารถตรวจสอบได้ว่า ค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการลงทุน และเนื้องานที่เราจะได้มาเป็นเท่าไร
เมื่อถามว่า เอกชนเองมีความระมัดระวังอยู่แล้ว แต่ภาครัฐเองหรือเปล่าที่ยังไม่มีความชัดเจน นายกฯ กล่าวว่า เขาอ้างมติ ครม.ซึ่งทาง รมว.เกษตรฯ เองก็บอกว่าทราบเรื่องดี และท่านก็บอกว่า ท่านหนักใจ มันไม่มีในสัญญาระหว่างรัฐกับอีสวอเตอร์เลย แต่ท่านก็รับรู้มาว่ารัฐบาลมอบหมายให้อีสต์วอเตอร์ไป ต่อมามีการตั้งคณะกรรมการบริหารขึ้นมาคณะหนึ่ง ซึ่งปรากฏว่า พอ 19 กันยาฯ คณะกรรมการชุดนี้ก็หมดสภาพไป และมีข้อสงสัยว่า เป็นงานของกรมชลประทาน หรือการประปาส่วนภูมิภาค และระหว่างนั้นอีสต์วอเตอร์ก็เดินหน้าทำงานไป พองานเสร็จก็มาขอเงิน
“ในหลักการถ้าราชการจะว่าจ้างก็ไม่มีปัญหา ปัญหาที่เรามีอยู่ขณะนี้คือ ไม่พบว่าราชการไปทำสัญญาว่าจ้างใคร การประมูลมีแต่มติ และอีสต์วอเตอร์ก็ไปดำเนินการ เมื่อดำเนินการเสร็จก็มาขอเงินพูดง่ายๆ ซึ่งเป็นมติ ครม.เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2548 มติก็มอบให้ไปดำเนินการ ซึ่งก็ต้องไปดูในแง่ของกฎหมาย สิ่งที่เราต้องการคือต้องการให้โครงการนี้ใช้ได้ ราชการก็ให้ค่าตอบแทนที่เป็นธรรม แต่ว่าก็ต้องดำเนินการให้ชอบด้วยกฎหมาย และมีหลักประกันว่างานและเงินมันสมน้ำสมเนื้อกัน ซึ่งเขาลงทุน รัฐบาลเป็นหนี้เขา และเชื่อว่า เป็นโครงการที่ไม่น่าจะทำให้พรรคร่วมรัฐบาลมีปัญหากัน เพราะว่าถ้าเกิดระเบียบราชการบอกว่าจ่ายไม่ได้ก็จ่ายไม่ได้ ส่วนจะไปยุติตรงไหนก็ให้ฝ่ายกฎหมายเขาดู ผมเชื่อว่าพรรคชาติไทยพัฒนาเข้าใจ เพราะตัวรมต.เองก็เข้าใจดี ตั้งแต่ท่านรับราชการอยู่ ท่านทราบเรื่องราวมา ท่านเสนอมาก็รู้สึกกังวลที่รูปแบบมันแปลกที่ดำเนินการกันมา งานนี้ต้องเอากฤษฎีกาและอัยการมาช่วยดู เพราะอัยการมีความชำนาญ เพราะเป็นประเด็นที่ไม่ใช่แค่ข้อกฎหมายเท่านั้น แต่เกี่ยวข้องกับสิทธิที่เกิดขึ้นระหว่างภาครัฐและส่วนต่างๆ จะเป็นอย่างไร” นายอภิสิทธิ์ กล่าว