ศูนย์ข่าวศรีราชา - บริษัทอีสท์วอเตอร์ ยืนยัน ในช่วงฤดูแล้งปีนี้ พื้นที่ภาคตะวันออก ไม่ขาดแคลนน้ำอย่างแน่นอน เพราะปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำ มีจำนวนมากเพียงพอต่อความต้องการ พร้อมทั้งทำการปรับลดอัตราค่าน้ำดิบ หวังช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา
นายประพันธ์ อัศวอารี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทจัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ อีสท์วอเตอร์ กล่าวถึงสถานการณ์ในภาพรวมว่า ในพื้นที่ภาคอื่นๆมีการประสบภัยแล้งเกิดขึ้นแล้ว แต่ในส่วนของพื้นที่ภาคตะวันออกไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน เนื่องจากในช่วงนี้เข้าสู่สภาวะหน้าร้อนแล้ว แต่ในช่วงที่ผ่านมาได้มีฝนตกลงมา ทำให้ปริมาณน้ำในแหล่งกักเก็บน้ำต่างๆ มีจำนวนมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯก็ไม่ได้ประมาทหรือนิ่งนอนใจต่อปัญหาการขาดแคลนน้ำแต่อย่างใด โดยได้หาวิธีต่างๆไว้รองรับหากเกิดเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง คือฝนไม่ตกตามฤดูกาล โดยเตรียมแผนการผันน้ำจากแม่น้ำบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา มากักเก็บไว้ที่อ่างเก็บน้ำบางพระ จังหวัดชลบุรี ซึ่งที่ผ่านมาได้ผันน้ำมากักเก็บไว้แล้วจำนวนกว่า 10 ล้านคิว
นายประพันธ์ กล่าวต่อไปว่า นอกจากนั้นบริษัทฯพยายามหาพื้นที่ เพื่อก่อสร้างอ่างกักเก็บน้ำของบริษัทฯไว้บ้าง และหาเช่าพื้นที่ของภาคเอกชนที่มีการขุดหน้าดินไปขายและเป็นบ่อลึกที่สามารถกักเก็บน้ำได้ เพื่อเป็นแหล่งกักเก็บน้ำสำรองไว้รองรับสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย
ส่วนการจัดสรรน้ำ กรมชลประทานจะเป็นผู้ควบคุมดูแลจัดสรรน้ำ ทั้งภาคการเกษตร ภาคอุตสาหกรรม และภาคที่อยู่อาศัยที่ใช้น้ำประปา ซึ่งล่าสุดปริมาณการใช้น้ำประปาในพื้นที่ภาคตะวันออก ตั้งแต่จังหวัดฉะเชิงเทราถึงจังหวัดระยอง มีการใช้น้ำเพิ่มขึ้นประมาณ 35 % ทั้ง ๆที่ผ่านมามีปริมาณการใช้น้ำเพียง 10 % เท่านั้น
“ขอฝากเตือนประชาชนให้ตระหนักในการใช้น้ำ โดยเฉพาะเยาวชน เพราะที่ผ่านมามองว่าเรื่องน้ำเป็นเรื่องไกลตัว แต่ปัจจุบันทุกคนจะต้องเอาใจใส่และต้องห่วงใยในทรัพยากรน้ำ เพราะในวันหนึ่งข้างหน้าอาจจะเลวร้ายจนสายเกินแก้ เนื่องจากความสะดวกสบายจะกลายเป็นปัญหาในอนาคตก็ได้ “นายประพันธ์ กล่าว
นายประพันธ์ เผยต่อว่า สำหรับปริมาณน้ำดิบสำรองในขณะนี้อ่างเก็บน้ำหลัก 3 แห่ง ซึ่งเป็นแหล่งน้ำดิบของบริษัทฯ ได้แก่ อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล อ่างเก็บน้ำดอกกราย และอ่างเก็บน้ำหนองค้อ มีปริมาณน้ำกักเก็บโดยรวมคิดเป็นร้อยละ 60 ของความจุอ่างฯ นอกจากนี้ยังมีแหล่งน้ำสำรองจากอ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ อ่างเก็บน้ำประแสร์ ตลอดจนสระเก็บน้ำสำรองของบริษัทฯเอง จึงทำให้บริษัทฯ มีปริมาณน้ำเพียงพอสำหรับปี 2552 อย่างแน่นอน”
ทั้งนี้บริษัทฯ ได้เตรียมแผนพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อเพิ่มเสถียรภาพของการให้บริการแก่ผู้ใช้น้ำ โดยดำเนินการก่อสร้างท่อเชื่อมอ่างเก็บน้ำประแสร์-อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล รวมทั้งวางท่อส่งน้ำจากแม่น้ำบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรามากักเก็บไว้ที่อ่างเก็บน้ำบางพระ จังหวัดชลบุรี ซึ่งหากพื้นที่จังหวัดระยองมีปัญหาก็สามารถจะผันน้ำจากชลบุรีไปช่วยเหลือที่จังหวัดระยองได้ หรือหากจังหวัดชลบุรีมีปัญหาทางระยองก็จะส่งกลับมาที่จังหวัดชลบุรีได้ทันที ผู้ประกอบการหรือนักลงทุนอย่าไปคำนึงว่าเป็นการแย่งชิงน้ำ เพราะหน่วยงานที่รับผิดชอบจะวางมาตรการการใช้น้ำทั้งหมดอยู่แล้ว
สำหรับโครงการดังกล่าวจะช่วยให้มีปริมาณน้ำดิบสำรองเพิ่มขึ้น รองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นในอนาคตได้อีกประมาณ 5 ปี และนอกจากการก่อสร้างท่อเชื่อมอ่างเก็บน้ำดังกล่าวแล้ว บริษัทฯยังมีโครงการพัฒนาสระสำรองน้ำดิบเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มปริมาณน้ำสำรองในฤดูแล้ง อย่างไรก็ตามในปีนี้ปัญหาการขาดแคลนน้ำในพื้นที่ภาคตะวันออก ไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน เพราะปริมาณในอ่างเก็บน้ำมีจำนวนมากพอ
นายประพันธ์ กล่าวต่อว่า เนื่องจากประเทศไทยประสบกับปัญหาวิกฤตทางเศรษฐกิจ ที่ผ่านมาบริษัทฯได้มีการประชุมหารือกัน และ มีมติให้ปรับลดอัตราน้ำดิบที่จำหน่ายให้แก่ผู้ใช้น้ำกลุ่มอุปโภคบริโภคประเภทที่อยู่อาศัยและราชการ ในอัตรา 7.90 บาท/ลบ.ม. จากอัตราที่ประกาศใช้ 9.25 บาท/ลบ.ม. การปรับลดอัตราค่าน้ำดิบดังกล่าวแม้ว่าจะเป็นการปรับลดให้กลุ่มผู้ใช้น้ำดิบในกลุ่มอุปโภคและบริโภคทั้งหมด แต่เนื่องจากเป็นการลดราคาค่าน้ำดิบกับการประปาส่วนภูมิภาค(กปภ.)ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ ซึ่งมีปริมาณการใช้น้ำ คิดเป็นประมาณร้อยละ 85 ของผู้ใช้น้ำประเภทอุปโภคและบริโภค และมีกรรมการของ กปภ.เป็นกรรมการบริษัทฯ จึงเห็นควรเสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณา
ทั้งนี้ บริษัทฯมีความจำเป็นที่ต้องปรับโครงสร้างอัตราค่าน้ำดิบสำหรับปี 2552-2553 เนื่องจากโครงสร้างอัตราค่าน้ำเดิมเป็นการพิจารณาจากสภาวะเศรษฐกิจในช่วงปลายปี 2550 ที่ยังไม่เกิดปัญหาวิกฤตทางเศรษฐกิจ ขณะที่สถานการณ์ปัจจุบันวิกฤตดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อภาวะทางเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก และมีแนวโน้มชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจส่งผลกระทบที่รุนแรงต่อกลุ่มลูกค้าผู้ใช้น้ำ
การปรับโครงสร้างอัตราค่าน้ำใหม่สำหรับปี 2552-2553 จะเป็นการบรรเทาผลกระทบจากสภาวะทางเศรษฐกิจให้แก่ลูกค้าผู้ใช้น้ำดิบ และสอดคล้องต่อสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน รวมทั้งคำนึงถึงการอยู่รอดของคู่ค้ารายสำคัญ หากคู่ค้าหลักประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อรายได้และผลประกอบการของบริษัทเช่นกัน
การปรับลดดังกล่าวเป็นการพิจารณาถึงประโยชน์ของประชาชนโดยรวม เนื่องจากหากมีการปรับขึ้นราคาของผู้ใช้น้ำประปากลุ่มประเภทที่อยู่อาศัยอาจส่งผลกระทบในวงกว้าง การให้ความสำคัญกับเรื่องนี้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งบริษัทฯ ที่ต้องพิจารณาถึงประโยชน์ของประชาชนโดยรวม กปภ.เป็นลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทฯที่มีปริมาณการใช้น้ำสูงอย่างต่อเนื่อง การพิจารณาปรับลดอัตราค่าน้ำบางส่วนตามความจำเป็นของ กปภ. ที่มีราคาจำหน่ายแตกต่างกันดังกล่าว ถือเป็นการรักษาฐานลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทฯ ที่มีการค้าขายกันมาเป็นระยะเวลานาน