ส.ส.กทม.ประชาธิปัตย์ ชม “ยี้ห้อย” สร้างการยอมรับจากสังคมกรณีขอรับฟังโครงการเช่าเมล์เอ็นจีวี หนุนเต็มที่ทำประโยชน์เพื่อประชาชน ชี้ต้องทำให้โปร่งใน อัด “เพื่อไทย” ขาดภาวะผู้นำอย่างหนักกล่าวหาคนกรุงโง่เลือกพรรคประชาธิปัตย์ ระบุแนวคิดขัดหลักประชาธิปไตยอย่างรุนแรง
วันนี้(6 มิ.ย.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชนินทร์ รุ่งแสง ส.ส.กทม.กล่าวถึงกรณี ที่ นายเนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย และ นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ออกมาเคลื่อนไหวให้สัมภาษณ์ในลักษณะของการยอมรับจากประชาชนในโครงการของ กทม.เช่นโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี ว่า ขอชื่นชม นายเนวิน และนายโสภณ ซึ่งถือเป็นแนวความคิดที่สร้างสรรค์พัฒนาประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริง ทั้งนี้ตนขอ ขอสนับสนุนแนวคิดในการทำงานที่สร้างผลให้ประชาชนยอมรับในทางการเมือง และในฐานะที่เป็น ส.ส.กทม.ตนไม่ติดใจหากพรรคใดสร้างประโยชน์ มีโครงการดีๆแล้วคนกทม.จะยอมรับด้วยการเลือกพรรคนั้น อย่างไรก็ตามขอตั้งข้อสังเกตว่า โครงการที่เกิดขึ้นในกทม.นั้นต้องพิจารณาในแง่ของผลงานและความโปร่งใสที่หยิบยื่นให้คนกทม.ด้วย
นายชนินทร์ กล่าวว่า ส่วนกรณีที่นายโสภณ ระบุอยากให้มีการทำประชาพิจารณ์นั้น ถือเป็นเรื่องดีโดยเฉพาะโครงการรถเมล์เอ็นจีวี แต่อยากให้ทำอย่างจริงจังและลงรายละเอียดแท้จริงสำหรับผู้ที่เกี่ยวข้อง สิ่งหนึ่งที่จะเป็นตัวชี้วัดว่า การเขียนทีโออาร์นั้นไม่ได้มีการล๊อคสเปก อยากให้เชิญชวนผู้ที่สนใจประกวดราคามาเสนอความเห็น เพื่อแสดงว่าผู้ประกอบรายใดบริสุทธิ์ใจและมีศักยภาพในการดำเนินการโครงการนี้ เชื่อว่าข้อมูลต่างๆไม่ว่าจะเป็นเรื่องของราคารถ ค่าซ่อมที่ยังเป็นที่สงสัย หากมีผู้ประกอบการมาก็จะได้เห็นข้อเท็จจริงซึ่งมีส่วนสำคัญที่จะทำให้โครงการนี้เดินหน้าอย่างโปร่งใสได้
นายชนินทร์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนหนึ่งพาดพิงการเมืองในพื้นที่ กทม.ในการสัมมนาพรรคเพื่อไทยเมื่อวันที่ 5มิ.ย.ที่ผ่านมา ว่า สถานการณ์พรรคเพื่อไทย ขณะนี้น่าเป็นห่วงเพราะขาดบุคลากรระดับสูงในการทำงาน การที่รองหัวหน้าพรรคได้แสดงแนวความคิดทางด้านการเมืองเช่นนี้ ตนเห็นว่าเป็นการขัดแย้งกับหลักการประชาธิปไตย โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่การแสดงพฤติกรรมงมงายด้วยการให้สมาชิกพรรคไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์แช่งรัฐบาลให้เจ๊งเร็วๆ ถือว่าเป็นผู้นำที่มีความงมงายขาดภาวะความเป็นผู้นำ และที่ระบุบว่าคน กทม.โง่นั้น ถือเป็นเรื่องที่ขัดหลักการความคิดแง่ประชาธิปไตย ที่จะต้องให้ความสำคัญเสียงส่วนใหญ่และเคารพเสียงส่วนน้อย ตนขอแสดงความเป็นห่วงว่าพรรคเพื่อไทยอาจจะมีปัญหาวิกฤติการหาคนมาเป็นผู้นำ เพราะผู้นำในปัจจุบันได้แสดงความรู้สึกที่ขัดแย้งกับความรู้สึกของประชาชน เพราะการตัดสินในของประชาชนในระบอบประชาธิปไตยไม่ว่าจะเลือกข้างใดก็ถือว่าเป็นเสียงที่บริสุทธิ์ ทุกเสียงต้องได้รับความเคารพ ไม่ควรได้รับการตำหนิว่าเป็นเสียงที่โง่เง่าหรือเสียงทีซื่อบื้อ
