xs
xsm
sm
md
lg

กองทัพฮึ่มแม้วไม่บังควรสร้างความอึดอัดพระองค์ท่าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน - เหล่าทัพถกด่วนหลังทักษิณโฟนอิน ชี้กระทำการไม่บังควร ดึงสถาบันเบื้องสูงเกี่ยวข้องกับการเมือง "สร้างความอึดอัดให้พระองค์ท่าน" ปลุกระดมม็อบเสื้อแดงให้ออกมากดดันศาล เตรียมสั่งฝ่ายกฎหมายประสานสภาทนายความถอดคำหมิ่นเบื้องสูง เชื่อมีโฟนอินอีกแน่ ปูดการเมืองจ้องล้างไพ่กองทัพ อนุพงษ์ บ่นอึดอัดกับกระแสกดดันจากฝ่ายต่างๆ สภาทนายความชี้คำพูดที่ว่า ถูกยัดคุก หมิ่นศาล ส่วนอภิสิทธิ์ จี้นายกฯ ห้าม NBT นำเทปโฟนอินออกอากาศซ้ำ ระบุหากไม่จัดการถือว่าจงใจเป็นกระบอกเสียงให้พี่เขย

ผู้สื่อข่าวรายงานจากกองบัญชาการกองทัพบกว่า เมื่อเวลา 08.00 น. วานนี้ (3 พ.ย.) พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พล.อ. ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.สูงสุด พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พล.ร.อ. กำธร พุ่มหิรัญ ผบ.ทร. พล.อ.อ. อิทธพร ศุภวงศ์ ผล.ทอ.และ พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ได้นัดพบปะรับประทานอาหารนัดพิเศษ เพื่อประเมินสถานการณ์บ้านเมือง โดยเฉพาะประเด็นการโฟนอินของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่จะขอพึ่งพระบารมีของพระองค์ท่านในการเดินทางกลับเข้าประเทศไทย โดยใช้เวลาพบปะพูดคุยกันประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที
พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า การพบปะกันของ ผบ.เหล่าทัพ เป็นการพูดคุยถึงสถานการณ์ทั่วไป ทั้งนี้กองทัพจะต้องติดตาม สถานการณ์บ้านเมือง โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่าง ๆ เพราะห่วงความวุ่นวายที่อาจจะเกิดขึ้น ทั้งนี้ จากการประเมินสถานการณ์คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะทางตำรวจ และ ทหาร จะสามารถดูแลควบคุมสถานการณ์บ้านเมืองได้

***เหล่าทัพชี้แม้วพูดไม่บังควร
ส่วนที่หลายฝ่ายเป็นห่วงการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ อาจเข้าข่ายหมิ่นสถาบันเบื้องสูง พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า ผบ.เหล่าทัพ มองว่าเป็นการสร้างความอึดอัดให้กับพระองค์มากกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ควรจะออกมาลักษณะที่จะไปดึงพระองค์ท่านเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่าแสดงว่า ผบ.เหล่าทัพ เป็นว่าจะไปกดดันพระองค์ท่านใช่หรือไม่ พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า ผบ.เหล่าทัพ ไม่ได้มีการพูดกันถึงขนาดนั้น เพียงแต่การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอินเข้ามาในลักษณะนี้เหมือนกับว่าต้องการให้พระองค์ท่านเข้ามาดูแลอะไรต่าง ๆ ก็จะกลายเป็นปัญหาว่าสมควรหรือยังที่จะดำเนินการ ในลักษณะนี้ เพราะความจริง พ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่ได้รับการลงโทษอะไรเลย
ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่ยอมรับคำตัดสินใจของศาลยุติธรรม พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า ใช่ ภาระหน้าที่ของกองทัพกำหนดบทบาทค่อนข้างชัดเจน เราไม่ต้องการ ให้ใครมาทำลายสถาบันกษัตริย์ของเรา ไม่ต้องการให้มีการก้าวล่วงอะไรทั้งสิ้น ไม่ต้องการให้เกิดความสูญเสียของประชาชนทั้งสองฝ่าย

***ห่วงแม้วปลุกระดมต้านคำตัดสิน
รายงานข่าวแจ้งว่า ในที่ประชุม ผบ.เหล่าทัพ ได้แสดงความเป็นห่วงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่าจะขอพึ่งพระบารมี และกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้าน เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) โดยเฉพาะประชาชนที่สวมเสื้อแดง ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ อ้อนขอกลับเข้าประเทศไทย เพราะการพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ เกรงว่าจะเป็นการปลุกระดมมวลชนให้ต่อต้านการพิจารณาคำตัดสินของฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่ง ทางการเมือง ที่พิจารณาคำตัดสินให้ พ.ต.ท. ทักษิณ จำคุก 2 ปี เกี่ยวกับที่ดินรัชดา
แหล่งข่าวซึ่งเป็นนายทหารระดับสูง ระบุว่า ผบ.เหล่าทัพ ได้นัดพูดคุยกับสถานการณ์บ้านเมือง โดยเฉพาะเรื่องที่ พ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอินเข้ามาในรายการ และการนำพระองค์ท่านลงมาเกี่ยวข้องทางด้านการเมืองคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ถือว่า หนักเกินไป การจะมาพูดว่าขอพึ่งพระบารมี ทั้งที่ศาลพิจารณากระทำความผิดอย่างชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องว่าไปตามกระบวนการยุติธรรม

***เชื่อแม้วโฟนอินกดดันสถาบันอีก
ตอนนี้ ผบ.เหล่าทัพ พยายามหาทางออก เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาทำให้เกิดผลกระทบกับสถาบัน และประเทศชาติ เพราะการกระทำดังกล่าวเหมือนเป็นการไปกดดันพระองค์ท่าน การออกมาบอกว่าการกลับเข้าประเทศไทยได้จะต้องพึ่งพระบารมี คนลักษณะอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่น่าที่จะพูดแบบนี้ออกมา ทั้งนี้ ผบ.ทหารสูงสุด ได้ดูเทปการบันทึกภาพจากเจ้าหน้าที่แล้ว เห็นว่าไม่ค่อยเหมาะสมที่ พ.ต.ท.ทักษิณ พูดในลักษณะดังกล่าว
แหล่งข่าวกล่าว่า ขณะนี้กองทัพเตรียมประสานงานกับฝ่ายกฎหมาย และ สภาทนายความ เพื่อถอดข้อความการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่หมิ่นเหม่ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์แต่ในที่ประชุมยังวิเคราะห์ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะโฟนอินในครั้งต่อไปอีก เพื่อเป็นการกดดันสถาบันเบื้องสูง ซึ่งขณะนี้กองทัพทำอะไรไม่ได้ เพราะมันเลยจุดเงื่อนไขที่จะทำการปฏิวัติรัฐประหาร เพราะทำไปก็ไม่ได้ กองทัพอยู่ในสถานการณ์ตั้งรับ

***ปูดการเมืองจ้องล้างไพ่ในกองทัพ
หลังจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอิน เมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา ทำให้ดูเหมือน พ.ต.ท.ทักษิณ จะได้เปรียบทางด้านการเมือง โดยเฉพาะการพิจารณาคดีความต่างๆ ของ พ.ต.ท.ทักษิณก็จะต้องยืดระยะเวลาออกไป เพราะบางคดีไม่สามารถพิจารณาลับหลังได้ และสถานการณ์ตรงนั้นทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ สามารถต่อรองทางการเมืองได้ แต่ ผบ.เหล่าทัพ ไม่กังวลว่าจะถูกปลดออกจากตำแหน่ง ผบ.เหล่าทัพ เพราะมีกระแสข่าวว่าสถานการณ์หลังจากนี้ไปการเมืองอาจจะต้องการล้างไพ่ในกองทัพใหม่

***อนุพงษ์บ่นอึดอัดหลายฝ่ายกดดัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการหารือของ ผบ.เหล่าทัพ พล.อ.อนุพงษ์ ได้เป็นประธานการประชุมผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงกองทัพบกประจำเดือน พ.ย. โดย พล.อ.อนุพงษ์ ได้ระบายความรู้สึกกับผู้บังคับหน่วยขึ้นตงกองทัพบกตอนหนึ่งว่า ตอนนี้ผมเอง โดยเฉพาะกองทัพบก ได้รับแรงกดดันจากหลายฝ่ายมาก เกี่ยวกับการแสดงบทบาทในท่าทีของการเมือง ข่าวการปฏิวัติ เรียกร้องให้ทหารอยู่ฝ่ายนั้นฝ่ายนี้ หรือ การนำกำลังทหารออกมาปฏิบัติภายนอกกรมกอง ซึ่งเราไม่สามารถ อยู่ฝ่ายไหนได้ เพราะกองทัพจะต้องเป็นหลัก และจะต้องไม่ทำให้กองทัพเสื่อมศรัทธา ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายพยายามดึงสถาบันเข้าเกี่ยวข้องเพื่อประโยชน์ของตัวเอง เรายอมไม่ได้ ในฐานะที่ ทบ. มีกำลังพลมาก ก็ขอให้กำลังพลไปชี้แจงกับครอบครัวว่าสถาบันได้ทำอะไรมาบ้างและทรงคุณค่าอย่างไร
พ.อ.ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก แถลงภายหลังการประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก (นขต.ทบ.) ว่า ที่ประชุมได้พูดถึงเอกภาพของกองทัพจะช่วยแก้ไขสถานการณ์บ้านเมือง และสร้างความมั่นใจกับประชาชนจากการที่สังคมมีความคิดเห็นที่แตกแยกในขณะนี้ ผบ.ทบ.ได้แสดงทัศนะว่าความแตกต่าง ทางความคิดทำได้ แต่ต้องเคารพความเห็นของแต่ละบุคคล ไม่นำไปสู่ความบาดหมาง และใช้กำลัง

***กำชับกำลังพลปกป้องสถาบัน
พ.อ.ศิริจันทร์ กล่าวว่า เรื่องเกี่ยวข้องกับการเมืองยังมีจุดยืนเดิม คือ การวางตัวในลักษณะที่ทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ ซึ่งเรื่องนี้ทหารทุกคนต้องปฎิบัติให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ทั้งนี้ ผบ.ทบ.ได้กำชับผู้บังคับกองพันให้ความสำคัญการแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันในทุกโอกาส ซึ่งในส่วนราชการมีการติดตาม ข่าวสาร ส่วนกรณีที่มีบุคคลหมิ่นสถาบันฯ หากทหารมีข้อมูล กำลังพลก็มีความสามารถที่จะปกป้องสถาบันได้อยู่แล้ว
"ที่ผ่านมามีข้อมูลถ้อยคำกดดันที่ส่งเข้ามามีอยู่จริง แต่ พล.อ.อนุพงษ์ ขอให้ทุกคนยึดประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง ส่วนกรณีที่สถาบันทหารเป็นที่คาดหวังต่อสังคมนั้น กองทัพต้องใช้ความเป็นเอกภาพของทหาร สร้างความมั่นใจต่อสังคมว่าจุดยืนทหารเป็นอย่างไร เพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น

***สภาทนายฯ เตรียมสอบโฟนอิน
นายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ นายกสภาทนายความ กล่าวว่า สภาทนายความ เตรียมจะตรวจสอบการโฟนอินของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่มีการตำหนิกระบวนการยุติธรรม เนื่องจากมีเนื้อหาที่กล่าวว่า ผมไม่ใช่หัวหน้าม็อบนะครับ ถึงจะโดนยัดเยียดคุกให้กับอดีตนายกฯ ซึ่งคำว่ายัดเยียดคุกหมายความว่าอย่างไร พ.ต.ท.ทักษิณไม่ยอมรับคำพิพากษา แล้วจะมาขอพระราชทานอภัยโทษทำไม
นายเดชอุดม กล่าวด้วยว่าการที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชนเตรียมยื่นขอพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ใช่หน้าที่ของ ส.ส. และจริยธรรมของส.ส. กำหนดว่า ห้ามไม่ให้คบกับผู้ที่กระทำความผิด ทั้งนี้ การขอพระราชทานอภัยโทษ เป็นสิทธิ์ของนักโทษทุกคน แต่คดีของ พ.ต.ท. ทักษิณในคดีที่ดินรัชดาภิเษก ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษา ให้จำคุก 2 ปีนั้น ยังไม่จบ
การกระทำดังกล่าวจะเป็นการไม่บังควรเพราะจะรบกวนเบื้องพระยุคลบาทในขณะนี้ เพราะเป็นช่วงที่มีงานพระราชพิธี

***เตือนรัฐบาลสกัดเทปออกNBT
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวถึงข่าวที่ว่ารายการ ความจริงวันนี้ ที่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ NBT กรมประชาสัมพันธ์ จะนำเทปบันทึกการสัมภาษณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาออกอากาศว่า อยากเห็นการใช้สถานีโทรทัศน์และวิทยุของรัฐทำให้บ้านเมืองสงบ ฉะนั้นอะไรที่ทราบอยู้แล้วว่าจะนำไปสู่ความแตกแยก ก็ควรหลีกเลี่ยง แต่ถ้ายังยืนยันอยู่ก็จะมองเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ว่ารัฐบาลมีความจงใจ ที่จะเป็นกระบอกเสียงให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ และจงใจให้มีความแตกแยกเกิดขึ้น
ส่วนที่ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีอ้างว่า ไม่สามารถห้าม การออกอากาศได้นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า วันที่เอารายการ ความจริงวันนี้ มาทำ ทำไมทำได้ นี่ถือว่าเป็นนโยบายของรัฐบาลและพรรคพลังประชาชน ซึ่งนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรีบอกว่าเอามาเพื่อชี้แจงให้รัฐบาล ซึ่งตนก็ติงไปหลายครั้งว่าไม่ได้เป็นการชี้แจงงานของรัฐ แต่เป็นการนำมาใช้เป็ตเครื่องมือทางการเมือง ซึ่งวันนี้นายสมชาย ทราบอยู่แล้ว อยู่ที่ว่าจะทำอะไรหรือเปล่า
ข้อความจะหมิ่นเหม่หรือไม่ก็ไม่แน่ เพราะมีคนมองว่าหมิ่นทั้งเรื่องของศาล และสถาบัน เป็นการสมควรหรือไม่ ดูจากข่าวก็ทราบอยู่แล้วว่าเป็นเงื่อนไขของความขัดแย้งอยู่ ทำไมรัฐบาลไม่คิดว่าขณะนี้สิ่งที่ประชาชนต้องการมากที่สุดคือ ให้รัฐบาล มาช่วยให้ทุกสิ่งทุกอย่างสงบลง แต่เมื่อรัฐบาลไปสนับสนุนกิจกรรมที่ทำให้เกิดการ เผชิญหน้ามากขึ้นเพื่ออะไร หากยอมให้เผยแพร่ก็คงมองเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจาก ความจงใจของรัฐบาล ถ้าเป็นเช่นน้นผมก็อยากให้นายกฯสมชาย บอกมาตรงๆ ดีกว่า อย่าบอกประชาชนอย่างแล้วทำอีกอยา บอกมาตรง ๆ เลย ว่าท่านอยู่ขณะนี้เพื่อสนับสนุนอดีตนายกฯจะเป็นกระบอกเสียงให้ ก็บอกมาเลยนะครับ ดีกว่าบอกว่า ต้องการให้บ้านเมืองสงบแล้วมาทำแบบนี้

***ชี้ทักษิณผิดอาญาอภัยโทษไม่ได้
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าการที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชนเตรียมราบรวมรายชื่อ เพื่อขอพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณว่า นายสมชาย ซึ่งเป็นอดีตปลัดกระทรวงยุติธรรมก็บอกเองว่า การขอพระราชทานอภัยโทษเจ้าตัวต้องทำเอง เรื่องนี้ไม่ควร นำมาเป็นเรื่องการเมือง ซึ่งตนยืนยันว่าความผิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ใช่ความผิด ทางการเมือง แต่เป็นควาผิดอาญาโดยนักการเมือง จึงไม่ควรดึงการเมืองเข้ามา เกี่ยวข้องเป็นเรื่องที่ต้องรับโทษและเข้าสู่กระบวนการตามปกติเหมือนคดีอาญาทั่วไป
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการกรณีดังกล่าวมาเทียบเคียงกับคดีของพล.ต.มนูญกฤต รูปขจร ส.ส.สัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ที่เคยได้รับพระราชทานอภัยโทษในคดีกบฏ มองอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า แต่ละกรณีต้องดูเป็นรายกรณีไป

***เหน็บแม้วควรเสนอให้เลิกศาล
นายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าการโฟนอิน ของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นการแสดงความพยายามแสดงจุดยืนและทาสแท้ของตัวเองว่าไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรมของไทย โดยจะใช้เสียงประชาชนที่ศรัทธาตัวเองมากดดันและตัดสินความถูกผิดของตัวเอง หากพ.ต.ท.ทักษิณ มีความเชื่อเช่นนั้นก็น่าจะเสนอให้ยกเลิกศาลสถิตยุติธรรมที่ตัดสินคดีความต่างๆ แล้วหันมาใช้เสียงประชามติจากประชาชนเป็นตัวตัดสินจะดีกว่า
นายเทพไท กล่าวว่า การที่ สามเกลอหัวกลม นำเทปเหตุการณ์การชุมนุม ของม็อบ เสื้อแดง ที่สนามราชมัคลาสถานมาออกรายการ ความจริงวันนี้ เป็นตอนๆ โดยเริ่มตั้งแต่เมื่อวันที่ 2 พ.ย. มีการถ่ายทอดการชุมนุม และพิธีกรรมทางไสยาศาสตร์ มาสร้างความงมงายให้กับประชาชน ซึ่งไม่มีความเหมาะสมในการใช้สื่อของรัฐมาเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งไม่เป็นธรรมกับกลุ่มอื่นๆ ที่ถูกกลุ่มคนเหล่านี้พาดพิงถึง

***ขู่เอาผิดกรมประชาฯ เปิดเทป
หากว่ากลุ่มนปช.หรือคนใส่เสื้อแดง เป็นเพียงกลุ่มการเมืองกลุ่มหนึ่งก็มีฐานะทางการเมืองเท่ากับกลุ่มพันธนมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ถ้ารายการความจริงวันนี้ ใช้ NBT เปิดเทปบันมึกภาพเหตุการณ์ชุมนุมได้แล้ว ก็ควรเปิดโอกาสให้กลุ่มพันธมิตรฯ เปิดเทปการชุมนุมในทำเนียบรัฐบาล ทาง NBT ได้ด้วย เพราะกลุ่มพันธมิตร ใช้สื่อ ASTV ถ่ายทอดความเคลื่อนไหวการชุมนุมของตัวเอง ถ้าจะให้มีความเสมือน ภาคกลุ่ม นปช.หรือกลุ่มคนใส่เสื้อแดง ควรจะใช้เคเบิ้ลผ่านดาวเทียม ช่อง MV 5 ถ่ายทอดจะเหมาะสมกว่า
นายเทพไท กล่าวว่า อยากถามผู้รับผิดชอบ NBT ว่า ถ้าพ.ต.ท.ทักษิณ สามารถ โฟนอิน ออกรายการได้ แล้วมีบุคคลที่อยู่ในสถานะเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เช่น นายวัฒนา อัศวเหม นายสมชาย คุณปลื้ม นายรักเกียรติ สุขธนะ พ.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ รวมถึงนักโทษคนอื่นๆในเรือนจำ จะขอโฟนอิน อย่างเดียวกับพ.ต.ท.ทักษิณ บ้างจะ ได้หรือไม่
อยากเรียกร้องให้อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ และผอ.สถานีโททัศน์NBT ตรวจสอบการใช้รายการความจริงวันนี้ ออกเทปบันทึกการชุมนุมเหตุการณ์ วันที่ 1 พ.ย. ที่มีพ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอินเข้ามาว่า ความเหมาะสมเพียงใด หากปล่อยปะละอีกก็จะสุ่มเสี่ยงต่อการถูกฟ้องร้องดำเนินคดี จากผู้ถูกพาดพิงจากพิธีกรสามเกลอหัวกลม อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ตัวอธิบดีและผอ. ก็เตรียมตัว เตรียมใจ ที่จะรับหมายศาล เป็นรายวัน และให้เตรียมหาทนายและเงินประกันตัวไว้ล่วงหน้าและ อยากเตือน ด้วยความหวังดี ข้าราชการประจำไม่ควรรับใช้นักการเมืองจนไม่ลืมหู ลืมตา บทเรียนในอดีตก็เคยเห็นมาแล้ว เมื่อนักการเมืองออกไป ข้าราชการก็จะเป็นผู้รับกรรมแทนนักการเมือง ตอนนี้รายการถามจริงตอบตรง ถูกปรับออกจากผังรายการไปแล้วนั้น ตมคิดว่าน่าจะพิจารณายกเลิกรายการความจริงวันนี้เป็นรายการแรกก่อนรายการถามจริงตอบตรงดีกว่า

***อัด พปช.ไม่บังควรล่าชื่ออภัยโทษ
นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา กล่าวว่าการที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชนล่าชื่อเพื่อถวายฏีกาขอพระราชทานอัยโทษให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นสิทธิที่ทำได้ แต่ไม่ควรนำเรื่องนี้มากดดันพระองค์ท่าน หรือจะแสดงพลังประชาชนเป็นแสนเป็นล้าน ก็ไม่ควรเช่นกัน ส่วนที่ทางสถานีโทรทัศน์ NBT จะนำเทปการโฟนอินของพ.ต.ท. ทักษิณ มาเปิดซ้ำอีกนั้น คิดว่ารมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ และผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ ์NBT ต้องดูถึงความเหมาะสม ว่านำมาออกอากาศซ้ำ สังคมจะแตกแยกหรือไม่ เพราะสถานีโทรทัศน์นี้ก็เป็นของรัฐ ไม่ใช่ของรัฐบาลหรือ เครื่องมือของกลุ่มการเมือง ไม่อย่างนั้นหากเกิดอะไรขึ้นผู้ที่อนุมัติจะต้องรับผิดชอบ
อย่างไรก็ตามอยากวิงวอนไปยังพ.ต.ท.ทักษิณ ว่าขอให้ใช้กระบวนการยุติธรรม เป็นเครื่องต่อสู้ในระยะยาว จะดีกว่าที่จะให้พลังมวลชนมากดดัน และการโฟนอิน ที่เกิดขึ้นมีการวิจารณ์ถึงกระบวนการยุติธรรม เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม ส่วนที่มีการพูด กำกวมพาดพิงถึงสถาบันในการอาศัยพระเมตตาให้กลับประเทศนั้น ปกติคนไทย ทุกคนก็ได้รับความเมตตาจากพระองค์อยู่แล้ว การพูดกำกวมเป็นเรื่องที่ไม่บังควร

***จี้ต่อมสำนึกแม้วก่อนยื่นถวายฎีกา
นายสัก กอแสงเรือง อดีตโฆษก คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิด ความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) กล่าวว่า การถวายฎีกาทั่ว ๆ ไปก็คงถวายฎีกาได้ แต่ถ้าถวายฎีกาในฐานะที่เป็นจำเลยในคดีอาญา จะต้องเป็นคดีถึงที่สุดก่อน และคิดว่า ไม่น่ารวมถึงผู้ที่หลบหนีคดี หรือไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม
สิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณพูดว่าท่านไม่ได้ทำผิด ต้องมารับกรรมที่ไม่ได้ก่อ เป็นสิ่งที่น่าสนใจ เพราะจำเลยในเรือนจำมักจะพูดเช่นนี้
นายสัก กล่าวว่า ตามช่องทางกฎหมายที่มีพ.ต.ท.ทักษิณสามารถต่อสู้คดีได้ แต่กลับไม่ยอมรับกฎเกณฑ์ ทั้งที่ประชาชนส่วนใหญ่ยอมรับ เชื่อถือกระบวนการ ยุติธรรม ตอนที่เข้ารับตำแหน่งปฏิญาณตนไว้อย่างไรถือเป็นจิตสำนึก และเป็นสิ่งที่ประชาชนจะตัดสินใจ

***พปช.ปัดเข้าชื่อถวายฎีกาให้แม้ว
ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง รักษาการโฆษกพรรคพลังประชาชน กล่าวว่าที่หลายฝ่าย ออกมาวิจารณ์คำพูดของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่หวังพึ่งพระบารมีในการกลับประเทศเป็นการโยกสถาบันเบื้องสูงเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมืองว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ พูดไม่ต้องตีความเพราะได้พูดทุกอย่างด้วยตัวเอง เป็นไปตามทุกคำพูดที่ออกมา จึงไม่ควรที่ใครจะไปตีความให้เชื่อมโยงเรื่องใด อาจไม่ตรงกับที่ พ.ต.ท.ทักษิณ สื่อมา ซึ่งเรื่องนี้ ส.ส.ในพรรคพลังประชาชน ไม่ได้มองว่าเป็นการปลุกระดมมวลชน แต่อย่างใด เพราะจำนวนประชาชนที่เข้าร่วมชุมนุมก็พิสูจน์ได้ว่ามาด้วยใจที่รักประชาธิปไตยจริง ๆ และเนื้อหาของคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เป็นไปตามกรอบเดิม ไม่ได้ขยายกรอบ หรือมีเนื้อหาอะไรมากจนถึงกับสร้างความปั่นป่วนให้สังคม และขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็โดนลงโทษจากกระบวนการยุติธรรมแล้ว ไม่ควรไปมองในแง่ร้ายอีก
ส่วนที่มองว่าคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นการมุ่งทำลายความน่าเชื่อถือ ของกระบวนการยุติธรรมของไทยและพยายามเกี่ยวโยงสถาบันเบื้องสูงหวังพึ่งพระบารมีนั้น ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ก็พูดไปตามความรู้สึกของคนๆ หนึ่ง ที่ถูกกระทำ ส่วนเรื่องที่พูดถึงพระบารมีและมีการโยงจะมีการเข้าชื่อถวายฎีกานั้น คงไม่เพราะส.ส.ในพรรคยังไม่ได้ดำเนินการอะไรในเรื่องการรวบรวมรายชื่อประชาชน หรือระดมมวลชนกดดัน เรายังไม่ได้มีแนวคิดดังกล่าว ซึ่งเข้าใจว่าพ.ต.ท.ทักษิณ พูดออกมาตามความรู้สึกของประชาชนที่อยู่ภายใต้พระบรมโพธิสมภาร
ความจริง ถ้าพ.ต.ท.ทักษิณ จะถวายฎีกาก็สามารถทำได้เลย ไม่ต้องมา รวบรวมรายชื่อประชาชนจำนวนมาก เพราะเป็นพสกนิกรคนหนึ่ง จึงออกมาพูด ที่คิดถึงพระบารมีและพระเมตตาเท่านั้น

***สั่งผู้ว่าฯ ลุยวิทยุชุมชนหมิ่นเบื้องสูง
พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รมว.มหาดไทย กล่าวระหว่างเป็นประธานการประชุมมอบนโยบายและแนวทางปฏิบัติราชการของกระทรวงมหาดไทยแก่ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ว่าในห้วง 3 เดือนที่ผ่านมา มีคนละเมิดและดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ พร้อมทั้งมีการพาดพิง เพิ่มมากขึ้นกระทรวงมหาดไทยได้เรียนไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดและหน่วยงานที่ขึ้นตรงกับกระทรวงมหาดไทยแล้วเพื่อช่วยกันดูและและปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งขณะนี้ได้มีการดำเนินคดีไปแล้วหลายรายจึงขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดช่วยกันดูแลต่อไป
พล.ต.อ.โกวิท กล่าวว่าเรื่องการสร้างความสามัคคีของคนในชาติซึ่งกระทรวงมหาดไทยก็ได้นำนโยบายที่จะสร้างความสมานฉันท์ สร้างความเข้าใจให้กับประชาชน เพื่อให้บ้านเมืองกลับเข้าสู่สภาวะปกติให้ได้ โดยให้มีการฟื้นฟูกิจการลูกเสือ ชาวบ้าน รัฐบาลก็ได้สนับสนุนงบประมาณไป 98ล้านบาท จะดำเนินการโอนให้กับทุกจังหวัดทุกอำเภอ โดยให้อำเภอละ 1แสนบาท อย่างไรก็ตาม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จะต้องร่วมมือกับผู้ว่าราชการจังหวัดจัดให้มีการอบรมลูกเสือชาวบ้านตลอดปี 52 และให้วางแผนไว้ทั้งปีด้วย
ตอนนี้ผมมีความเป็นห่วงมากความคิดที่แตกต่างกันนั้นเป็นเรื่องที่อันตราย จนกระทั้งมีคนไม่เข้าใจว่าความดีความชั่วแตกต่างกันอย่างไร ใครมายุยงให้ทำในสิ่ง ที่ชั่ว สิ่งที่เลวก็จะต้องไม่หลวมตัวไปทำต้องคิดดีทำดี ผมอยากให้กระบวนการ ลูกเสือชาวบ้านก็จะเป็นสิ่งที่ทำให้ประชาชนคนไทยเป็นสิ่งที่ยึดมั่นที่จะมีความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อย่างแท้จริง นี่เป็นเรื่องที่ทุกหน่วยต้องเร่งทำทั้งนี้ผมขอเน้นย้ำทุกฝ่ายต้องทำต่อไปไม่ใช่ทำแค่ 116 วันเท่านั้น
ด้านนายพีรพล ไตรทศาวิทย์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ผู้ว่าฯ ทุกจังหวัดจะต้องตรวจสอบดูแลเว็บไซต์ วิทยุชุมชน รวมถึงการชุมนุมในที่ต่างๆ ที่มีเนื้อหา การหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งผู้ว่าฯ จะต้องมีการบันทึกเทปไว้เป็นหลักฐาน หากมีเนื้อหาเข้าข่ายก็สามารถดำเนินการตามกฎหมายได้ทันที

***รู้แต่ไม่ทำ! สมชายให้โกวิทคุมงานจิ๋ว
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการปรับ ครม. โดยเฉพาะการทูลเกล้าฯ บุคคลที่มาแทน พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เร็วๆ นี้คงจะทราบ ส่วนจะมาดูแลฝ่ายความมั่นคงหรือไม่ นายสมชายกล่าวว่า จริงๆ แล้วเรื่องความมั่นคง ไม่ต้องมีใครโดยเฉพาะ ตอนนี้ พล.ต.อ.โกวิทก็ดูแลอยู่ ความมั่นคงในเวลานี้ไม่เฉพาะเรื่องชายแดน หรือการก่อการร้ายเท่านั้น แต่ปัญหาด้านเศรษฐกิจ ด้านคอมพิวเตอร์ (เว็บไซต์) ข้อมูลข่าวสาร ถือเป็นปัญหาด้านความมั่นคง และต้องร่วมมือกันหลายๆ ฝ่าย
เป็นที่น่าสังเกตว่านายกรัฐมนตรีไม่ค่อยให้ความสำคัญกับสื่อหรือเว็บไซต์ที่เข้าข่ายจาบจ้วงและหมิ่นสถาบันเบื้องสูง เห็นได้จากยังไม่มีการลงโทษหรือสั่งปิดเว็บไซต์ดังกล่าวแต่อย่างใด (อ่าน...คำพูดผบ.ทบ.ไร้ความหมาย หมิ่นสถาบันหนักกว่าเดิม...ประกอบข่าว)
เมื่อถามว่าคนที่มาแทน พล.อ.ชวลิตต้องทำหน้าที่เจรจากับพันธมิตรหรือไม่ นายสมชายกล่าวว่า ไม่มีปัญหา ถ้าวันนี้บอกพรุ่งนี้ก็ดำเนินการได้ทันที.
กำลังโหลดความคิดเห็น