ศูนย์ข่าวศรีราชา- พันธมิตรฯ ภาคตะวันออก เตรียมจัดประชุมสัมมนาใหญ่เดือน ม.ค.52 เพื่อติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง พร้อมเคลื่อนไหวทุกเวลาหากเกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง
นายสุทธิ อัฌชาศัย ผู้ประสานงานเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยภาคตะวันออก กล่าวถึงการร่วมชุมนุมเรียกร้องกับกลุ่มพันธมิตรฯ ทั่วประเทศจนประสบความสำเร็จ ถือว่า เป็นความร่วมมือครั้งยิ่งใหญ่ของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ร่วมกันต่อต้านความไม่โปร่งใสในการบริหารประเทศ ซึ่งมี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดีทุจริตที่ดินรัชดาฯ อยู่เบื้องหลังมาโดยตลอด จนในที่สุดพรรคการเมืองใหญ่ 3 พรรค ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรค ทำให้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีบางคน ต้องสิ้นสภาพไป
การชุมนุมเรียกร้องที่ผ่านมา กลุ่มพันธมิตรฯ สามารถต่อสู้จนได้รับชัยชนะในระดับหนึ่ง แต่สถานการณ์การเมืองคงยังไม่หยุดนิ่งอย่างแน่นอน เนื่องจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ยุบพรรค ก็ยังมีการดิ้นรนเพื่อหนุนให้พรรคเดิมๆ และบุคคลกลุ่มเดิมๆ เข้ามาบริหารประเทศอีก ซึ่งดูแล้วก็จะเป็นการบริหารประเทศชาติแบบเดิมอีก การชุมนุมเรียกร้องของกลุ่มพันธมิตรฯอาจจะหวนกลับมาชุมนุมเช่นเดิมก็ได้ หากสถานการณ์บ้านเมืองไม่มีการเปลี่ยนแปลงให้เป็นการเมืองรูปแบบใหม่ ตามเจตนารมณ์ของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่วางไว้
นายสุทธิ กล่าวต่อไปว่า การจัดสัมมนาจะมีการเชิญวิทยากรที่มีความรู้ความสามารถ และผู้ที่เข้าไปร่วมชุมนุมมาเล่าเหตุการณ์ในการชุมนุมร่วมกับกลุ่มพันธมิตรฯต่างๆที่เวทีใหญ่ ที่สำคัญไม่ต้องการให้กลุ่มพันธมิตรฯเหินห่างกันในช่วงที่ไม่มีการชุมนุมใหญ่ และหากมีการเป่านกหวีดขึ้น ก็สามารถระดมกำลังได้ทันที
นายสุทธิ กล่าวต่อไปว่า หลังจากจัดสัมมนาในครั้งนี้ คาดว่าในช่วงปลายเดือนธันวาคมนี้ และในช่วงเดือนมกราคม 2552 จะจัดเวทีปราศรัยใหญ่ โดยจะระดมพันธมิตรฯ ทั่วภาคตะวันออก มาร่วมเวที เพื่อเป็นการเช็กกำลังกลุ่มพันธมิตรฯ ไปในตัว โดยคาดว่าจะมีกลุ่มพันธมิตรฯมาร่วมงานเป็นจำนวนมากอย่างแน่นอน
ขณะนี้ทราบว่า ในหลายๆ พื้นที่ มีการพบปะสังสรรค์และพูดคุยกัน เพื่อต้องการให้มีความใกล้ชิดสนิทสนมกันต่อไป โดยขอให้ทุกๆพื้นที่ประสานกันเช่นนี้ตลอดไป เนื่องจากสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน ก็ยังไม่แตกต่างจากที่ผ่านมาเลย โดยมองว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยังสั่งงานอยู่เบื้องหลัง ดังนั้นหากพันธมิตรฯ ไม่รวมตัวกันเหมือนที่ผ่านมา หากเกิดเหตุการณ์ใหญ่ขึ้นมาอาจจะระดมกำลังได้ไม่ทันท่วงที โดยควรประสานและติดต่อกัน โดยเฉพาะกลุ่มแกนนำต่างๆ
“ในอนาคตคาดว่ากลุ่มการเมืองกลุ่มเดิมกลับมามีอำนาจอีกครั้งอย่างแน่นอน ซึ่งเรื่องนี้กลุ่มพันธมิตรฯ ภาคตะวันออก คงจะนิ่งนอนใจไม่ได้ และคงจะต้องออกมาเรียกร้องเช่นเดิม ที่สำคัญหน่วยงานที่รับผิดชอบควรจะต้องออกมามีบทบาทให้มากกว่านี้ โดยอย่าปล่อยให้สถานการณ์และเหตุการณ์บานปลายเหมือนที่ผ่านมา เพราะผลกระทบคงไม่ใช่เฉพาะฝ่ายสนับสนุนหรือฝ่ายต่อต้าน แต่จะเกิดผลกระทบในภาพรวมต่อประเทศชาติ” นายสุทธิ กล่าว
นายสุทธิ กล่าวต่อไปว่า ในช่วงนี้ยังไม่สามารถทราบได้ว่า ใครจะขึ้นมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่ในช่วงนี้ กลุ่มพันธมิตรฯในพื้นที่ต่างๆ ต้องออกมาให้ความรู้ด้านการเมืองรูปแบบใหม่แก่ประชาชนให้มากขึ้น และทราบบทบาทหน้าที่ของตนเอง เพื่อทราบถึงแนวทาง เพราะที่ผ่านมาประชาชนส่วนใหญ่คิดว่าการเมืองเป็นเรื่องไกลตัว แต่เมื่อได้รับความรู้และการชี้แจงผ่านสื่อ ASTV ประชาชนเริ่มเข้าใจบทบาทของตนเอง และต้องแสดงสิทธิ์ทางการเมืองอย่างละเอียดและรอบคอบเพิ่มขึ้น
จากการชุมนุมเรียกร้องในครั้งนี้ ทำให้ประชาชนมีความรู้ด้านการเมืองเพิ่มขึ้น โดยดูได้จากการมาชุมนุมเรียกร้องความถูกต้อง ซึ่งมีกลุ่มพันธมิตรฯเข้ามาร่วมชุมนุมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นก็ไม่มีใครยอมแพ้หรือถอยแม้แต่คนเดียว ซึ่งกลับเพิ่มจำนวนประชาชนไม่ขาดสาย
นายสุทธิ กล่าวต่อไปว่า ในช่วงสุญญากาศทางการเมืองขณะนี้ กลุ่มพันธมิตรฯ จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือเข้าไปกดดันแต่อย่างใด โดยจะเป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่รับผิดชอบว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป โดยส่วนกลุ่มพันธมิตรฯ จะมีบทบาทในช่วงนี้ คือ ออกให้ความรู้และขยายความรู้ด้านการเมืองออกไปสู่สาธารณชนกลุ่มอื่นๆต่อไป เพื่อให้ประชาชนที่ยังไม่ทราบบทบาทหน้าที่ของตนเองทางการเมือง จึงต้องจัดเวทีปราศรัยใหญ่อีกครั้ง แต่อย่างไรก็ตาม ก็จะเฝ้าติดตามสถานการณ์บ้านเมืองอย่างใกล้ชิด และพร้อมทุกเมื่อหากมีการเป่านกหวีดขึ้นอีก