“โสภณ” แบกสคริปต์พบ “สุเทพ” ดันทุรัง “รถเมล์เอ็นจีวีฉาว” เข้า ครม.พรุ่งนี้ รอแจงเหตุผลลดเงินเหลือ 6.4 หมื่นล้าน ชี้เฉลี่ยค่าซ่อม เหมือนซ่อมเครื่องบิน โยน “เทพเทือก” ตัดสินเข้า ครม.รับไม่ได้ถูกแฉ! ตั้งโครงการมาโกง-อภิมหาโกงร้ายแรง เหน็บ ถ้าเอาผิดทุจริตในอดีต ป่านนี้หลายคนรับผิดชอบเพียบ ทำเล่นลิ้น “รถเมล์เอ็นจีวีเบรกไม่แตก เพราะเปลี่ยนอายุตามการใช้งาน”
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายโสภณ ซารัมย์
วันนี้ (2 มิ.ย.) นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม ในฐานะแกนนำพรรคภูมิใจไทย เข้าพบ นาย สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ที่ห้องทำงาน ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล เพื่อชี้แจงเหตุผลการเสนอวาระเพื่อพิจารณาการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4 พันคันเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ในวันที่ 3 มิ.ย.นี้
นายโสภณ กล่าวภายหลังเข้าพบนายสุเทพ กว่า 1 ชั่วโมง ว่า นอกจากเข้าชี้แจงกับนายสุเทพเรื่องการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4 พันคัน โดยได้คุยทุกเรื่องเกี่ยวกับงานของกระทรวงคมนาคม และได้ส่งเรื่องให้กับนายสุเทพไปแล้ว ส่วนการจะนำเข้าพิจารณาในครม.พรุ่งนี้หรือไม่ตนไม่ทราบ อยู่ที่นาย สุเทพ จะพิจารณา เพราะเป็นไปตามการอธิบายตัวเลขต่างๆ
เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่าจะผ่านการพิจารณา นายโสภณ กล่าวว่า อยู่ที่ตนอธิบายให้เขา (ครม.) เข้าใจ เพื่อเห็นด้วยกับกระทรวงคมนาคม กรมการขนส่งมวลชน (กรมขนส่งทางบก และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ) ถ้าเขาเข้าใจก็ผ่านให้ และส่วนตัวมั่นใจว่าจะผ่าน ครม. เมื่อถามว่า การที่นายกฯให้กลับไปพิจารณาตัวเลขต่างๆ อย่างละเอียดเป็นอย่างไรบ้าง นายโสภณ กล่าวว่า เคลียร์เสร็จเรียบร้อย มูลค่าทั้งหมดรวมค่าเช่ารถ ค่าซ่อม ค่าดอกเบี้ย ฯลฯจาก 69,000 ล้านบาท โดยปรับทีโออาร์เพื่อเข้าครม. ครั้งที่แล้ว 67,000 บาท และวันนี้ก็ปรับเป็น 64,885 ล้านบาท แต่ยอมรับว่าจะต้องเพิ่มค่าซ่อม คือลดตามข้อเท็จจริง ตรงนี้ไม่ได้ลดมูลค่าเพื่อให้โครงการผ่าน แต่เป็นการลดตามข้อเท็จจริงในเรื่องดอกเบี้ย ตอนเสนอตัวเลขดอกเบี้ยเงินกู้ หรือ MLR7 บวก MLR3 เท่ากับ MLR10 ซึ่งทางสำนักงบประมาณเสนอว่า โครงการนี้ไม่ควรบวกค่าความเสี่ยง จึงไม่ต้องปรับตัวเลข MLR บวก 3 จึงเป็นตัวเลขข้างต้น ดังนั้นทั้งหมดเป็นเพียงตัวเลขดอกเบี้ยเท่านั้นเอง
เมื่อถามว่า ที่ผ่านมาสหภาพฯ ขสมก.เสนอให้ซื้อรถมากกว่าที่จะเช่า นายโสภณ กล่าวว่า ไม่ขัดข้องถ้าซื้อต้องอธิบายว่า การซื้อรัฐต้องแบกดอกเบี้ย สถานการณ์ของประเทศขณะนี้ไม่มีเงิน วิกฤติเศรษฐกิจแย่ ถ้าซื้อต้องกู้ เมื่อกู้คนต่างจังหวัด อย่างชาวบุรีรัมย์บ้านตนก็จะกล่าวหาว่า มากู้เงินซื้อรถเมล์ให้คนกรุงเทพ ก็จะเป็นปัญหาเหมือนกัน แต่ยืนยันว่า โครงการนี้รัฐบาลต้องการฟื้นฟูขสมก. จะยอมให้ขาดทุนปีละ 6 พันล้าน ก็ตามแต่ หรือจะให้ฟื้นฟูตามหลักผลการศึกษาของขสมก. โดยมีการบริการที่ดี หลักง่ายๆ การเช่ารถวันละ 4,400 กว่าบาท โดยไม่มีคนขับ และคนเก็บตั๋ว โดยใช้ระบบอีทิคเก็ท ขสมก.ก็ทำเพียงหาคนขับเติมเชื้อเพลิง วิ่งวันละ 305 กิโลเมตร ต่อวันต่อคัน
นายโสภณ ชี้แจงว่า การที่มีคนกล่าวหาว่าราคาเช่ารถแพงนั้นหากเปรียบเหมือนการเช่ารถไปเที่ยวเหมาคันต่อวัน ซึ่งค่าเช่าจะอยู่ที่ 1 หมื่นกว่าบาทต่อวันต่อคันรวมทุกอย่าง แต่กรณีรถเช่าของ ขสมก.หากบวกลบทั้งหมดแล้วเบ็ดเสร็จราคาเพียง 9 พันกว่าบาทเท่านั้น ตนก็บอกหลักการให้ประชาชนฟังแบบนี้ นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งระบบจีพีเอส เพื่อตรวจสอบระยะทางการวิ่งว่าใช้เวลาไปเท่าใด
เมื่อถามว่า มั่นใจได้อย่างไรว่า ภาระวันข้างหน้าจะไม่เป็นของรัฐบาล นายโสภณ กล่าวว่า วันนี้สังคมต้องพิจารณาว่า แน่ใจอย่างไรว่าจะได้กำไร ขอเรียนว่า คนที่ใช้บริการรถเมล์ใน กทม.ทุกวันนี้มี 226 คนต่อคันต่อวัน ถ้ามีรถเมล์เอ็นจีวี ใช้ตั๋ว 30 บาท ตลอดสายวิ่งต่อคนต่อวัน ถือเป็นการส่งเสริมให้ผู้โดยสารมาใช้รถเมล์สูงขึ้น วันนี้มีคนใช้รถยนต์ส่วนบุคคล ถึง 6 ล้านคันต่อวัน แต่ถ้าหันมาใช้รถ ขสมก. ก็จะมีคนใช้รถขสมก. ประมาณ 350 คนต่อคันต่อวัน รวมเป็นราคา 1 หมื่นกว่าบาทต่อคันต่อวัน ก็นำไปเสียค่าเช่าเพียง 4,400 บาท ที่เหลือก็เป็นเงินที่ขสมก.จะบริหารจัดการ
“วันนี้ต้องถามคืนว่าการแบ่งการตลาดระหว่างรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน (รฟม.) และรถเมล์ (ขสมก.) เชื่อว่า ประชาชนส่วนใหญ่ต้องการจอดรถไว้ที่บ้านมากกว่าและหันมาใช้ขนส่งมวลชนที่มีคุณภาพประหยัด ตรงเวลา ทุกวันนี้คนไม่ใช่เพราะคุณภาพไม่ตรงเวลา รถมีจำกัดเส้นทางปัจจุบัน 245 เส้นทาง เพื่อให้มันไปได้ เราจัดเส้นทางของเราโดยเอาเอกชนมาวิ่ง ผมขอบอกว่าเงิน 4พันกว่าบาทที่ตั้งขึ้นเป็นราคากลางที่เอารถมาวิ่ง 4 พันคันต่อวัน ต้องวิ่งรถทุกคัน ถ้าโครงการนี้เกิดจ่ายไม่เกิน 64,000 กว่าล้านบาท เอาค่าโดยสารมาจ่ายค่าเช่าเป็นรายวัน ที่เหลือขสมก.เอาไป ถ้าประหยัดจะเหลือเงินเท่านั้นเอง” นายโสภณ กล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไมราคาบำรุงรักษารถใหม่ถึงมีราคาแพง และนำไปเทียบกับค่าซ่อมของรถเก่า นายโสภณ กล่าวชี้แจงว่า จริงๆแล้วเป็นการตั้งค่าเช่าตั้งแต่การเช่าวันแรกจนถึงวันสุดท้าย ระยะเวลา 10 ปี หรือวันที่1 ถึงวันสุดท้ายของปีที่ 10 ของการเช่ามาหารเฉลี่ยโดยหลักเกณฑ์การจ้างกิโลเมตรละ 7 บาท แต่ทาง ครม.ให้กลับไปดู คำถามที่กระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณสอบถามถึงเรตราคา (อัตราค่าเช่า) ซึ่งเราใช้หลักเกณฑ์ที่ ขสมก.ว่าจ้างเรตราคา (อัตราค่าเช่า) ปัจจุบันนี้ และทางสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ก็ตรวจสอบอยู่ ผลการศึกษาในส่วนของสถาบันพระปกเกล้าและสถาบันที่ทางกระทรวงคมนาคมว่าจ้างให้ศึกษานั้นถ้ายืนตัวเลขตรงกัน 7บาทกว่าๆ แต่ทางครม.ขอ 3 เรื่องคือ ค่าบำรุง PSO (รวมอัตราค่าเช่าและค่าซ่อม) ไม่มีการสำรองรถ และ ครม.มีข้อเสนอว่า ถ้าวิ่งรถ 4 แสนกิโลเมตร ต้องเปลี่ยนเครื่องใหม่ ในระยะเวลา 5 ปี โดยขอให้ใช้เครื่องยนต์มือสอง ซึ่งทางกระทรวงคมนาคมชี้แจงไปแล้วว่า ไม่สามารถกำหนดสเปกได้ ทางครม.จึงเห็นชอบให้เปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ ส่วนที่2 คือ ล้อยาง โดยใช้ล้อยางมือสองหล่อดอก ฉะนั้น ตัวเลขจึงขึ้น ตัวเลขใหม่
นายโสภณ กล่าวชี้แจงอีกว่า สาเหตุที่ต้องมีตัวเลขค่าซ่อมตั้งแต่วันแรกที่เช่า ขอบอกว่า ต้องเข้าใจว่า รถที่วิ่งต้องวิ่งให้เป็นรถเก่าให้ได้ภายใน 10 ปี และต้องวิ่งตามสเปก แอร์ต้องเย็น เป็นการเฉลี่ยค่าซ่อม เหมือนซ่อมเครื่องบิน เพราะเช่าตามเสปก ตามมาตรฐานของกรมการขนส่งทางบก อย่าว่าเลย รถใหม่ 1,500 กิโลเมตรแรกต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ต่อไปจึงเปลี่ยนตาราง ยืนตามผลการศึกษาเท่านั้นซึ่งต่อไปจะเปลี่ยนอย่างไรนั้นก็ต้องเปลี่ยนตามความเหมาะสม รวมทั้งค่าทำความสะอาดรถ เรามีหน้าที่เอาคนขับ ขับรถไปหาตังค์ เขาทำความสะอาดตามสเปกรถหมด ตนเชื่อว่า ถ้าอธิบายอย่างนี้ทางครม.จะรับฟัง
เมื่อถามว่า ยืนยันว่าสิ่งที่พยายามนำเข้า ครม. มีการประเมินหรือไม่ว่าทำไมต้องต่อต้านตลอด นายโสภณ กล่าวว่า ถ้าโครงการนี้ไม่ประสบความสำเร็จด้วยการตอบปัญหาไม่เคลียร์ตนก็พร้อมจะไปแก้ไขปรับปรุง แต่ถ้าไม่สำเร็จเพราะพิจารณาตามความกระแส เป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก เป็นเรื่องที่ตนรับไม่ได้ การขยายบีโออาร์ถึง 10 ครั้ง เริ่มตั้งแต่การตั้งธงรถที่นำเข้าจากต่างประเทศ จนกระทั่ง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯบอกว่าให้ใช้รถที่ผลิตภายในประเทศเพื่อลดภาษี ก็มีการลดราคาตามลำดับ
“เข้าใจว่า คนส่วนหนึ่งตั้งใจมองแล้ว ผมไม่รู้จะพูดอย่างไร ถ้าพูดไปก็โกรธกัน คือ คนเสนอไม่หล่อไม่ดัง คนบุรีรัมย์มันไม่ดัง ถ้าพิจารณาแล้วไม่ผ่านผมก็ต้องกลับมาถามรัฐบาลว่าจะเอาอย่างไรกับ ขสมก.จะปล่อยให้ตามมีตามเกิดให้วิ่งตามยถากรรม ให้คนกรุงเทพฯขึ้นรถตามยถากรรมหรือไม่ ขาดทุนปีละ 6 พันล้าน เอาภาษีประชาชนไปใช้อย่างนี้แนวโน้มยิ่งจะทวีความรุนแรงในการขาดทุนเรื่อยๆ สภาพรถมันเก่าลงทุกวัน ส่วนที่ถามว่า มองว่า เรื่องที่ยืดเยื้อเป็นเพราะอะไรนั้น ผมไม่อยากพูด ไม่ทราบว่ามีเรื่องของศักดิ์ศรีหรือไม่ ไม่ใช่เป็นการรับงาน ถ้ามองว่าเป็นการเมืองมันผ่านนานแล้ว ผมไม่ต้องถูกปรามาสว่าอย่างนั้นอย่างนี้ วันนี้ที่ราคารถได้ ผมไม่ควรเสียหน้า สิ่งไหนที่เป็นประโยชน์ ขอถามว่า คนที่คัดค้านช่วยเสนอมาหน่อยว่าจะให้ปรับอย่างไรผมจะได้ปรับ แต่ไม่มีการเสนออะไร มีแต่ถามว่า ทำไมต้องซ่อมแพง ซึ่งผมบอกแล้ว ไปดูทุกโครงการตั้งแต่มีขสมก.ค่าซ่อมบำรุงแพงกว่าค่ารถทั้งนั้น 10 ที่ผ่านมา” นายโสภณ กล่าว
เมื่อถามว่า ในอนาคตหากโครงการนี้มีปัญหาพรรคภูมิใจไทยและตัวรัฐมนตรีจะรับผิดชอบอย่างไร นายโสภณ กล่าวว่า ก็จำเป็นๆ ต้องรับผิดชอบเพราะเป็นผู้ผลักดัน แต่จะรับผิดชอบระดับไหนต้องดูความเสียหาย เพราะในอดีตที่บอกว่าทำให้รัฐเสียหาย ป่านนี้หลายคนต้องรับผิดชอบกันหมดแล้ว เพราะทำให้ราชการเสียหาย เหมือนการตั้งร้านขายก๋วยเตี๋ยว คาดว่าคนมากิน 350 คน อาจจะมากินมากหรือมากินเกินนี้ก็ได้ ไม่เช่นนั้นรถเมล์คงไม่ขาดทุนขนาดนี้ เมื่อถามอีกว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่จะชะลอหรือดึงเรื่องออกไปเพื่อลดแรงเสียดทานในการทำงานของรัฐบาลซึ่งอาจจะล้มเพราะเรื่องนี้ได้ นายโสภณ กล่าวว่า ตนไม่มีปัญหา แต่ต้องมีทางออกให้ตน ไม่ใช่ว่าการมาบอกว่า ตั้งโครงการมาโกง หรืออภิมหาโกงร้ายแรง นำรถมาแล้วจอดที่ท่าเรือคลองเตย สังคมคนบ้านตนบุรีรัมย์ จึงบอกว่า เอามาแล้วเป็นพันๆคัน คนก็เชื่อ แต่อย่างที่ถามว่า จะเอาคนที่ไหนมาขึ้นรถเมล์ 5 ล้านคน ขอบอกว่าเรตจริงๆ แค่แสนคนเท่านั้นเอง
เมื่อถามว่า ถ้าเตรียมพร้อมหมดแล้วครม.ไม่อนุมัติ จะถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายโสภณ กล่าวว่า จะถอนตัวทำไม คนเขาอยากเป็นรัฐบาลกันทั้งนั้น ก็ยังทำงานร่วมต่อกันได้อยู่ที่เหตุผล ถ้าไม่ผ่านเพราะเกเรก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ถ้าเป็นอย่างนี้ประเทศก็เดินยาก ไม่มีเหตุผล เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านระบุว่าถ้าผ่านจะอภิปรายแน่ นายโสภณ กล่าวว่า ตนพร้อมถูกอภิปราย วันนี้ทั้งฝ่ายการเมืองทั้งพรรคภูมิใจไทย รับผิดชอบทางการเมืองตนและพรรครับผิดชอบสังคมและระเบียบกฎหมาย ถ้าทำผิดกฎหมายก็รับผิดชอบอยู่แล้ว พร้อมถูกตรวจสอบนานแล้ว
เมื่อถามว่า ตามที่คุยกับนายสุเทพ คุยกันจบแล้วใช่หรือไม่ก่อนที่จะมาให้สัมภาษณ์สื่อ นายโสภณ หัวเราะพร้อมกล่าวว่า คุยกันจบแล้ว ไม่ใช่อย่างนั้น ได้ข้อสรุปแล้ว แต่ตนไม่ทราบว่าจะเข้าครม.ในวันพรุ่งนี้หรือไม่ เพราะอยู่ที่รัฐมนตรีผู้มีอำนาจ ถ้าตนบอกว่าเขาแล้วไม่เข้าก็หน้าแตก เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า รถเมล์จะไม่เบรกแตกในวันพรุ่งนี้ใช่หรือไม่ นายโสภณ กล่าวว่า “รถเมล์เอ็นจีวีเบรกไม่แตก เพราะเปลี่ยนอายุตามการใช้งาน”