ไฟใต้กลับมาลุกโชน ความบังเอิญที่ไม่ธรรมดา !!

ในรอบสัปดาห์สองสามสัปดาห์ที่ผ่านมาหากสังเกตให้ดีจะเห็นว่าสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้หวนกลับมาลุกโชนอีกครั้ง โดยความรุนแรงดังกล่าวได้เพิ่มระดับมากขึ้นเรื่อยๆ

ล่าสุดเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม ที่ผ่านมาคนร้ายได้ลอบก่อเหตุวางระเบิดในเขตเทศบาลนครยะลา อ.เมือง จ.ยะลา ในตอนเช้ามืดเวลาไล่เลี่ยกันถึง 8 จุด ประเมินความเสียหายเบื้องต้นไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท

น่าสนใจก็คือ เป็นการก่อเหตุที่มุ่งเป้าหมายในเมือง และเป็นแหล่งธุรกิจห้างร้านแทบทั้งหมด หรือก่อนหน้านี้ก็ได้มุ่งไปที่แหล่งที่เป็นสาธารณูปโภค เช่น เสาไฟฟ้า เสาโทรศัพท์ เป็นต้น

มุ่งหวังให้กระทบกระเทือนความเป็นอยู่ในวิถีชีวิตประจำวันของพี่น้องประชาชนในพื้นที่เป็นหลัก นอกเหนือจากการ “ไล่ฆ่า” ชาวบ้านและเจ้าหน้าที่หากสบโอกาสซึ่งเกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติรายวันอยู่แล้ว

อย่างไรก็ดี เพื่อให้เข้าใจสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากขึ้น ก็ต้องรายงานให้ทราบถึงสถิติความรุนแรงในรอบสามสี่เดือนที่ผ่านมา ว่ามีแนวโน้มดีขึ้นในระดับหนึ่งโดยเฉพาะในช่วง 1-2 เดือนนี้

ทำให้หลายฝ่ายเริ่มเบาใจมากขึ้นสถานการณ์น่าค่อยๆ เบาลงและน่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ในอนาคตข้างหน้า

ต้องยอมรับว่านับตั้งแต่ รัฐบาลที่นำโดย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เข้ามาบริหารเริ่มมีการปรับยุทธศาสตร์การแก้ปัญหา ใช้ “การเมืองนำการทหาร” มากขึ้น นำยุทธศาสตร์ตามพระราชดำรัส “เข้าใจ-เข้าถึง-พัฒนา” มาใช้อย่างต่อเนื่อง และเข้มข้น

ก่อนหน้านั้น ในช่วงที่เริ่มเป็นรัฐบาลใหม่ๆ ก็ได้มอบอำนาจให้รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง สุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นผู้รับผิดชอบดูแลแบบเบ็ดเสร็จ

ขณะเดียวกันยังได้ดึงเอาหน่วยงานจากกระทรวง ทบวงกรมที่เกี่ยวข้อง ทั้งกลาโหม มหาดไทย ศึกษาธิการ สาธารณสุข เกษตรและสหกรณ์ มาบูรณาการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ ถึงขั้นแต่งตั้ง ถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ดูแล ประสานงานและรับผิดชอบเฉพาะชายแดนใต้โดยตรง

เรียกได้ว่า เป็นรัฐมนตรีภาคใต้เลยก็ว่าได้ ทำให้ต้องปักหลักพักค้างในพื้นที่เพื่อรับรู้ปัญหาแล้วนำมาเสนอแก้ไข ทำให้เกิดความตื่นตัว ขณะที่ชาวบ้านก็เริ่มรู้สึกในทางบวกกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ เริ่มให้ความร่วมมือมากขึ้นเรื่อยๆ

ทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทาง เป็นไปในทางที่ดี !!

แต่จู่ๆ ก็เกิดความรุนแรงขึ้นมาอีก ซึ่งหากพิจารณาจากเหตุการณ์ล่าสุดเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม ในเขตเทศบาลนครยะลา พร้อมกัน 8 จุด สร้างความสั่นสะเทือนขึ้นมาอีกรอบ เพราะมีเจตนาทำให้เห็นว่าศักยภาพของคนร้ายยังคงมีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม เพราะเป็นการลงมือในเขตเมือง ไม่ใช่ลอบเผาตู้โทรศัพท์ริมถนนในป่าในเขา เหมือนกับการลงมือก่อนหน้านี้

อย่างไรก็ดีก็ต้องถามว่ามันเกิดอะไรขึ้น ในเมื่อมีการประเมินกันว่า สถานการณ์ความรุนแรงเริ่มเบาบางลง และยุทธศาสตร์ยุทธวิธีการแก้ปัญหาเดินมาถูกทางแล้ว ซึ่งเชื่อว่าไม่ธรรมดาแน่นอน

ขณะเดียวกันเมื่อมาพิจารณาจากช่วงเวลาก็บังเอิญมาประจวบเหมาะกับช่วงที่ ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2553 กำลังจะเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา และก่อนหน้านั้นไม่นานรัฐบาลก็ได้ปรับลดตัวเลขงบประมาณลงมาจากเดิมที่ตั้งไว้จำนวน 1.9 ล้านล้านบาท ลดลงมาเหลือประมาณ 1.7 ล้านล้านบาท เนื่องจากการจัดเก็บรายได้ไม่เข้าเป้า

ที่สำคัญงบของกระทรวงกลาโหม ทั้งในส่วนของแต่ละเหล่าทัพ โดยเฉพาะงบประมาณด้านความมั่นคง หรือแม้แต่ “งบลับ” ก็ถูกตัดทอนจน “แทบเหี้ยน” หากเทียบกับปีก่อนๆ

แม้ว่าจากคำพูดของ สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯด้านความมั่นคงในฐานะคุมภาคใต้จะเคยเปิดเผยเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคมว่า รัฐบาลจะทุ่มงบลงพัฒนาพื้นที่ชายแดนใต้ในปีหน้า (2553 ) รวมแล้วกว่า 6.8 หมื่นล้านบาท แต่ถ้าโฟกัสลงไปในรายละเอียดแล้วแทบทั้งหมดก็เป็นงบในด้านการพัฒนา การศึกษา และสาธารณสุข มุ่งเน้นความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนเป็นส่วนใหญ่

นอกจากนี้หากย้อนกลับไปพิจารณาถึงท่าทีของนายกรัฐมนตรีก่อนหน้านี้ ยืนยันว่าจะมีการทบทวนการออกพระราชกำหนดสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ หลังจากครม.ต้องต่ออายุทุก 3 เดือนมาหลายครั้ง แต่ทุกอย่างไม่ดีขึ้น

นั่นหมายความว่า ต่อไปนี้จะมีการปรับเปลี่ยนการใช้กฎหมายในควบคุมพื้นที่ ซึ่งอาจจะลดการใช้กำลังทหารลงไปก็เป็นได้

อย่างไรก็ดี ความเคลื่อนไหวดังกล่าวข้างต้นส่วนหนึ่งย่อมเป็นการปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์

ดังนั้นในเมื่อทุกอย่างมีแนวโน้มเริ่มดีขึ้น แต่จู่ๆกลับพลิกผันเป็นตรงกันข้ามแบบนี้ เป็นใครก็ต้องคิดไปต่างๆนานา และช่วยไม่ได้ที่หลายคนเริ่มนึกถึงการ “สร้างสถานการณ์” จากเจ้าหน้าที่ “บางกลุ่ม” ขึ้นมา เพื่อให้คงไว้ซึ่งงบประมาณต่อไป

โดยเฉพาะงบประมาณทางด้านความมั่นคง !!