“พล.ต.จำลอง” ย้ำการตั้งพรรคไม่ใช่เป้าหมายแต่แรกของพันธมิตรฯ แต่เป็นความต้องการของมวลชนที่ผิดหวังกับการเมืองปัจจุบัน เผยเคยผ่านการต่อสู้แบบข้างถนนมาแล้วตั้งแต่หนุ่มจนแก่ ต้องกินนอนข้างถนน คดีติดตัวมากมาย ไม่ใช่เรื่องน่ารื่นรมย์ หากทำการเมืองในสภาได้จะดีที่สุด ชี้ 3 ปัจจัยหนุน พรรคการเมืองใหม่อาจประสบความสำเร็จต่างจาก“พลังธรรม”ในอดีต ยืนยันแกนนำไร้ธง พร้อมทำตามฉันทานุมัติของพี่น้อง
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง กล่าวต่อที่ประชุมสภาพันธมิตรฯ
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวในที่ประชุมสภาพันธมิตรฯ ที่อาคารนันทนาการ มหาวิทยาลัยรังสิต เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. วันที่ 24 พ.ค.ว่า ที่เราชุมนุมกัน 193 วันนั้นเราไม่เคยนึกและไม่เคยคุยกันว่าเราจะตั้งพรรคการเมืองหรือไม่ แต่ต่อมาตอนหลัง เมื่อพวกเราเห็นว่า หลังจากเราประสบผลสำเร็จในการชุมนุม ทั้งการคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 และ ให้รัฐบาลหุ่นเชิดลาออก ก็มีพรรคการเมืองพรรคใหม่เข้ามาเป็นรัฐบาล แต่ก็ยังทำการเมือง เก่า เราจึงคิดกันว่าจะตั้งพรรคขึ้นมาดีหรือไม่ แต่ยืนยันว่า ไม่ใช่เจตนาของเราที่จะตั้งพรรคตั้งแต่แรก
“เราต้องการให้มีการเมืองใหม่ โดยให้พรรคอื่นทำต่างหาก แต่ตอนที่เราไปสหรัฐอเมริกา เสียงกระหึ่มมาก ให้เราตั้งพรรคการเมือง มีพันธมิตรฯ บางคนมาหาตั้งแต่เรายังไม่เข้าที่หัก บอกให้เราตั้งพรรคการเมือง ผมจึงบอกแกนนำไปว่า ให้ถามที่ประชุมในวันรุ่งขึ้นดีไหม ผลก็ออกมาอย่างที่ทราบว่า คนในสหรัฐฯ ส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดเห็นว่าต้องตั้งพรรคขึ้นมาเอง แต่ก็ไม่ถือว่าเป็นข้อยุติ ข้อยุติจะอยู่ที่วันพรุ่งนี้ วันที่ 25 พ.ค.ว่าเราจะตั้งหรือไม่ตั้ง” พล.ต.จำลอง กล่าว
พล.ต.จำลอง ย้ำว่า ถ้าแกนนำพันธมิตรฯ คิดว่าจะตั้งพรรคตั้งแต่ตอนจัดชุมนุม จะต้องประกาศตั้งแต่วันที่ 3 ธ.ค.ที่เรายุติการชุมนุมแล้วว่าจะตั้งพรรค แต่เราไม่ได้ประกาศ เพราะไม่ได้คิดไว้ตั้งแต่ตอนนั้น เราคิดเพียงว่าเมื่อครบ 1 ปีของการเริ่มชุมนุม ในวันที่ 25 พ.ค.เราจะจัดประชุมเพื่อพบปะกับพี่น้องทั่วประเทศเท่านั้น แต่มีเรื่องเกิดขึ้น เมื่อเราทนต่อการเมือเก่าไม่ไหว และจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญอีกครั้ง การประชุมวันที่ 25 พ.ค.เราจึงกำหนดเป็นวัตถุประสงค์เพื่อที่จะสอบถามความเห็นของพี่น้อง 2 ประเด็นคือ 1.เราเห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ ในมาตรา 190 ,237 และ 309 ประเด็นที่ 2.เห็นด้วยหรือไม่ ที่จะมีพรรคการเมืองของพันธมิตร
พล.ต.จำลอง กล่าวต่อว่า เห็นด้วยกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล ที่บอกว่าเราจะเล่นการเมืองข้างถนนอยู่เรื่อยๆ ไปจนตายหรือ และขอเล่าประสบการส่วนตัวว่า เป็นนักการเมืองกลางถนนมาตั้งแต่หนุ่มจนแก่ เมื่อปี 2535 ก็ไปทำการเมืองกลางถนนราชดำเนิน ที่เชิงสะพานผ่านฟ้า เพื่อหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของเผด็จการ ทั้งนี้ เมื่อการเมืองในสภาแก้ไขปัญหาวิกฤติไม่ได้ก็ต้องลงสู่กลางถนน เหมือนที่ตนเคยตั้งพรรคพลังธรรม แต่เมื่อทำงานไม่สำเร็จก็ต้องออกไปสู้กลางถนน ตอนต้นปี 2549 รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะเอาเบียร์เข้าตลาดหลักทรัพย์ ตนต้องออกไปต่อต้านโดยการไปกินนอนกลางถนนวิทยุ 9 วัน 9 คืน ต่อมาเรามีความจำเป็นต้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ลาออก เราก็ออกไปกินนอนกลางถนน 33 วัน 33 คืน ซึ่งการเป็นนักการเมืองกลางถนน ต้องลำบากสารพัด ต้องกินอยู่อย่างคนจรจัด ทั้งที่เราไม่ใช่คนจรจัด แต่สภามันแก้ปัญหาไม่ได้ เราจึงต้องลงไปกลางถนน
พล.ต.จำลอง กล่าวต่อว่า การลงไปชุมนุมกลางถนน ทำให้เราถูกดำเนินคดีมากมายไปหมด แต่เราก็พร้อมที่จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม พร้อมที่จะถูกขังคุก ไม่เคยไปกดดันว่าห้ามจับคนโน้นคนนี้ นี่คือการเป็นนักการเมืองกลางถนน ดังนั้น ถ้าเป็นการเมืองในสภาได้จะดีที่สุด
“ขอยืนว่าแกนนำฯ ไม่มีการชี้นำว่าจะต้องตั้งพรรคให้ได้ ถ้าเสียงส่วนใหญ่เป็นอย่างไร ผมเห็นด้วยเต็มที่ เพราะพันธมิตรเป็นคนกลุ่มใหญ่ที่เป็นคนดี ที่เสียสละเพื่อบ้านเมือง ไม่หวังอะไรจากการที่ตนเองต้องไปเหนื่อยยาก และเป็นผู้มีความรู้ทางการเมืองเป็นอย่างดี”พล.ต.จำลองกล่าว
อย่างไรก็ตาม พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ตนเคยเป็นนักการเมืองในสภาด้วยเช่นกัน จากการเป็นวุฒิสมาชิก เคยตั้งกลุ่มรวมพลัง และตั้งพรรคพลังธรรมส่งคนลงสมัครรับเลือกตั้ง โดยมีสัญญาประชาคมที่แน่ชัดว่า ไม่โกงทั้งต่อหน้าลับหลัง ไม่ซื้อเสียงแจกข้าวของเพื่อแลกคะแนนเสียง ไม่จ้วงจาบหยาบช้า การเลือกตั้งในปี 2535 ครั้งแรกเราได้ 41 คน ปี 2535 ครั้งที่ 2 เราได้ 47 คน มีการวิเคราะห์กันว่า นี่เป็นการใหม่ใฝ่หรือไม่ โดยนักวิชาการชาวอังกฤษได้เขียนหนังสือชื่อ “Jumlong Srimuang and the new Thai politics” หรือ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และการเมืองใหม่ของไทย แต่ที่พรรคพลังธรรมอยู่ไมได้ถึงขณะนี้ สาเหตุเนื่องจาก ในตอนนั้นเรายังไม่มีคนแบบพันธมิตรฯ ไม่มีคนดี คนที่เสียสละเอาจริงเอาจังเพื่อบ้านเมืองเหมือนในปัจจุบัน และเราไม่ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลตั้งแต่ครั้งแรก จึงไม่มีผลงานไปบอกชาวบ้านให้เลือกตั้งเข้ามาอีกได้
พล.ต.จำลองกล่าวต่อว่า วันนี้เมื่อเทียบกับพรรคพลังธรรมเมื่อ 21 ปีที่แล้ว มี 3 เรื่องใหญ่ ที่คิดว่าพรรคการเมืองใหม่มีโอกาสประสบความสำเร็จ คือ 1.มีพันธมิตรฯ ที่มีความรู้ทางการเมืองเป็นล้านๆ คน 2.มีสื่อที่ทรงพลังหนุนช่วยคือ เอเอสทีวี 3.เรามีองค์กรอิสระที่หนุนช่วยให้การเลือกตั้งบริสุทธิ์ยุติธรรม แม้ว่าจะไม่สามารถทำได้ทั้งหมด เช่น กกต.ทำให้คนซื้อเสียงทำได้ยากขึ้น ไม่เหมือนสมัยก่อน ที่เราผูกตัวเราเองมัดแขนขาตัวเองแล้วไปชกกับเขา เขาก็โกงได้โกงเอา นี่คือสาเหตุที่พรรคการเมืองในขณะนั้นเล็กลงๆ แต่วันนี้มีอะไรมาชดเชยอย่างที่บอกแล้ว
“อย่างไรก็ตาม การจะตั้งพรรคการเมืองหรือไม่ อยู่ที่ความพร้อม ถ้าเสียงส่วนใหญ่ของพี่น้องบอกว่าไม่ตั้ง พวกผมก็สบาย ไม่มีงานเพิ่ม แต่ถ้าท่านให้ตั้งพรรค ไม่เห็นใจสนธิ นี่ขนาดยังไม่ตั้งพรรคก็ถูกยิงแล้ว เราก็ถึงคราวต้องลำบากอีก แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะเราประชุมกันแล้วเมื่อวานนี้ ยืนยันว่าเราไม่มีธง เราเป็นประชาธิปไตยโดยตรง เราจะถามพี่น้องก่อนว่า ทำงี้ไหม ทำงั้นไหม พี่น้องว่าไง เราทำตาม”พล.ต.จำลองกล่าว