พันธมิตรฯ เตรียมขอมติที่ประชุมใหญ่ 3 เรื่องพรุ่งนี้ ชี้แนวโน้มตั้งพรรคการเมืองสูง แต่ยังไม่ฟันธงหัวหน้าใครนั่ง หน.พรรค และมาจากคนนอกหรือไม่ ยืนยันบทบาทนอกสภาของพันธมิตรฯ ยังมีอยู่ เพราะการตั้งพรรคไม่ใช่เป้าหมายสำคัญ เป็นเพียงวิธีการต่อสู้แบบใหม่เท่านั้น ขณะเดียวกัน ปัด “ดร.อาทิตย์” เป็นนายทุนตั้งพรรคให้ เชื่อหากตั้งพรรคจะได้ ส.ส.สัดส่วน 10 และส.ส.เขตจากภาคกลาง-กทม.-อีสานเหนือ
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสุริยะใส กตะศิลา กล่าวสรุป ผลการหารือในที่ประชุมสภาพันธมิตรฯ
วันนี้ (24 พ.ค.) เมื่อเวลา 16.00 น. นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวสรุปว่า ผลการหารือในที่ประชุมสภาพันธมิตรฯ ที่จะนำไปขอมติในที่ประชุมใหญ่ทั่วประเทศในวันที่ 25 พ.ค. คือ 1.จะร่วมคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในมาตรา 190 237 และ 309 รวมทั้งมาตราใดๆ ที่กระทบต่อผลประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ 2.จะร่วมกันสืบสานเจตนารมณ์วีรชนเพื่อสร้างการเมืองใหม่ ด้วยการตั้งพรรคการเมืองใหม่ขึ้นมาต่อสู้ไปพร้อมๆ กับการเคลื่อนไหวของพันธมิตรในฐานะการเมืองภาคประชาชน และ 3.จะมอบหมายให้ 5 แกนนำรับเอาเจตนารมณ์ของที่ประชุมพันธมิตรฯ ไปพิจารณาออกแบบและจัดโครงสร้างของพรรคแล้วนำมาขอความเห็นชอบจากพี่น้องพันธมิตรฯ ทั่วประเทศอีกครั้งหนึ่ง
นายสุริยะใสกล่าวด้วยว่า สำหรับร่างคำประกาศพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเดินหน้าสู่การเมืองใหม่นั้น พวกเราพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยตระหนักมั่นดีว่า เส้นทางการต่อสู้เพื่อสร้างชาติและสร้างการเมืองใหม่นั้นเต็มไปด้วยอุปสรรคขัดขวางและแรงต้านมหาศาลจากการเมืองระบบเก่า ความรุนแรงสารพัดรูปแบบที่กระทำต่อพี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นประจักษ์พยานว่าการต่อสู้เพื่อสังคมที่ดีกว่ายังไม่จบหากแต่เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น แม้สถานการณ์จะเปลี่ยนไปแต่เป้าหมายยังไม่บรรลุ ในขณะเดียวกัน ซึ่งพวกเราไม่มีวันลืมกับความสูญเสียที่เกิดขึ้น เราขอประกาศเป็นพันธสัญญาร่วมกันดังนี้ 1.พวกเราจะร่วมกันสานต่อเจตนารมณ์ของวีรชนเพื่อพิทักษ์และปกป้องระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 2.พวกเราจะทำทุกวิถีทางเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนคนดีให้เข้าสู่อำนาจ และร่วมกันขัดขวางคนไม่ดี เพื่อไม่ให้เข้ามามีอำนาจ และ 3.พวกเราจะเป็นความหวังและความจริงของสังคมไทยเพื่อผลักดันการเมืองใหม่
นายสุริยะใสให้สัมภาษณ์ภายหลังอ่านร่างพันธสัญญาว่า ดูแนวโน้มแล้วมีโอกาสที่จะจัดตั้งพรรคสูง แกนนำทุกคนเห็นตรงกันที่จะให้มีการจัดตั้งพรรค ทั้งนี้ไม่อยากจะชี้นำ คงต้องฟังความเห็นประชาชนอีกครั้งหนึ่ง เพราะพันธมิตรฯ ถือเป็นองค์กรที่เคลื่อนไหวในภาคประชาชน แต่สิ่งที่ท้าทายต่อไป คือ การตั้งพรรคการเมือง เพราะการแสวงหาอำนาจของพันธมิตรฯ นั้นต้องเป็นไปเพื่อประชาชน อีกทั้งการตั้งพรรคนั้นคงต้องใช้เวลา ซึ่งอย่างน้อยน่าจะไม่น้อยกว่า 3 เดือนจึงจะได้ข้อสรุป จากนั้นจะมีการเดินสายไปตามจังหวัดต่างๆ เพื่อขอความเห็นกับประชานทุกภาคส่วน อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าบทบาทนอกสภาของพันธมิตรฯ นั้นจะยังมีอยู่ เพราะการตั้งพรรคไม่ใช่เป้าหมายสำคัญ เป็นเพียงวิธีการต่อสู้แบบใหม่เท่านั้น ไม่ใช่ตั้งพรรคแล้วจบหรือชนะ
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีคนนอกมาเป็นหัวหน้าพรรคหรือไม่ นายสุริยะใสกล่าวว่า ยังไม่อยากตั้งธงว่าหัวหน้าพรรคจะเป็นใคร เพราะเรื่องคนไม่สำคัญเท่าที่มา เรื่องทั้งหมดต้องเป็นไปตามกระบวนการ ประชาชนรู้สึกเป็นเจ้าของพรรคอย่างแท้จริง ดังนั้น ต้องค่อยเป็นค่อยไปเพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ ส่วนหัวหน้าพรรคนั้นต้องเป็นคนที่เสียสละ สะอาด ส่วนหากตั้งพรรคแล้วจะมีเรื่องทุนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยนั้น นายสุริยะใสกล่าวว่า ไม่ปฏิเสธที่จะต้องมีเรื่องทุนเข้ามา แต่ต้องเป็นทุนที่สะอาด ไม่มีเงื่อนไขมาแลกเปลี่ยน ไม่มาครอบงำพรรค เพราะไม่อย่างนั้นการเมืองใหม่ก็คงไม่เกิด
เมื่อถามว่า แสดงว่ายังไม่ได้ปิดประตูตายที่แกนนำจะเป็นหัวหน้าพรรค นายสุริยะใสกล่าวว่า ขึ้นอยู่กับความพร้อมของแกนนำ แต่ก็ยังไม่ปิดโอกาส แต่เท่าที่ดูแบบสอบถามนั้นส่วนใหญ่อยากให้นายสนธิเป็นหัวหน้าพรรค สำหรับนายอาทิตย์ อุไรรัตน์ ถือเป็นแคนดิเดตหัวหน้าพรรค และเป็นนายทุนพรรคด้วยหรือไม่ นายสุริยะใสกล่าวว่า เรื่องทั้งหมดเป็นข่าวปล่อย นายอาทิตย์ไม่ใช่นายทุน เพียงแต่ให้ยืมสถานที่เท่านั้น เชื่อว่านายอาทิตย์มีอุดมการณ์เพื่อประชาชน จึงไม่มีความคิดที่จะมาเป็นนายทุนให้พรรคการเมือง ส่วนกรณีที่นายสนธิเคยระบุว่าจะไม่เป็นหัวหน้าพรรคการเมืองนั้น นายสุริยะใสกล่าวว่า ต้องถามนายสนธิเอง ตนตอบแทนไม่ได้ แต่นายสนธิไม่เคยอยากเป็นหัวหน้าพรรค เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของประชาชนดีกว่า
ส่วนการประเมินเก้าอี้ ส.ส.ที่คาดว่าจะได้รับหากตั้งพรรคการเมืองนั้น นายสุริยะใสกล่าวว่า ส.ส.ระบบสัดส่วน น่าจะได้ประมาณ 10 ที่นั่ง ส่วนในระบบเขตเลือกตั้งนั้น น่าจะได้ ส.ส.ใน กทม. ภาคกลาง และภาคอีสานตอนเหนือ