เลขาฯ กกต.เผยนายทะเบียนพรรคการเมือง มีมติไม่รับจดแจ้งจัดตั้งพรรคพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หรือชื่อย่อ พ.ป.ป.ชี้ข้อบังคับหลายข้อผิด พ.ร.บ.พรรคการเมือง ทั้งชื่อพรรคภาษาอังกฤษที่ซ้ำกับพรรคประชาภิวัฒน์ ขณะคนขอจดบางคนเป็นสมาชิกพรรคมหาชน
วันนี้ (21 พ.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต.แถลงว่า กกต.มีมติไม่ให้นายทะเบียนพรรคการเมืองรับจดแจ้งการจัดตั้งพรรคพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พ.ป.ป.) หรือ P.A.D.ที่มี นางภานุมาศ พรมสูตร หัวหน้าพรรคได้ยื่นขอต่อ กกต. ทั้งนี้ เนื่องจากจากการตรวจสอบของฝ่ายวิจัยและพัฒนาระบบบริหารฐานข้อมูลพรรคการเมือง พบว่า นางรุ่งรัตน์ เป็นกระโทก สมาชิกพรรคของผู้ร่วมขอจัดตั้งพรรคฯ มีชื่อปรากฏเป็นสมาชิกพรรคมหาชน และเมื่อพิจารณาชื่อพรรคที่เป็นภาษาอังกฤษและชื่อย่อภาษาอังกฤษก็คล้ายหรือซ้ำกับพรรคประชาภิวัฒน์ ที่ถือว่าขัดกับมาตรา 9 วรรคสอง พ.ร.บ.พรรคการเมือง 50 ที่ห้ามไม่ให้ชื่อพรรคการเมือง ซ้ำ พ้อง หรือมีลักษณะคล้ายคลึงกับชื่อ ชื่อย่อ หรือภาพเครื่องหมายของผู้จดแจ้งการจัดตั้งพรรคการเมืองอื่น หรือของพรรคการเมืองที่ได้จดแจ้งไว้ก่อนตามมาตรา 12 หรือของพรรคการเมืองที่ถูกยุบตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้
นอกจากนี้ ยังตรวจสอบพบว่า ข้อบังคับพรรคพันธมิตรฯ หลายข้อขัดต่อ พ.ร.บ.พรรคการเมือง ประกอบด้วย ข้อบังคับพรรคที่ 28, 29 ที่กำหนดให้การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั่วไปในแต่ละครั้ง คณะกรรมการบริหารพรรคแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการทั่วไป เพื่อทำหน้าที่คัดเลือกสมาชิกพรรคที่เหมาะสมและมีคุณสมบัติถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อส่งเข้าสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบสัดส่วนและแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ขัดมาตรา 28 วรรคสอง (4) พ.ร.บ.พรรคการเมืองที่บัญญัติว่า การดำเนินการเลือกตั้งคณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรคการเมือง คณะกรรมการนโยบายของพรรคการเมือง และคณะกรรมการส่งเสริมความเป็นประชาธิปไตยในพรรคการเมืองให้กระทำโดยที่ประชุมใหญ่ของพรรคการเมือง
ข้อบังคับพรรคข้อ 52 ที่กำหนดว่าในการประชุมสาขาพรรคนั้นมีผู้เข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่า30 คนขึ้นไปยังขัดต่อมาตรา 37 วรรคสอง พ.ร.บ.พรรคการเมือง ที่ระบุว่า องค์ประชุมของที่ประชุมใหญ่สาขาพรรคการเมืองต้องประกอบด้วยกรรมการสาขาพรรคการเมืองอย่างน้อยกึ่งหนึ่ง และสมาชิกสาขาพรรคการเมืองซึ่งต้องมีจำนวนไม่น้อยกว่า 50 คน และข้อบังคับพรรคข้อ 68 ที่กำหนดว่า เมื่อมีการพิจารณาสิ้นสุดลง หัวหน้าพรรคมีอำนาจสั่งการอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ 1.ให้ระงับเรื่องกล่าวหา 2.ยกข้อกล่าวหา 3.ตำหนิสมาชิกผู้ถูกกล่าวหา 4.ภาคทัณฑ์สมาชิกพรรคผู้กล่าวหา ส่วนในกรณีที่หัวหน้าพรรคเห็นว่าควรได้รับการลงโทษโดยการลบชื่อสมาชิกผู้ถูกกล่าวหาออกจากทะเบียน ให้หัวหน้าพรรคเสนอต่อคณะกรรมการบริหารพรรค ถือเป็นอันสิ้นสุดลงขัดกับมาตรา20 (4) พ.ร.บ.พรรคการเมือง ที่กำหนดว่าสมาชิกภาพของสมาชิกสิ้นสุดลง เมื่อพรรคการเมืองมีมติให้ออกตามข้อบังคับพรรคการเมือง เพราะกระทำผิดวินัยหรือจรรยาบรรณอย่างร้ายแรง หรือมีเหตุร้ายแรงอื่น กล่าวคือการลงโทษสมาชิก ผู้ถูกกล่าวหานั้น พรรคการเมืองจึงมีมติให้ออกตามข้อบังคับพรรคการเมือง เพราะกระทำผิดวินัยหรือจรรยาบรรณอย่างร้ายแรง ซึ่งทำให้การเป็นสมาชิกภาพของสมาชิกสิ้นสุดลง ดังนั้น พรรคพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จึงไม่สามารถลบชื่อสมาชิกผู้ถูกกล่าวหาออกจากทะเบียนสมาชิกพรรคการเมืองได้
“ด้วยเหตุผลดังกล่าว ทำให้ที่ประชุม กกต.เห็นว่าการยื่นขอจดจัดตั้งดังกล่าวมีรายการไม่เป็นไปตาม 13 วรรคหนึ่ง (2) จึงเห็นชอบให้นายทะเบียนพรรคการเมืองสั่งไม่รับจดแจ้งการจัดตั้งพรรคพันธมิตรฯ และแจ้งเป็นหนังสือพร้อมทั้งเหตุผลต่อนางภานุมาศ ผู้ยื่นได้ทราบภายใน 30 วัน ซึ่งจะครบกำหนดวันที่ 23 พ.ค.นี้ แต่เนื่องจากเป็นวันหยุดราชการจึงจะแจ้งให้ทราบในวันที่ 25 พ.ค.ที่เป็นวันเปิดทำการ แต่หากนางภานุมาศไม่เห็นด้วยกับคำสั่งดังกล่าวก็สามารถยื่นคำร้องคัดค้านต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้ง” นายสุทธิพล กล่าว
อนึ่ง พรรค พ.ป.ป.ดังกล่าว ไม่ใช่พรรคการเมืองของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่มีบทบาทในการขับไล่ระบอบทักษิณและต่อต้านคอร์รัปชันในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาแต่อย่างใด โดยพันธมิตรฯ จะมีการประชุมเพื่อตัดสินใจตั้งพรรคการเมืองหรือไม่ ในวันที่ 24-25 พ.ค.นี้
วันนี้ (21 พ.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต.แถลงว่า กกต.มีมติไม่ให้นายทะเบียนพรรคการเมืองรับจดแจ้งการจัดตั้งพรรคพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พ.ป.ป.) หรือ P.A.D.ที่มี นางภานุมาศ พรมสูตร หัวหน้าพรรคได้ยื่นขอต่อ กกต. ทั้งนี้ เนื่องจากจากการตรวจสอบของฝ่ายวิจัยและพัฒนาระบบบริหารฐานข้อมูลพรรคการเมือง พบว่า นางรุ่งรัตน์ เป็นกระโทก สมาชิกพรรคของผู้ร่วมขอจัดตั้งพรรคฯ มีชื่อปรากฏเป็นสมาชิกพรรคมหาชน และเมื่อพิจารณาชื่อพรรคที่เป็นภาษาอังกฤษและชื่อย่อภาษาอังกฤษก็คล้ายหรือซ้ำกับพรรคประชาภิวัฒน์ ที่ถือว่าขัดกับมาตรา 9 วรรคสอง พ.ร.บ.พรรคการเมือง 50 ที่ห้ามไม่ให้ชื่อพรรคการเมือง ซ้ำ พ้อง หรือมีลักษณะคล้ายคลึงกับชื่อ ชื่อย่อ หรือภาพเครื่องหมายของผู้จดแจ้งการจัดตั้งพรรคการเมืองอื่น หรือของพรรคการเมืองที่ได้จดแจ้งไว้ก่อนตามมาตรา 12 หรือของพรรคการเมืองที่ถูกยุบตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้
นอกจากนี้ ยังตรวจสอบพบว่า ข้อบังคับพรรคพันธมิตรฯ หลายข้อขัดต่อ พ.ร.บ.พรรคการเมือง ประกอบด้วย ข้อบังคับพรรคที่ 28, 29 ที่กำหนดให้การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั่วไปในแต่ละครั้ง คณะกรรมการบริหารพรรคแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการทั่วไป เพื่อทำหน้าที่คัดเลือกสมาชิกพรรคที่เหมาะสมและมีคุณสมบัติถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อส่งเข้าสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบสัดส่วนและแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ขัดมาตรา 28 วรรคสอง (4) พ.ร.บ.พรรคการเมืองที่บัญญัติว่า การดำเนินการเลือกตั้งคณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรคการเมือง คณะกรรมการนโยบายของพรรคการเมือง และคณะกรรมการส่งเสริมความเป็นประชาธิปไตยในพรรคการเมืองให้กระทำโดยที่ประชุมใหญ่ของพรรคการเมือง
ข้อบังคับพรรคข้อ 52 ที่กำหนดว่าในการประชุมสาขาพรรคนั้นมีผู้เข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่า30 คนขึ้นไปยังขัดต่อมาตรา 37 วรรคสอง พ.ร.บ.พรรคการเมือง ที่ระบุว่า องค์ประชุมของที่ประชุมใหญ่สาขาพรรคการเมืองต้องประกอบด้วยกรรมการสาขาพรรคการเมืองอย่างน้อยกึ่งหนึ่ง และสมาชิกสาขาพรรคการเมืองซึ่งต้องมีจำนวนไม่น้อยกว่า 50 คน และข้อบังคับพรรคข้อ 68 ที่กำหนดว่า เมื่อมีการพิจารณาสิ้นสุดลง หัวหน้าพรรคมีอำนาจสั่งการอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ 1.ให้ระงับเรื่องกล่าวหา 2.ยกข้อกล่าวหา 3.ตำหนิสมาชิกผู้ถูกกล่าวหา 4.ภาคทัณฑ์สมาชิกพรรคผู้กล่าวหา ส่วนในกรณีที่หัวหน้าพรรคเห็นว่าควรได้รับการลงโทษโดยการลบชื่อสมาชิกผู้ถูกกล่าวหาออกจากทะเบียน ให้หัวหน้าพรรคเสนอต่อคณะกรรมการบริหารพรรค ถือเป็นอันสิ้นสุดลงขัดกับมาตรา20 (4) พ.ร.บ.พรรคการเมือง ที่กำหนดว่าสมาชิกภาพของสมาชิกสิ้นสุดลง เมื่อพรรคการเมืองมีมติให้ออกตามข้อบังคับพรรคการเมือง เพราะกระทำผิดวินัยหรือจรรยาบรรณอย่างร้ายแรง หรือมีเหตุร้ายแรงอื่น กล่าวคือการลงโทษสมาชิก ผู้ถูกกล่าวหานั้น พรรคการเมืองจึงมีมติให้ออกตามข้อบังคับพรรคการเมือง เพราะกระทำผิดวินัยหรือจรรยาบรรณอย่างร้ายแรง ซึ่งทำให้การเป็นสมาชิกภาพของสมาชิกสิ้นสุดลง ดังนั้น พรรคพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จึงไม่สามารถลบชื่อสมาชิกผู้ถูกกล่าวหาออกจากทะเบียนสมาชิกพรรคการเมืองได้
“ด้วยเหตุผลดังกล่าว ทำให้ที่ประชุม กกต.เห็นว่าการยื่นขอจดจัดตั้งดังกล่าวมีรายการไม่เป็นไปตาม 13 วรรคหนึ่ง (2) จึงเห็นชอบให้นายทะเบียนพรรคการเมืองสั่งไม่รับจดแจ้งการจัดตั้งพรรคพันธมิตรฯ และแจ้งเป็นหนังสือพร้อมทั้งเหตุผลต่อนางภานุมาศ ผู้ยื่นได้ทราบภายใน 30 วัน ซึ่งจะครบกำหนดวันที่ 23 พ.ค.นี้ แต่เนื่องจากเป็นวันหยุดราชการจึงจะแจ้งให้ทราบในวันที่ 25 พ.ค.ที่เป็นวันเปิดทำการ แต่หากนางภานุมาศไม่เห็นด้วยกับคำสั่งดังกล่าวก็สามารถยื่นคำร้องคัดค้านต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้ง” นายสุทธิพล กล่าว
อนึ่ง พรรค พ.ป.ป.ดังกล่าว ไม่ใช่พรรคการเมืองของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่มีบทบาทในการขับไล่ระบอบทักษิณและต่อต้านคอร์รัปชันในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาแต่อย่างใด โดยพันธมิตรฯ จะมีการประชุมเพื่อตัดสินใจตั้งพรรคการเมืองหรือไม่ ในวันที่ 24-25 พ.ค.นี้