“อภิสิทธิ์” เชื่อเหตุความขัดแย้งในประเทศไม่เกี่ยว 2 อดีตเพื่อนรักผิดใจกันเอง ย้ำต้องสร้างระบบการเมืองที่เข้มแข็ง พร้อมเห็นดีแก้มาตรา 237 ไม่ให้กำหนดยุบพรรค แต่แค่เอาผิดกรรมการบริหารพรรคที่ต้องรับผิดชอบ พร้อมยอมรับ “ประชา” ร่วมรัฐบาล แต่วอนนักการเมืองอย่าฉายภาพแก่งแย่งเก้าอี้ หวั่นประชาชนเสื่อมศรัทธา เชื่อสัมมนาพรรคสุดสัปดาห์นี้หวังคุยลูกพรรคสยมแรงกระเพื่อมภายในได้
วันนี้(21 พ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ข้อเสนอการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคประชาธิปัตย์ที่เสนอให้คณะกรรมการสมานฉันท์ฯถือเป็นจุดยืนที่ลงตัวของพรรคประชาธิปัตย์ใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้พรรคมีคณะทำงานเป็นพื้นฐานอยู่แล้วเมื่อมอบหมายกรรมการของพรรคเข้าไปเขาก็ทำแนวทาง ซึ่งสอดคล้องกับที่เคยมีการศึกษามาตั้งแต่ตอนร่างรัฐธรรมนูญมาจนถึงตอนที่มีความคิดหรือมีกระแสข่าวว่าจะมีการแก้ไข ก็ใช้ตัวนั้นอ้างอิงเป็นหลักอยู่แล้ว ส่วน มาตรา 327 ในเรื่องการยุบพรรคนั้น พรรคแยกระหว่างการลงโทษพรรคกับการลงโทษกรรมการบริหาร เราถือว่าพรรคเป็นองค์กรที่เป็นของสมาชิกทุกคน ซึ่งการไปยุบพรรคแล้วกระทบกับสมาชิกดูไม่เป็นธรรมกับสมาชิก แต่กรรมการบริหารเป็นผู้ที่รับผิดชอบการบริหารพรรค หากพรรคจะทำอะไรที่ผิดต้องรับผิดชอบ แต่ไม่ควรกระเทือนไปถึงสมาชิก
เมื่อถามว่า แสดงว่าต่อไปนี้จะไม่มีการยุบพรรคเกิดขึ้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราก็เห็นว่า จริงๆ การยุบพรรคไม่เป็นธรรมกับสมาชิก แต่กรรมการบริหารพรรคในฐานะผู้บริหารพรรคควรจะถูกลงโทษ ฉะนั้นเป็นเรื่องการแยกระหว่างองค์กร พรรคการเมือง ซึ่งเป็นองค์กรหรือสถาบันในระบอบประชาธิปไตยออกจากบุคคล ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการในนามของพรรค เราจึงเห็นว่า บุคคลควรจะถูกลงโทษ แต่สมาชิกควรจะรักษาองค์กรของเขาได้
เมื่อถามว่ามีความเห็นอย่างไรกับกรณีที่คณะอนุกรรมการสมานฉันท์ เสนอแนะให้คู่ขัดแย้งมาเจรจากันทางลับ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่า หมายถึงใคร เจรจาในเรื่องอะไร เห็นแต่ข่าวเฉยๆว่า เสนอให้แกนนำคู่ขัดแย้งเจรจากัน แต่ตนไม่ทราบว่าหมายถึงอะไร เมื่อถามว่า คิดว่าแกนนำคู่ขัดแย้ง ที่ควรจะมีการหารือกันควรจะเป็นใคร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้คิดว่า ปัญหาของประเทศขณะนี้เป็นปัญหาที่เป็นความขัดแย้งส่วนตัวของใคร ตนมองว่า แนวทางแก้ไขขณะนี้คือ การสร้างระบบที่เป็นธรรมและเป็นที่ยอมรับมากกว่า ทั้งนี้ตนไม่แน่ใจว่าผู้เสนอเขาคิดว่า คู่ขัดแย้งที่ว่านี้ คือใคร และจะให้เจราจาเรื่องอะไร แต่ถ้าถามทัศนะตนก็บอกว่า การแก้ไขปัญหาขณะนี้เป็นเรื่องการสร้างระบบ ให้เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายมากกว่า
เมื่อถามว่า กรณีที่นาย ชุมพล ศิลปะอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนาเสนอว่า คู่ขัดแย้งคือ ผู้ที่เคยทำธุรกิจด้วยกันเคยเป็นเพื่อนกันมาก่อน แต่มาแตกแยกกัน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คิดว่าความขัดแย้งที่มีในสังคมขณะนี้ และมีคนจำนวนมากที่เคลื่อนไหวหรือมีการแสดงความคิดเห็น คงจะเป็นประเด็นที่สำคัญและกว้างไปกว่าประเด็นความขัดแย้งส่วนตัวดูที่มาของความขัดแย้งขณะนี้
เมื่อถามว่า ความขัดแย้งภายในพรรคประชาธิปัตย์ที่มีการเคลื่อนไหวของกลุ่มส.ส. ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า วานนี้ ส.ส. ก็ได้แถลงข่าวไปแล้ว ซึ่งใน ศุกร์-เสาร์ –อาทิตย์นี้พรรคได้จัดกิจกรรมส.ส. คงมีการพูดคุยกัน แต่บรรยากาศการประชุมส.ส. ครั้งสุดท้ายก็เรียบร้อยดี เป็นไปตามปกติ เมื่อถามถึงกรณีที่มีข่าวว่า หากไม่ปรับครม.ในส่วนของพรรคอาจจะมีส.ส.ย้ายพรรคจริงเท็จอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่เคยได้ยิน
เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่า หากไม่มีการปรับครม. ในการเลือกตั้งครั้งหน้าคนในพรรคประชาธิปัตย์จะย้ายไปอยู่พรรคภูมิใจไทย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เลือกตั้งทุกครั้งก็มีย้ายพรรค เมื่อถามว่าจะเดินทางไปร่วมสัมมนาพรรควันไหน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไปวันศุกร์ กลับวันเสาร์
เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่า จะมีการปรับครม.เป็นสัญญาใจจะมีการปรับครม.ในพรรคประชาธิปัตย์ กับนายกฯและทางสมาชิกบางคน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรามีการประเมินและจะให้โอกาสคน แต่ว่าขณะนี้การทำงานเดินไปข้างหน้า ยังไม่ใช้ประเด็นที่เป็นเรื่องที่จะมาหยิบยกเป็นปัญหาในทางการเมืองหรือทางใด
เมื่อถามว่า มองปรากฎการณ์ของ 40 ส.ส.ในพรรคและพูดถึงการย้ายพรรคส่อให้เห็นถึงความแตกแยกชัดเจนอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ได้คิดอย่างนั้น กับผู้บริหารพรรคและในภาพรวมกับสมาชิกพรรคหลายๆท่านก็ไม่มีปัญหาอะไร ส่วนสัญญาณชัดหรือไม่นั้นเวลาเลือกตั้งก็มีการย้ายพรรคเป็นปกติ โดยปกติประชาธิปัตย์จะไม่เยอะทั้งเข้า-ออก
เมื่อถามว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรในการดึงตัว 12 ส.ส.พรรคเพื่อแผ่นดินเข้ามาร่วมรัฐบาลเพื่อสร้างเสถียรภาพให้กับรัฐบาล ความเป็นไปได้มีมากน้อยแค่ไหน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าที่ผ่านมามีส.ส.เพื่อแผ่นดินตอนแรกที่ลงคะแนนสนับสนุน แต่ไม่ได้สนับสนุนตนเอง แต่ในบางวาระก็มาลงคะแนนสนับสนุนตนก็มีอยู่จำนวนหนึ่ง เมื่อถามว่า ทางกลุ่ม 12 เพื่อแผ่นดินขอให้พิจารณาโควต้าให้กับกลุ่มไม่เช่นนั้นจะมีผลต่อการโหวตพิจารณาเรื่องงบประมาณประจำปี นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เวลานี้ไม่ได้มีโควตาอะไร ถ้าตามโควตาพรรคประชาธิปัตย์เยอะกว่านี้เยอะ
เมื่อถามว่า อนาคตเป็นไปได้หรือไม่ที่จะร่วมงานกับพล.ต.อ. ประชา พรหมนอก ที่เคยแข่งชิงตำแหน่งนายกฯ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า โดยส่วนตัวไม่มีปัญหาความจริงท่านเองก็พูดคุยกับตนมาเป็นระยะก่อนหน้านี้ในเรื่องความร่วมมือการทำงานต่างๆ เมื่อถามอีกว่า หาก พล.ต.อ.ประชา เข้ามาจะได้ตำแหน่งอะไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่เคยมีการพูดเรื่องตำแหน่งเลย เมื่อถามว่า ปัญหาเรื่องการปรับครม. ควรจะจบหรือไม่ เพราะมีเพียงพรรคภูมิใจไทยเพียงตำแหน่งเดียวก่อนจะลุกลามไปพรรคอื่นๆ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงไม่มีเรื่องไหนลุกลาม แต่ละพรรคมีประเด็นที่เขาต้องไปพิจารณาของเขาเอง ถ้าพรรคภูมิใจไทยมีปัญหา พรรคภูมิใจไทยก็ต้องไปหาข้อยุติในส่วนของเขาไม่ไปเกี่ยวข้องกับพรรคอื่น อย่างไรก็ตามการที่ออกมาพูดกันในตอนนี้เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองเป็นเรื่องปกติ แต่เราต้องยึดประโยชน์ของงานเป็นหลักให้เดินไปได้ด้วยความราบรื่น เมื่อถามว่า สิ่งที่เกิดขึ้นจะทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธาต่อรัฐบาลหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อยากให้นักการเมืองตระหนักตรงนี้ทุกครั้งที่มีข่าวนี้มาก็ไม่ได้เป็นผลบวกกับการเมืองโดยตรง
เมื่อถามว่า รู้สึกอย่างไรที่พรรคพันธมิตรฯจะเปิดตัวออกมา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็เป็นสิทธิของเขา ตนได้ย้ำมาตลอดว่า การแข่งขันทางการเมืองคือหัวใจของระบอบประชาธิปไตย ถ้ามีใครอยากจะเคลื่อนไหวตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาถือเป็นสิทธิ์ที่ดี ตนไม่ตอบโต้กับใครทั้งนั้น แต่ทางพรรคคงต้องชี้แจงไป
ต่อมานายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์กรณีพรรรคภูมิใจไทย มีมติปรับปลดนายชาติชาย พุคยาภรณ์ ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยระบุว่าตนไม่ได้เข้าร่วมการประชุมด้วยจึงไม่ทราบ ส่วนกรณีที่นายสุรสิทธิ์ ตรีทอง ส.ส. สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ไปร่วมประชุมกับพรรคภูมิใจไทยในวันนี้นั้น ตนไม่ทราบ แต่เชื่อว่าคงเป็นแค่การไปสังเกตการณ์
