xs
xsm
sm
md
lg

ดับฝันคนประชาธิปัตย์ “มาร์ค-เทือก”สยบคลื่นใต้น้ำ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

การบอกปัดแบบปิดเกมเร็วในเรื่องไม่ปรับคณะรัฐมนตรีในเวลานี้ เฉพาะในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ด้วยท่าทีอันหนักแน่นของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้จัดการรัฐบาล
ย่อมสร้างความผิดหวังให้กับคนจำนวนมากในพรรคประชาธิปัตย์
หลังจากเป็นฝ่ายค้านมานานในยุคทักษิณครองเมือง แถมในอนาคตสถานการณ์การเมืองก็ไม่แน่นอน เพราะหากมีการเลือกตั้งใหม่แล้วประชาธิปัตย์จะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ เร่งให้ทุกคนในปชป.ต้องการให้โอกาสมาถึงตัวเองเร็วที่สุดในการจะได้เป็นเสนาบดีสักครั้งในชีวิต เพื่อเป็นเกียรติแก่ตนเอง และวงศ์ตระกูล
แต่ทางการเมือง ท่าทีแบบรีบตัดไฟเสียแต่ต้นลม เพื่อไม่ให้เรื่องนี้ขยายผลกลายเป็นปัญหาภายในพรรค ก็เป็นการดับฝันของคนประชาธิปัตย์ในคาบนี้
ย่อมมองได้ว่า เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว ที่ “อภิสิทธิ์-สุเทพ” ต้องทำเช่นนี้ เพราะแค่ยังไม่ทันจะขยับ ไม่มีแนวคิดใดๆในเรื่องนี้ ประชาธิปัตย์ก็ฝุ่นตลบไปด้วย “นักวิ่ง” จำนวนมาก
อันไม่เป็นผลดีอย่างยิ่งกับรัฐบาล ที่จะต้องมาเจอกับข่าวการแย่งชิงเก้าอี้รัฐมนตรี การทวงเก้าอี้รัฐมนตรีในลักษณะต่างตอบแทนให้กับนายทุนกลุ่ม ถุงเงิน กลุ่มก๊วนในพรรคร่วมรัฐบาล โดยมีภูมิใจไทย เปิดฉากการรุมทึ้งเก้าอี้รัฐมนตรี ที่มันจะทำให้ภาพลักษณ์ของรัฐบาลติดลบ
อย่างไรก็ตาม เสียงเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีดังขึ้นทุกขณะ เพราะการบริหารประเทศของรัฐบาลสะท้อนว่ามีปัญหาในตัวรัฐมนตรีหลายคน ที่ความรู้ความสามารถสอบไม่ผ่าน ทั้งมีพฤติกรรมไม่น่าไว้ใจในเรื่องผลประโยชน์ในซีกของรัฐมนตรีด้านความมั่นคง และเศรษฐกิจ
แม้คะแนนนิยมในตัวอภิสิทธิ์ จะถือว่าผ่านฉลุยโดยเฉพาะเรื่องสภาวะผู้นำ แต่ในด้านผลงานและการยอมรับในการแก้ปัญหาประเทศ ยังมีปัญหา
โดยเฉพาะ 3 ปัญหาใหญ่ คือ 1.ปัญหาเศรษฐกิจ 2.ความแตกแยกของคนในชาติ ที่อภิสิทธิ์ เคยประกาศให้เป็นวาระแห่งชาติในการทำให้คนไทยหันหน้ากลับมาปรองดองเหมือนเดิม และ 3. ปัญหาความมั่นคงเช่นสถานการณ์ภาคใต้ยังไม่น่าไว้วางใจ
หากให้คะแนนกันอย่างตรงไปตรงมา คำตอบของประเทศยามนี้ก็คือ รัฐบาลอภิสิทธิ์ ยังสอบไม่ผ่านในการแก้ปัญหาทั้ง 3 ข้อนี้
ยิ่งกับเรื่องวิกฤตเศรษฐกิจแล้ว บอกได้เลยว่า ประชาชนผิดหวัง ที่ร้ายแรงกว่านั้นคือ ยังไม่เห็นความหวังใดๆ กับฝีมือการแก้ปัญหาของรัฐบาล!
แล้วถ้ายังเป็นแบบนี้ หากอภิสิทธิ์ปล่อยให้เกิดมหกรรม “รุมทึ้งเก้าอี้รัฐมนตรี” ยืดเยื้อออกไปก็ยิ่งจะสร้างความเบื่อหน่ายรำคาญมากขึ้น ส่งผลต่อความนิยมแก่รัฐบาล พาลไปถึงตัวนายกฯอภิสิทธิ์ จะหมดมนต์ขลังไปด้วย
สู้ทำให้เกมแย่งเก้าอี้ ครม.จบได้โดยเร็วที่สุดดีกว่า
แต่อภิสิทธิ์คงทำมากกว่านั้น เชื่อว่าเขาจะต้องไม่ให้มีภาพในเรื่องการแย่งเก้าอี้รัฐมนตรี ฝุ่นตลบในพรรคร่วมรัฐบาลเกิดขึ้นเลยแม้แต่ฉากเดียวเสียด้วยซ้ำ
เพื่อไม่ให้ต้องมาเสียเวลากับการ “บริหารการเมือง” จนไม่มีเวลาไปบริหารประเทศ
จึงคาดเดาได้ว่า หากมีการปรับครม.จริง อย่างเร็วก็คงเกิดขึ้นหลังปิดสภาสมัยวิสามัญ ที่ให้ความเห็นชอบพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2553 และอาจพ่วงด้วย พ.ร.ก.กู้เงิน 4 แสนล้าน ที่คาดว่าศาลรธน. คงพิจารณาแล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนนี้อย่างช้าที่สุด
เพราะหากปรับตอนนั้น แล้วมีคนพอใจ หรือไม่พอใจ อันเป็นเรื่องปกติที่ต้องตามมาของกลุ่มการเมืองหรือ ส.ส.ในรัฐบาลที่ต้องมีผิดหวัง-สมหวัง แต่อย่างน้อยเมื่อไม่อยู่ในช่วงการเปิดสมัยประชุมสภาฯ มันก็ลดปัจจัยเสี่ยงในเรื่องเสียงไม่พอใจในพรรคร่วมรัฐบาล ที่จะแสดงออกในห้องประชุมสภาฯ โดยเฉพาะการลงมติของส.ส.ซีกรัฐบาลออกไปได้
สำคัญก็แต่ว่า “อภิสิทธิ์-สุเทพ” รวมถึงรัฐมนตรีของปชป. ที่ตกเป็นเป้าเสียดสีและแรงเสียดทานจากคนในพรรคว่า
ได้ดีเพราะใกล้ชิดกับหัวหน้า-สายตรงเลขาธิการพรรค
จะทนกับแรงเสียดทานจากคนในพรรคเดียวกันได้นานแค่ไหน กับการที่แรงกระเพื่อมภายในพรรคจะต้องเกิดขึ้นอีกหลายครั้ง
ไม่ใช่แค่ในห้องประชุม ส.ส.-กรรมการบริหารพรรค-รัฐมนตรีของพรรค เมื่อ 19 พ.ค.52 ที่ผ่านมา ซึ่งส.ส.ในพรรคปชป.ต่างพากันปิดห้อง ”อัดรัฐมนตรี-สั่งสอนฝ่ายบริหาร” อย่างเผ็ดร้อนว่า
อย่าได้เหลิงกับตำแหน่ง จนหลงลืมส.ส.ในพรรค
พร้อมกับมีคนได้ยินเสียงร้องเพลงคลอออกมาจากหน้าห้องประชุมพรรคว่า
“คนที่ไม่มีตังค์ ทำพังทุกเรื่องก็ได้ เหนื่อยนักทำงานเป็นส.ส.แต่ไม่ได้อะไรเลย อย่าคิดว่าอยู่อย่างนี้แล้วหากถึงเวลาจะไม่ไปกันหมดทั้งพวง”
ดังนั้น เมื่ออภิสิทธิ์ไม่รับลูกการปรับครม.จากภูมิใจไทย ให้ขยายผลมาถึงประชาธิปัตย์ นายกฯ ก็ต้องยื้อเวลาในเรื่องนี้ให้นานที่สุด เพื่อให้ถึงช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการตัดสินใจ มันก็ย่อมต้องทำให้หลายคนในปชป.ผิดหวังเป็นธรรมดา
ยกเว้นแต่มีเหตุแทรกซ้อน ที่อาจเป็นปัจจัยให้โฉมหน้าของรัฐมนตรีในห้องประชุมครม.วันอังคารเปลี่ยนหน้ากันไปบ้าง
นั่นก็คือ ชาติชาย พุคยาภรณ์ รัฐมนตรีข้าวนอกนาของภูมิใจไทย ทนแรงบีบจากคนในพรรคภูมิใจไทยไม่ไหวจึงต้องปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับแกนนำพรรคว่า จะยื่นใบลาออกภายในสิ้นเดือนพ.ค.นี้
หรือแม้แต่ในการประชุมพรรคภูมิใจไทย วันนี้ (21 พ.ค.) หากที่ประชุม ส.ส.กลุ่มเนวิน ชิดชอบ เกิดคิดจะจัดการกับ ชาติชาย เพื่อสั่งสอนไม่ให้เป็นแบบอย่างว่า
อยู่บ้านเขา ต้องรู้จักช่วยกันดูแลบ้าน คบคนในบ้าน และทำให้บ้านใหญ่ขึ้น หรูหราขึ้น เพราะการที่เป็นรัฐมนตรีแล้วจะอ้างว่างานยุ่ง เลยไม่ได้ไปร่วมประชุมพรรค ไม่ไปฟังข้อร้องเรียน หรือฟังปัญหาเดือดร้อนของส.ส.ในพื้นที่ แบบนี้ส.ส.หลายคนยังพอทนได้
แต่ที่แกนนำพรรคและส.ส.หลายคน อดรนทนไม่ได้
ก็คือการเป็นรัฐมนตรีจากภูมิใจไทย กับแค่การสมัครเป็นสมาชิกพรรค ชาติชาย ก็ยังไม่ยอมสมัคร ส่อให้รู้ว่าจะเอาตำแหน่ง แต่ไม่ขอมีพวก
หรือพฤติกรรมของชาติชาย ที่ไม่ให้ราคาพรรค คืองานวันเปิดที่ทำการพรรค ถนนพหลโยธิน ที่ เนวิน ชิดชอบ รับบทออร์แกนไนเซอร์ใหญ่ตลอดทั้งงาน อันเป็นงานใหญ่ระดับแกนนำรัฐบาลมาพร้อมกันทั้งครม. ชาติชาย ก็ยังไม่ยอมมาช่วยจัดงาน มาต้อนรับแขก แถมมางานก็มาแค่ไม่กี่นาที แล้วก็กลับแบบไม่ร่ำลาแกนนำ และผู้ใหญ่ในพรรค
ดอกผลความไม่พอใจทั้งหมดที่มีอยู่ มันย่อมทำให้คนในภูมิใจไทยหลายคนอาจคิดจะใช้โอกาสนี้ จับมือกันในพรรคเพื่อเช็กบิลกับชาติชายเร็วขึ้น เพื่อเอาโควตารัฐมนตรีมาแบ่งสันปันส่วนกันเร็วขึ้น
ถามว่า เรื่องนี้โอกาสเป็นไปได้ไหม แน่นอนว่า ย่อมเป็นไปได้ แต่ทว่าถึงตอนนี้ความไม่พอใจดังกล่าว เริ่มลดน้อยลงเมื่อชาติชาย ปรับท่าทีใหม่
ด้วยการล็อบบี้ และต่อรองกับแกนนำพรรคภูมิใจไทยหลายกลุ่มก๊วน เพื่อให้แบ็กอัพตัวเขาได้อยู่ในตำแหน่งต่อ
ผสมกับเนวิน ชิดชอบ ก็มีท่าทีเปลี่ยนไป ที่เคยไม่พอใจชาติชายอย่างแรง กรณีชาติชายให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ เสมือนกับไม่เคยเห็นเนวินอยู่ในสายตา แต่เมื่อเจอการซื้อเวลาจากชาติชายทุกรูปแบบ ก็มีข่าวว่าท่าทีของ เนวิน เริ่มไม่รุกไล่ชาติชายเหมือนก่อน และเป็นไปได้ที่เนวิน อาจต้องการไว้หน้า นักธุรกิจด้านการศึกษา เจ้าของมหาวิทยาลัยศรีปทุม ด้วยการยืดอายุในเก้าอี้ชาติชาย ให้อยู่นานขึ้น แม้คำตอบสุดท้ายที่พรรคภูมิใจไทยมีให้ไว้กับชาติชายแล้วก็คือ
“ไปแน่”
ดังนั้น ปัจจัยที่จะทำให้เกิดการปรับครม.เร็ว หรือช้า จึงอยู่ที่ภูมิใจไทยเป็นสำคัญ ว่าจะเอาอย่างไรกับตำแหน่ง รมช.เกษตรและสหกรณ์ ของชาติชาย
ท้ายสุดหากจะมีการปรับครม.จริง ก็น่าจะเป็นการปรับเพื่อแก้ปัญหาการเมืองในพรรคร่วมรัฐบาลเป็นสำคัญ โดยที่พรรคร่วมรัฐบาลอื่นแทบจะไม่ขยับตาม
จนกว่าจะผ่านพ้นเดือนมิถุนายน ที่พอจะเห็นเค้าลางโฉมหน้า “มาร์ค3” กันในเวลานั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น