เมื่อเวลา 07.30 น. วานนี้ (20 พ.ค.) ที่พรรคชาติไทยพัฒนา ได้มีพิธีเปิดป้ายที่ทำการพรรคอย่างเป็นทางการ โดยมีการทำบุญทั้งพิธีพราหมณ์ และพิธีสงฆ์ โดยมีนายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย และแกนนำพรรคเข้าร่วมงานอย่างคับ รวมทั้งน.ส.จณิสตา ลิ่วเฉลิมวงศ์ ได้ควงคู่หมั้นมาร่วมงานด้วย
ทั้งนี้ บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีบรรดาแกนนำและตัวแทนจากพรรคร่วมรัฐบาลมาร่วมแสดงความยินดีคับคั่งโดยนายชาติชาย พุคยาภรณ์ รมช.เกษตรฯ ที่กำลังมีปัญหาว่าจะปรับออกจากตำแหน่ง ได้เดินทางมาแสดงความยินดีเป็นคนแรก จากนั้นก็กลับออกไปทันที ต่อมาก็เป็นนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รมว.อุตสาหกรรม และหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน นายพินิจ จารุสมบัติ นายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย และหัวหน้าพรรคภูมใจไทย นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย นางระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รมว.ไอซีที นายเนวิน ชิดชอบ นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง และเลขาธิการพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า ส.ส. หรือแกนนำพรรคเพื่อไทย ไม่ได้มีใครมาร่วมงาน
ก่อนที่จะมีพิธีเปิดป้ายพรรค นายชุมพล ได้กล่าวกับสมาชิกพรรค และแขกที่มาร่วมงานว่า สถานการณ์การเมืองขณะนี้ตกต่ำที่สุด เดินหน้าก็ไม่ได้ ถอยหลังก็ไม่ได้ บ้านเมืองเต็มไปด้วยความแตกแยก นักวิชาการทำตัวเหมือนนักล่าตำแหน่ง จึงรู้สึกผิดหวังมากกับนักวิชาการ ลักษณะเช่นนี้ไม่เป็นคุณกับประเทศชาติ เราในฐานะนักการเมือง จะต้องระมัดระวังเวลาจะเชิญนักวิชาการ เขาจะทำให้เราเฉพาะกิจ เฉพาะคราวเท่านั้น เขาสามารถพลิกวิชาการของเขาได้ เอ็นจีโอก็เช่นเดียวกัน ในเวลานี้ขอให้มีอำนาจ มีตำแหน่งก็พลิกได้หมดเลย รัฐธรรมนูญปี50 เป็นต้นตอ และเป็นฝีมือของนักวิชาการ และเอ็นจีโอ ที่ล่าตำแหน่ง ไม่รวมนักเคียด นักแค้น ที่ผสมโรงเข้ามา ดังนั้นการเมืองของเราในตอนนี้เหมือนสุญญากาศ ผู้คนก็พยายามยืนอยู่ในจุดที่ตัวเองได้เปรียบคนอื่นตลอดเวลา ก็เลยไม่กล้าทำอะไร กลัวโน่น กลัวนี่ ส่วนรัฐบาลก็ประคองตัวไปวันๆ ไม่รู้ว่ารอเหตุการณ์อะไรจะเกิดขึ้น ขณะนี้ประเทศตกอยู่ในวิกฤต 2 อย่าง คือ การปิดสนามบิน และล้มการประชุมอาเซียนซัมมิต ทำให้ประเทศเสียหายมากมาย ความเชื่อถือของต่างประเทศเกือบจะไม่มีแล้ว ซึ่งตนเองก็ไม่รู้จะแก้ปัญหาอย่างไร โดยเฉพาะเรื่องท่องเที่ยว แต่ก็ต้องแก้ปัญหา และฝ่าฟันไปให้ได้
**ย้ำจุดยืนแก้รธน.-นิรโทษ
นายชุมพล กล่าวด้วยว่า วิกฤติการเมืองที่เกิดขึ้นตอนนี้ ต้องแก้ด้วยการเมือง ถ้าไม่แก้ด้วยการเมืองก็ไม่มีทางเดินไปได้ ซึ่งจุดยืนที่พรรคชาติไทยพัฒนา ยืนยันมาตลอดคือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 50 บางมาตรา ที่ไม่เป็นประชาธิปไตย และเป็นไม่ธรรมกับคนที่ไม่ได้ทำผิดก็ต้องแก้ไข และเยียวยา
"การแก้วิกฤติในปัจจุบันต้องเริ่มต้นที่ตัวรัฐธรรมนูญ ใครจะบอกว่าเสื้อแดง เสื้อเหลือง ผสมกันแล้วจะแก้ได้ มันไม่ได้ เพราะวิกฤติที่เป็นพื้นฐานยังมีอยู่ จึงอยากขอร้องว่า เราอย่าไปยืนบนจุดที่ได้เปรียบซึ่งกันและกัน ถ้าเราละทิ้งจุดยืนนี้ได้ ก็สามารถจะแก้วิกฤตได้ เวลานี้เราพยายามยืนอยู่บนจุดที่ได้เปรียบเขาก็เลยไม่อยากจะทำอะไร ถ้าเป็นอย่างนี้บ้านเมืองก็จะวิกฤติไปโดยตลอด เราต้องยอมรับความจริง และแก้ปัญหาให้ตกเสียที"
นายชุมพล กล่าวว่า กระบวนการปรับเปลี่ยนรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะองค์กรอิสระจำเป็นต้องทำ เวลานี้องค์กรอิสระ ไม่เป็นอิสระ เป็นองค์กรขุนนาง ใครจะสมัครเข้าองค์กรนี้ ถ้าเป็นข้าราชการไม่ต้องลาออก เหยียบเรือสองแคม ทำให้ได้เปรียบคนอื่น พอได้แล้วถึงลาออก ฝ่ายตุลาการเวลานี้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมืองมากเกินไป เป็นวงจรที่เข้าไปมีบทบาททุกจุด ความจริงตุลาการควรจะเป็นอิสระ แต่ตอนนี้ยังไม่เป็น การแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไปก็อยากให้แก้ในจุดนี้ และที่สำคัญตนคิดว่า ไม่จำเป็นต้องยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่เอารัฐธรรมนูญปี 40 และปี 50 มาต่อยอดไปลักษณะนี้ จะทำง่ายกว่ายกร่างใหม่
"ตอนนี้ผมรับภาระหนักพอสมควร ถือเป็นน้องใหม่ทางการเมืองในเชิงบริหารจัดการทางการเมือง ยังอ่อนอยู่ ต้องมีคนอุ้ม ในเชิงวิชาการ บริหารระบบราชการพอไปได้ แต่ในทางการเมือง เป็นส.ส.มา 8 สมัยก็มีคนอุ้มผมขึ้นมา ที่ผ่านมานายบรรหารก็มอบให้ดูแลด้านวิชาการ ถ้าเป็นหนังจีน ผมก็เป็นฝ่ายบุ๋น ฝ่ายบู๊ผมยังอ่อนอยู่ ต้องขอเรียนรู้จากอดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย รวมทั้งนายเนวิน อย่าทิ้งผมนะ พยายามสานต่อจุดยืนที่พรรคชาติไทยได้ทำเอาไว้ และผมยังเชื่อมั่นจนถึงขณะนี้ว่า ชื่อพรรคชาติไทย ต้องกลับมาแน่นอนในไม่นานนี้ ความจริงยังไม่อยากทำพิธีเปิดป้ายในวันนี้ อยากให้รอเปิดพรรคชาติไทยในอนาคตมากกว่า" นายชุมพลกล่าว
จากนั้นเวลา11.00 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาร่วมงาน และแสดงความยินดีในการเปิดป้ายพรรคชาติไทยพัฒนา อย่างเป็นทางการ พร้อมทั้งกล่าวขอบคุณ ส.ส และรัฐมนตรีของพรรคชาติไทยพัฒนา ที่ทำงานมุ่งมั่นให้กับบ้านเมืองก้าวพ้นวิกฤตทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมือง "ในทางการเมืองด้วยกันแม้ ว่าถือว่าเป็นคู่แข่งทางการเมือง แต่ขอยืนยันว่า เราจะแข่งขันกันอย่างสร้างสรรค์ แข่งขันกันบนพื้นฐานและจิตวิญญาณของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย และจะทำงานพร้อมๆไปกับความร่วมมือ เพื่อที่จะทำให้เป้าหมายหลักในการทำงานของพรรคการเมืองทั้งหลายอยู่ที่ผลประโยชน์ของประชาชน" นายอภิสิทธิ์กล่าว
**"มาร์ค"จิบกาแฟกับแกนนำพรรค
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังพิธีเปิดป้ายพรรค นายอภิสิทธิ์ ได้เข้าร่วมดื่มกาแฟกับนายบรรหาร นายชุมพล นายชวรัตน์ นายบุญจง นายนิพนธ์ ส่วนนายเนวิน แม้จะมาร่วมพิธีเปิด แต่ไม่ได้เข้าร่วมดื่มกาแฟในครั้งนี้ โดยทันทีที่พิธีเปิดเสร็จสิ้น นายเนวิน ได้รีบเดินทางออกจากพรรค โดยปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์สื่อที่ซักถามถึงการปรับครม. ในส่วนของพรรคภูมิใจไทย
ภายหลังการดื่มกาแฟร่วมกัน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ได้คุยถึงเรื่องการปรับครม. และเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่เป็นการคุยเรื่องทั่วๆไป โดยเรื่องหลักคือ เศรษฐกิจ สินค้าด้านการเกษตร ซึ่งพรรคชาติไทยพัฒนา เป็นห่วงเรื่องการท่องเที่ยว จึงมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน
ทั้งนี้นายบรรหาร ได้บอกว่า เรื่องสินค้าเกษตร ต้องรวดเร็ว และตนได้เรียนให้ทราบว่า ตอนนี้กระทรวงพาณิชย์ ดูแลตัวหลักๆ อยู่ ส่วนเรื่องผลไม้กระทรวงเกษตรฯ ดูแล ส่วนที่เกรงว่านักการเมืองจะเข้ามาหาผลประโยชน์จากสินค้าด้านการเกษตรนั้น เวลานี้กำลังปรับแนวทางอยู่ กรณีที่ผ่านมา มีการรับจำนำในราคาสูง เราก็ค่อยปรับลดลง และแนวที่นักวิชาการเสนอ เช่น ให้มีการเปิดโอกาสให้เกษตรกรไปซื้อประกันราคา ก็เริ่มทำเป็นโครงการนำร่องแล้ว คณะกรรมการข้าวที่ตนเป็นประธาน ก็เริ่มต้นแล้ว ต่อไปเชื่อว่าการบริหารจะเป็นระบบมากขึ้น
เมื่อถามว่าสินค้าเกษตรที่มีจำนวนมากในเวลานี้จะระบายไปขายประเทศเพื่อนบ้านอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ความจริงขณะนี้มีข้อตกลงอยู่เยอะ แต่สินค้าเกษตรที่เข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านขณะนี้ก็มีเยอะโดยเฉพาะที่มีการไปทำสัญญา ซึ่งผลไม้จำนวนมากเวลานี้รัฐมนตรีอยากให้ไปแจกนักท่องเที่ยว ด้วยซ้ำ
ทั้งนี้ บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีบรรดาแกนนำและตัวแทนจากพรรคร่วมรัฐบาลมาร่วมแสดงความยินดีคับคั่งโดยนายชาติชาย พุคยาภรณ์ รมช.เกษตรฯ ที่กำลังมีปัญหาว่าจะปรับออกจากตำแหน่ง ได้เดินทางมาแสดงความยินดีเป็นคนแรก จากนั้นก็กลับออกไปทันที ต่อมาก็เป็นนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รมว.อุตสาหกรรม และหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน นายพินิจ จารุสมบัติ นายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย และหัวหน้าพรรคภูมใจไทย นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย นางระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รมว.ไอซีที นายเนวิน ชิดชอบ นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง และเลขาธิการพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า ส.ส. หรือแกนนำพรรคเพื่อไทย ไม่ได้มีใครมาร่วมงาน
ก่อนที่จะมีพิธีเปิดป้ายพรรค นายชุมพล ได้กล่าวกับสมาชิกพรรค และแขกที่มาร่วมงานว่า สถานการณ์การเมืองขณะนี้ตกต่ำที่สุด เดินหน้าก็ไม่ได้ ถอยหลังก็ไม่ได้ บ้านเมืองเต็มไปด้วยความแตกแยก นักวิชาการทำตัวเหมือนนักล่าตำแหน่ง จึงรู้สึกผิดหวังมากกับนักวิชาการ ลักษณะเช่นนี้ไม่เป็นคุณกับประเทศชาติ เราในฐานะนักการเมือง จะต้องระมัดระวังเวลาจะเชิญนักวิชาการ เขาจะทำให้เราเฉพาะกิจ เฉพาะคราวเท่านั้น เขาสามารถพลิกวิชาการของเขาได้ เอ็นจีโอก็เช่นเดียวกัน ในเวลานี้ขอให้มีอำนาจ มีตำแหน่งก็พลิกได้หมดเลย รัฐธรรมนูญปี50 เป็นต้นตอ และเป็นฝีมือของนักวิชาการ และเอ็นจีโอ ที่ล่าตำแหน่ง ไม่รวมนักเคียด นักแค้น ที่ผสมโรงเข้ามา ดังนั้นการเมืองของเราในตอนนี้เหมือนสุญญากาศ ผู้คนก็พยายามยืนอยู่ในจุดที่ตัวเองได้เปรียบคนอื่นตลอดเวลา ก็เลยไม่กล้าทำอะไร กลัวโน่น กลัวนี่ ส่วนรัฐบาลก็ประคองตัวไปวันๆ ไม่รู้ว่ารอเหตุการณ์อะไรจะเกิดขึ้น ขณะนี้ประเทศตกอยู่ในวิกฤต 2 อย่าง คือ การปิดสนามบิน และล้มการประชุมอาเซียนซัมมิต ทำให้ประเทศเสียหายมากมาย ความเชื่อถือของต่างประเทศเกือบจะไม่มีแล้ว ซึ่งตนเองก็ไม่รู้จะแก้ปัญหาอย่างไร โดยเฉพาะเรื่องท่องเที่ยว แต่ก็ต้องแก้ปัญหา และฝ่าฟันไปให้ได้
**ย้ำจุดยืนแก้รธน.-นิรโทษ
นายชุมพล กล่าวด้วยว่า วิกฤติการเมืองที่เกิดขึ้นตอนนี้ ต้องแก้ด้วยการเมือง ถ้าไม่แก้ด้วยการเมืองก็ไม่มีทางเดินไปได้ ซึ่งจุดยืนที่พรรคชาติไทยพัฒนา ยืนยันมาตลอดคือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 50 บางมาตรา ที่ไม่เป็นประชาธิปไตย และเป็นไม่ธรรมกับคนที่ไม่ได้ทำผิดก็ต้องแก้ไข และเยียวยา
"การแก้วิกฤติในปัจจุบันต้องเริ่มต้นที่ตัวรัฐธรรมนูญ ใครจะบอกว่าเสื้อแดง เสื้อเหลือง ผสมกันแล้วจะแก้ได้ มันไม่ได้ เพราะวิกฤติที่เป็นพื้นฐานยังมีอยู่ จึงอยากขอร้องว่า เราอย่าไปยืนบนจุดที่ได้เปรียบซึ่งกันและกัน ถ้าเราละทิ้งจุดยืนนี้ได้ ก็สามารถจะแก้วิกฤตได้ เวลานี้เราพยายามยืนอยู่บนจุดที่ได้เปรียบเขาก็เลยไม่อยากจะทำอะไร ถ้าเป็นอย่างนี้บ้านเมืองก็จะวิกฤติไปโดยตลอด เราต้องยอมรับความจริง และแก้ปัญหาให้ตกเสียที"
นายชุมพล กล่าวว่า กระบวนการปรับเปลี่ยนรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะองค์กรอิสระจำเป็นต้องทำ เวลานี้องค์กรอิสระ ไม่เป็นอิสระ เป็นองค์กรขุนนาง ใครจะสมัครเข้าองค์กรนี้ ถ้าเป็นข้าราชการไม่ต้องลาออก เหยียบเรือสองแคม ทำให้ได้เปรียบคนอื่น พอได้แล้วถึงลาออก ฝ่ายตุลาการเวลานี้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมืองมากเกินไป เป็นวงจรที่เข้าไปมีบทบาททุกจุด ความจริงตุลาการควรจะเป็นอิสระ แต่ตอนนี้ยังไม่เป็น การแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไปก็อยากให้แก้ในจุดนี้ และที่สำคัญตนคิดว่า ไม่จำเป็นต้องยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่เอารัฐธรรมนูญปี 40 และปี 50 มาต่อยอดไปลักษณะนี้ จะทำง่ายกว่ายกร่างใหม่
"ตอนนี้ผมรับภาระหนักพอสมควร ถือเป็นน้องใหม่ทางการเมืองในเชิงบริหารจัดการทางการเมือง ยังอ่อนอยู่ ต้องมีคนอุ้ม ในเชิงวิชาการ บริหารระบบราชการพอไปได้ แต่ในทางการเมือง เป็นส.ส.มา 8 สมัยก็มีคนอุ้มผมขึ้นมา ที่ผ่านมานายบรรหารก็มอบให้ดูแลด้านวิชาการ ถ้าเป็นหนังจีน ผมก็เป็นฝ่ายบุ๋น ฝ่ายบู๊ผมยังอ่อนอยู่ ต้องขอเรียนรู้จากอดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย รวมทั้งนายเนวิน อย่าทิ้งผมนะ พยายามสานต่อจุดยืนที่พรรคชาติไทยได้ทำเอาไว้ และผมยังเชื่อมั่นจนถึงขณะนี้ว่า ชื่อพรรคชาติไทย ต้องกลับมาแน่นอนในไม่นานนี้ ความจริงยังไม่อยากทำพิธีเปิดป้ายในวันนี้ อยากให้รอเปิดพรรคชาติไทยในอนาคตมากกว่า" นายชุมพลกล่าว
จากนั้นเวลา11.00 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาร่วมงาน และแสดงความยินดีในการเปิดป้ายพรรคชาติไทยพัฒนา อย่างเป็นทางการ พร้อมทั้งกล่าวขอบคุณ ส.ส และรัฐมนตรีของพรรคชาติไทยพัฒนา ที่ทำงานมุ่งมั่นให้กับบ้านเมืองก้าวพ้นวิกฤตทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมือง "ในทางการเมืองด้วยกันแม้ ว่าถือว่าเป็นคู่แข่งทางการเมือง แต่ขอยืนยันว่า เราจะแข่งขันกันอย่างสร้างสรรค์ แข่งขันกันบนพื้นฐานและจิตวิญญาณของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย และจะทำงานพร้อมๆไปกับความร่วมมือ เพื่อที่จะทำให้เป้าหมายหลักในการทำงานของพรรคการเมืองทั้งหลายอยู่ที่ผลประโยชน์ของประชาชน" นายอภิสิทธิ์กล่าว
**"มาร์ค"จิบกาแฟกับแกนนำพรรค
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังพิธีเปิดป้ายพรรค นายอภิสิทธิ์ ได้เข้าร่วมดื่มกาแฟกับนายบรรหาร นายชุมพล นายชวรัตน์ นายบุญจง นายนิพนธ์ ส่วนนายเนวิน แม้จะมาร่วมพิธีเปิด แต่ไม่ได้เข้าร่วมดื่มกาแฟในครั้งนี้ โดยทันทีที่พิธีเปิดเสร็จสิ้น นายเนวิน ได้รีบเดินทางออกจากพรรค โดยปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์สื่อที่ซักถามถึงการปรับครม. ในส่วนของพรรคภูมิใจไทย
ภายหลังการดื่มกาแฟร่วมกัน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ได้คุยถึงเรื่องการปรับครม. และเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่เป็นการคุยเรื่องทั่วๆไป โดยเรื่องหลักคือ เศรษฐกิจ สินค้าด้านการเกษตร ซึ่งพรรคชาติไทยพัฒนา เป็นห่วงเรื่องการท่องเที่ยว จึงมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน
ทั้งนี้นายบรรหาร ได้บอกว่า เรื่องสินค้าเกษตร ต้องรวดเร็ว และตนได้เรียนให้ทราบว่า ตอนนี้กระทรวงพาณิชย์ ดูแลตัวหลักๆ อยู่ ส่วนเรื่องผลไม้กระทรวงเกษตรฯ ดูแล ส่วนที่เกรงว่านักการเมืองจะเข้ามาหาผลประโยชน์จากสินค้าด้านการเกษตรนั้น เวลานี้กำลังปรับแนวทางอยู่ กรณีที่ผ่านมา มีการรับจำนำในราคาสูง เราก็ค่อยปรับลดลง และแนวที่นักวิชาการเสนอ เช่น ให้มีการเปิดโอกาสให้เกษตรกรไปซื้อประกันราคา ก็เริ่มทำเป็นโครงการนำร่องแล้ว คณะกรรมการข้าวที่ตนเป็นประธาน ก็เริ่มต้นแล้ว ต่อไปเชื่อว่าการบริหารจะเป็นระบบมากขึ้น
เมื่อถามว่าสินค้าเกษตรที่มีจำนวนมากในเวลานี้จะระบายไปขายประเทศเพื่อนบ้านอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ความจริงขณะนี้มีข้อตกลงอยู่เยอะ แต่สินค้าเกษตรที่เข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านขณะนี้ก็มีเยอะโดยเฉพาะที่มีการไปทำสัญญา ซึ่งผลไม้จำนวนมากเวลานี้รัฐมนตรีอยากให้ไปแจกนักท่องเที่ยว ด้วยซ้ำ