ที่ประชุมคณะกรรมการสลายม็อบ เชิญ “2 หัวโจกแดงถ่อย” ให้ข้อมูลจนเกิดวิวาทะกับกรรมการฝ่าย ปชป. พูดจาบิดเบือนไปมาไม่ยอมรับก่อเหตุรุนแรง ทั้งอ้างคำพูดปลุกระดมก่อเหตุบนเวทีแค่สีสัน ขณะที่ “ไอ้ตู่” ยังไม่จบ อ้างนายกฯ ไม่ได้อยู่ในรถ บอกมีหลักฐานจะสกรีนภาพให้ดู จน “นพ.วรงค์” ทนไม่ไหวบอกหากนายกฯ อยู่ในรถจะลาออกหรือไม่ แต่ “ไอ้ตู่” หัวหมออ้างจะพนันกับนายกฯ ให้ลาออกเท่านั้น ปัด “พ่อแม้ว” ไม่ได้อยู่เบื้องหลัง แค่แนวร่วมคนหนึ่ง จนเกิดเหตุ “ไอ้ตู่” โต้แย้งกับ “ศิริโชค” อีก ด่าเป็นวอลเปเปอร์นายกฯ เลยเจอสวนกลับบอกรู้ข้อมูลเรื่องรามคำแหง ทำชะงักจ๋อยสนิท ขณะที่ “เจิมมาศ” แนะตั้ง กก.สอบเหตุยิงกันที่นางเลิ้งด้วย
วันนี้ (19 พ.ค.) ที่รัฐสภา มีการประชุมของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการชุมนุมทางการเมือง ที่มีนายสมศักดิ์ บุญทอง เป็นประธาน ได้เชิญนายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ 2 แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ มาให้ข้อมูล โดยขณะที่นายจตุพรกำลังเดินเข้าห้องประชุม เป็นเวลาเดียวกับที่นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการฯ เดินเข้ามาพอดี นายจตุพรหันไปทักว่า “เป็นอย่างไรบ้างครับท่านวอลเปเปอร์ ภาพผนังของนายกฯ” ทำให้นายศิริโชค ก็ทักตอบกลับไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่า “เพิ่งอ่านภาษาอังกฤษออกหรือครับ ว่าวอลเปเปอร์แปลว่าภาพฝาผนัง” แล้วทั้งคู่ก็เดินกอดคอกันเข้าห้องประชุม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการชี้แจงดุเดือดตั้งแต่เริ่มต้น มีการเปิดศึกวิวาทะกันระหว่างแกนนำ นปช.ทั้งสองคน กับ ส.ส.ในฟากพรรคประชาธิปัตย์เป็นระยะ โดยที่นายณัฐวุฒิชี้แจงว่า การชุมนุมขับไล่นายกรัฐมนตรีและอำมาตย์ของกลุ่มเสื้อแดงนั้นเป็นไปตามความเชื่อว่ากลุ่มอำมาตย์อยู่เบื้องหลังขับเคลื่อนกลไกทางการเมืองทำให้การเมืองไทยไม่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง และแม้แต่นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยังเคยพูดเองว่าถ้าไม่มีพันธมิตรฯ ที่เคลื่อนไหวจนเกิดการรัฐประหารพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่มีทางได้เป็นรัฐบาล ทำให้นายศิริโชคถามสวนขึ้นว่า ในเมื่อที่ผ่านมา นปช.เคยโจมตีว่านายสนธิเชื่อไม่ได้ แต่เหตุใดคราวนี้จึงเชื่อ หรือว่าเลือกเชื่อในสิ่งที่ตรงกับความคิดของตัวเอง นายณัฐวุฒิตอบกลับไปว่าการที่คนที่เป็นพวกเดียวกันพูดกันเองย่อมน่าเชื่อถือกว่าคนที่ฝ่ายตรงข้ามกันพูดถึงกัน เช่น ถ้านายจตุพรบอกว่าตนเป็นคนอย่างไร จะทำให้นายศิริโชคเชื่อมากกว่าคนอื่นพูด แต่นายศิริโชคย้อนไปว่า “ผมไม่เชื่อคุณจตุพรอยู่แล้ว ไม่ว่าคุณจะพูดเรื่องไหน” ขณะที่ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ขอให้นายณัฐวุฒินำหลักฐานมาแสดงว่ามี ส.ส.คนไหนถูกทหารบังคับให้ต้องเปลี่ยนขั้วทางการเมือง
จากนั้นนายจตุพรได้ชี้แจงว่าในเหตุการณ์ชุมนุมนั้นมีคนเสื้อแดงที่เป็นทหารปลอมตัวมาสร้างสถานการณ์ ตั้งแต่การล้อมรถถ่ายทอดของสถานีโทรทัศน์ หรือการจัดฉากทุบรถนายกรัฐมนตรี ซึ่งตนยืนยันว่าในวันนั้นนายกรัฐมนตรีไม่อยู่ในรถ โดยได้มีการเปลี่ยนรถก่อนเหมือนที่เคยทำที่ อ.พัทยา รวมทั้งระหว่างเกิดเหตุชุลมุนนั้น รปภ.ยังสามารถเปิดประตูที่นั่งนายกฯ แล้วขว้างของไปตรงที่นั่งนายกฯ ได้อย่างไร ขณะที่ รปภ.บางคนคุยโทรศัพท์ไปพร้อมกับอารักขานายกฯ ซึ่งถือว่าผิดวิสัย
ทั้งนี้ ทางกลุ่ม นปช.จะทำภาพสแกนที่สามารถมองทะลุกระจกด้านหน้ารถเพื่อพิสูจน์ชัดเจนว่านายกฯ ไม่อยู่ในรถ เมื่ออภิปรายถึงตรงนี้ นพ.วรงค์ ท้าทายว่า หากนายกฯ อยู่ในรถ นายจตุพรจะกล้าลาออกหรือไม่ นายจตุพรโต้ทันควันว่า ตนกล้าแน่นอน แต่ถ้านายกฯ ไม่อยู่ในรถ นายอภิสิทธิ์จะกล้าลาออกจาก ส.ส.สัดส่วนอันดับ 1 ของพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ ขณะที่ นพ.วรงค์ แย้งว่า อย่าพาดพิงถึงนายกฯ ซึ่งไม่อยู่ในที่ประชุม ตนขอรับคำท้าเอง แต่นายจตุพรเลี่ยงว่าตนไม่ได้มีเรื่องกับ นพ.วรงค์ แต่กำลังมีปัญหากับนายกฯ ดังนั้นต้องเดิมพันกับนายกฯ เท่านั้น
นอกจากนี้ คณะกรรมการซีกพรรคประชาธิปัตย์ได้ยกคำปราศรัยในเชิงยั่วยุของแกนนำ นปช.บนเวทีปราศรัยตั้งแต่วันที่ 8 เม.ย. อาทิ “ประชาชนมีสิทธิจับอาวุธ ทั้งปืน หรือมีด ทำลายรัฐบาลโจรได้ โดยไม่มีความผิด” หรือ “ให้ผู้ชุมนุมขับรถพุ่งเข้าชนรถของทหารได้เลย เพราะจะมีความผิดแค่กฎหมายจราจรเท่านั้น” โดยระบุว่าคำปราศรัยเหล่านี้เป็นต้นเหตุของปฏิบัติการที่รุนแรงตามมา นายณัฐวุฒิอ้างว่า คำพูดบนเวทีปราศรัยนั้นไม่ใช่จะเป็นคำสั่งที่ให้มวลชนปฏิบัติตามทั้งหมด แต่มันมีทั้งเรื่องจริง ความเห็น และเรื่องที่เป็นสีสัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการประชุมร้อนแรงขึ้นอีกครั้ง เมื่อมีกรรมการซีกรัฐบาล ถามถึงบทบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยนายอาคม เอ่งฉ้วน ส.ส.กระบี่ พรรคประชาธิปัตย์ ได้สอบถามว่าที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ประกาศผ่านวิดีโอลิงก์ว่าการชุมนุมของ นปช.มีใครเป็นผู้สนับสนุนค่าใช้จ่าย และกรณีที่อดีตนายกฯ บอกว่าถ้ามีคนตายจะกลับประเทศมานำมวลชนด้วยตัวเอง หมายความว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้อยู่เบื้องหลังสนับสนุนม็อบหลักใช่หรือไม่ นายณัฐวุฒิตอบว่า ถ้านายอาคมกล่าวเช่นนี้แสดงว่าเหตุการณ์ครั้งนี้มีคนตายใช่หรือไม่ พร้อมทั้งยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเพียงแนวร่วมคนหนึ่งเท่านั้น ส่วนค่าใช้จ่ายนั้นได้รับมาจากการบริจาคของประชาชน ทำให้นายศิริโชคได้ยกคำปราศรัยของนายจตุพร ที่เคยบอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ พร้อมจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายสำหรับเสื้อแดงที่ได้รับบาดเจ็บ เป็นหลักฐานว่า พ.ต.ท.ทักษิณ สนับสนุนเงินทองอยู่หรือไม่ นายจตุพรตอบคำถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนเสื้อแดงที่อยากจะช่วยคนที่ได้รับบาดเจ็บเท่านั้น แต่ไม่ใช่ให้เงินมาใช้ในการจัดการชุมนุม นายศิริโชคไปมุดหัวอยู่ที่ไหน ทำให้นายศิริโชคสวนโพล่งทันทีว่า “จนมุมแล้วบิดไปบิดมา” นายจตุพร โต้ว่า “คุณก็ดีแต่ไปเป็นวอลเปอร์ซะจนเคยตัว” ทำให้นายศิริโชคโต้กลับไปว่า “ผมรู้เรื่องรามคำแหงของคุณนะ” ทำให้นายจตุพรชะงักทันที
อย่างไรก็ตาม นายจตุพรได้ยืนยันว่า ถ้าการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลต่อผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ตนขอเป็นผู้รับผิดชอบตามกฎหมายทุกกรณี
นายณัฐวุฒิชี้แจงอีกว่า จากการสลายการชุมนุมของรัฐบาล ตำรวจ และทหารนั้น โดยเฉพาะที่บริเวณแยกสามเหลี่ยมดินแดงไม่เป็นไปตามหลักสากลในเบื้องต้นที่ต้องมีการเจรจาและต้องฉีดน้ำดับเพลิง แต่กลับไม่มีการดำเนินการตามขั้นตอนจนเป็นเหตุให้มีประชาชนบาดเจ็บและเสียชีวิต ดังนั้น ในส่วนนี้ตนต้องการทราบว่าบุคคลใดที่ต้องรับผิดชอบบ้าง ซึ่งตนมองว่าคนที่ต้องรับผิดชอบคือตัวนายกรัฐมนตรีหยุดผลักภาระให้คนอื่นเสียที คนที่เป็นนายกรัฐมนตรีจะพูดเท็จต่อสังคมได้อย่างไร
ทั้งนี้ นายสมศักดิ์ได้กล่าวว่าประเด็นทั้งหมดที่ผู้มาชี้แจงให้ข้อมูลต่อคณะกรรมการจะมีการตรวจสอบรายละเอียดทั้งหมดเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงอย่างแท้จริง
ด้าน นางเจิมมาศ จึงเลิศศิริ ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเสนอแนะต่อที่ประชุมว่าขอให้ตั้งคณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่มีชาวบ้านย่านตลาดนางเลิ้งถูกยิงเสียชีวิตจำนวน 2 รายด้วย จึงถามว่ากรณีการยิงชาวบ้านดังกล่าวในฐานะแกนนำ นปช.จะมีส่วนในการติดตามอย่างไร
นายจตุพรกล่าวว่า ตนในฐานะแกนนำได้มีการตั้งรางวัลนำจับคดีละ 5 แสนบาท จำนวน 2 คดี เพื่อต้องการทราบข้อเท็จจริงว่าใครกันแน่ที่ลงมือทำ อย่างไรก็ตาม ขอให้รัฐบาลอย่านำประเด็นเรื่องนี้มาใช้ประโยชน์ทางการเมือง