กกต.เปิดยอดเงินภาษีบริจาคพรรคการเมือง จากการเสียภาษีพบพรรคประชาธิปัตย์ ยอดผู้บริจาคให้กว่า 5 หมื่นราย ส่วนพรรคอื่นจิ๊บจ๊อยแค่หลักร้อย หลังประมวลยอดเงินร้อยละห้าได้งบบริจาคเข้าพรรคเกือบ 6 ล้านบาท “เลขาฯ กกต.” เผยรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส. เขต 3 ร้อยเอ็ดแล้ว แต่เหลือเรื่องร้องคัดค้านเพียบ
วันนี้ (19 พ.ค.) นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยว่า ตามที่ พ.ร.บ.พรรคการเมืองกำหนดให้ประชาชนสามารถบริจาคเงินภาษีให้แก่พรรคการเมืองต่างๆ ได้นั้น จากการตรวจสอบพบว่า ช่วงเดือน มี.ค.ที่ผ่านมาซึ่งเป็นช่วงยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ปรากฏว่ามีผู้ยื่นแบบทั้งสิ้น 9,338,260 ราย และจากการรายงานการประมวลผลเบื้องต้น ตรวจสอบแล้ว 7,618,313 ราย คิดเป็น 81.58% ซึ่งมีผู้แสดงเจตนาบริจาคให้พรรคการเมืองที่ดำเนินการอยู่ 61 พรรค ทั้งสิ้น 66,364 ราย และไม่ได้ระบุรหัสพรรคการเมือง หรือรหัสไม่ถูกต้องจำนวน 33 ราย
นายสุทธิพลกล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบพบว่ามีผู้ประสงค์บริจาคให้พรรคประชาธิปัตย์มากที่สุด จำนวน 57,124 ราย ตามมาห่างๆ ด้วยพรรคเพื่อไทย ที่มีผู้ประสงค์บริจาค 7,260 ราย ขณะที่พรรคอื่นๆ กลับมีการบริจาคเป็นเพียงหลักร้อยรายเท่านั้น ไม่เว้นแต่พรรคที่มี ส.ส.ในสภา อย่างพรรคชาติไทยพัฒนาที่มีผู้ประสงค์จะบริจาคเพียง 266 ราย พรรคภูมิใจไทย 100 ราย พรรคเพื่อแผ่นดิน 48 ราย และพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา 39 ราย
นายสุทธิพลระบุว่า ตามกฎหมายกำหนดให้แต่ละคนสามารถบริจาคให้พรรคการเมืองได้รายละ 100 บาท ซึ่งหลังจากที่ตรวจสอบผู้ยื่นภาษีทั้งหมดแล้ว กรมสรรพากรจะจัดส่งยอดเงินบริจาคให้นายทะเบียนพรรคการเมือง เท่ากับจำนวนพรรคการเมืองที่ยังคงดำเนินกิจการในขณะนั้นและรัฐจะสนับสนุนเงินให้อีกร้อยละ 5 ของจำนวนเงินบริจาคที่ได้
รายงานข่าวแจ้งว่า หากคิดด้วยฐานปัจจุบัน บวกกับเงินร้อยละ 5 ที่รัฐบาลจะสมทบ พรรคประชาธิปัตย์จะได้รับเงินทั้งสิ้น 5,998,020 บาท เพื่อไทยได้ 762,300 ชาติไทยพัฒนา 27,930 ภูมิใจไทย 10,500 บาท เพื่อแผ่นดิน 5,040 รวมใจไทยชาติพัฒนา 4,095 บาท
นายสุทธิพลกล่าวว่า ตามที่ กกต.มีโครงการเปิดหลักสูตรพัฒนานักการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง ซึ่งเปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา และจะปิดรับสมัครวันที่ 27 พ.ค.ที่จะถึงนี้ ปรากฏว่าล่าสุดยังไม่มีใครมาสมัครเข้ารับการอบรมแต่อย่างใด มีเพียงนักการเมืองจากพรรคเล็กที่มาขอใบรับสมัครเท่านั้น ซึ่งตามหลักสูตรที่กำหนดนี้ กกต.จะให้ความสำคัญเรื่องจริยธรรมของนักการเมือง การดำเนินคดีกับนักการเมืองที่กระทำความผิดกฎหมายเลือกตั้ง โดยเชื่อว่าหลักสูตรดังกล่าวจะต้องทำควบคู่ไปกับการปฏิรูปการเมือง ไม่ใช่เพียงการมุ่งแก้กฎหมายแต่อย่างเดียว เพราะหากหากต้องการปฏิรูปพัฒนาบุคลากร ซึ่งจะทำให้การเมืองไทยน่าจะพัฒนาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายสุทธิพลกล่าวว่า ในวันนี้ได้ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งให้ นางรัชนี พลซื่อ จากพรรคเพื่อแผ่นดิน เป็น ส.ส.เขต 3 จ.ร้อยเอ็ด เนื่องจากจะครบ 30 วันนับจากวันเลือกตั้งตามที่กฎหมายกำหนดจึงต้องรับรองไปก่อน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังมีเรื่องร้องเรียนนางรัชนีคงค้างอยู่ที่จังหวัดจำนวน 3 เรื่อง และมีอีก 1 เรื่อง ที่อยู่ระหว่างการีพิจารณาของ กกต.กลาง