กกต.เผยชื่อผู้ขอจดพรรค"พันธมิตรฯ" "ภาณุมาศ พรหมสูตร"หัวหน้า "ยงยศ เล็กกลาง"เลขาธิการ ตั้งสำนักงานที่โคราช ไร้ชื่อ"สนธิ"เกี่ยวข้อง คาดใช้เวลาไม่เกิน 30 วัน ตรวจสอบความถูกต้องก่อนตัดสินใจรับจดแจ้งหรือไม่ ระบุไม่จำเป็นว่าจะต้องเกี่ยวข้องกับกลุ่มพันธมิตรฯ หากปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ถูกต้อง ก็พร้อมรับจดแจ้ง
วันนี้ (14 พ.ค) นายกฤช เอื้อวงศ์ ผอ.สำนักกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ กล่าวถึงการยื่นขอจัดตั้งพรรคพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยว่า มีการมายื่นขอจดแจ้งจัดตั้ง เมื่อวันที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยระบุชื่อผู้ยื่นที่ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค ชื่อ นางภาณุมาศ พรหมสูตร และนายยงยศ เล็กกลาง เป็นเลขาธิการพรรค มีที่ทำการอยู่ที่ อ.เมือง จ.นครราชสีมา และใช้อักษรย่อชื่อพรรค “พ.ป.ป.” โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบของนายทะเบียนพรรคการเมือง ซึ่งจะใช้เวลาพิจารณาว่าจะตอบรับหรือไม่ภายใน 30 วันนับจากวันที่ยื่นขอจดแจ้ง
เมื่อถามว่า กกต.จะมีการตรวจสอบว่าผู้ยื่นขอจดจัดตั้งมีความเกี่ยวพันกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่มีนายสนธิ ลิ้มทองกุล เป็นแกนนำหรือไม่ เพราะมีข่าวว่าทางพันธมิตรฯ กำลังจะมีการจัดตั้งพรรคการเมืองเช่นกัน นายกฤชกล่าวว่า การตรวจสอบของนายทะเบียนคงไม่ได้ดูว่าผู้ที่มาขอยื่นจดจัดตั้งมีความเกี่ยวพันกับใคร แต่จะดูว่าบุคคลนั้นมีคุณสมบัติต้องห้ามที่กฎหมายกำหนดไม่ให้เป็นผู้ยื่นจัดตั้งหรือไม่ รวมทั้งดูว่ามีการจัดประชุมใหญ่ เพื่อยื่นก่อตั้งพรรคถูกต้องหรือไม่ ข้อบังคับพรรค และนโยบายของพรรคที่ยื่นนั้นมีส่วนใดขัดต่อข้อกฎหมายหรือไม่ จะไม่มีการตรวจสอบอะไรที่นอกเหนือจากข้อกฎหมายกำหนด
ส่วนการยื่นขอจัดตั้งครั้งนี้เป็นการแย่งชื่อของกลุ่มพันธมิตรฯ หรือไม่ นายกฤชกล่าวว่า เป็นสิทธิ์ของผู้ยื่นจัดตั้ง ถ้าชื่อไม่ซ้ำ พ้องชื่อพรรคการเมืองที่มีอยู่เดิม หรือพรรคที่ถูกยุบไป รวมทั้งไม่ได้ตั้งชื่อที่เข้าข่ายลักษณะต้องห้าม เช่น ชื่อพรรคสังคมนิยม ที่ขัดแย้งกับระบอบการปกครองของไทยก็สามารถยื่นขอจัดตั้งได้ แต่ชื่อของพรรคพันธมิตรฯ นั้น จะเข้าข่ายขัดแย้งการปกครองก่อให้เกิดการแตกแยกหรือไม่ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของนายทะเบียนพรรคการเมืองจะพิจารณา
เมื่อถามว่า นายสนธิสามารถดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาพรรคได้หรือไม่ นายกฤชกล่าวว่า ยังไม่มีข้อเท็จจริงเรื่องนี้ เนื่องจากตำแหน่งที่ปรึกษาพรรคไม่ได้เป็นตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับการยื่นขอจัดตั้งที่กฎหมายให้ต้องตรวจสอบเหมือนกับตำแหน่งกรรมการบริหารพรรค
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการแถลงครั้งนี้ทางสำนักงาน กกต.ปฏิเสธที่จะเปิดเผยรายละเอียด ในเรื่องของภาพสัญลักษณ์ของพรรค โดยอ้างว่าอยู่ในขั้นตอนขอจกแจ้งเท่านั้น ยังไม่ได้อนุญาตให้จัดตั้งพรรคได้ ทั้งนี้ เบื้องต้นเท่าที่เปิดเผยได้พรรคเดังกล่าวได้ใช้ตัวย่อว่า “พ.ป.ป.” แต่ไม่ใช่ “พธม.” ประกอบกับไม่พบว่ามีนโยบายในการสร้างการเมืองใหม่
ขณะที่ นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารการเลือกตั้ง กล่าวถึงการขอจัดตั้งพรรคพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยว่า กกต.ต้องตรวจสอบตามขั้นตอนการจดแจ้งจัดตั้งพรรคการเมือง ที่จะต้องเป็นไปตามกฎหมาย ทั้งในเรื่องการตั้งชื่อ ข้อบังคับพรรค และคุณสมบัติของผู้ขอจัดตั้งพรรค ส่วนตัวเห็นว่าการดีหากกลุ่มการเมืองที่เคลื่อนไหว จะขอจัดตั้งพรรค เพื่อดำเนินการกิจกรรมตามกรอบของกฎหมาย แต่การยื่นขอจัดตั้งพรรคดังกล่าวจะมีเจตนา จดทะเบียนเพื่อขายหัวพรรคหรือไม่ คงต้องรอดูต่อไป
ด้าน นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต.เปิดเผยว่า เบื้องต้นหลังจากที่มีการยื่นขอจัดตั้งพรรค ก็อยู่ในช่วงระหว่างการพิจารณาตามกฎหมาย โดยเฉพาะจะต้องไม่ขัดกับมาตรา 9 พ.ร.บ.พรรคการเมือง ที่ชื่อ ชื่อย่อ ภาพเครื่องหมาย นโยบาย และข้อบังคับพรรค ไม่ก่อให้เกิดความแตกแยกในเรื่องเชื้อชาติ ศาสนา เป็นภัยต่อความมั่งคงของรัฐ ไม่ขัดต่อกฎหมายและการปกครองระบอบประชาธิปไตย รวมทั้งชื่อ นโยบายพรรคจะต้องไม่ซ้ำกับพรรคที่มีอยู่แล้วหรือพรรคที่ถูกยุบไป
วันนี้ (14 พ.ค) นายกฤช เอื้อวงศ์ ผอ.สำนักกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ กล่าวถึงการยื่นขอจัดตั้งพรรคพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยว่า มีการมายื่นขอจดแจ้งจัดตั้ง เมื่อวันที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยระบุชื่อผู้ยื่นที่ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค ชื่อ นางภาณุมาศ พรหมสูตร และนายยงยศ เล็กกลาง เป็นเลขาธิการพรรค มีที่ทำการอยู่ที่ อ.เมือง จ.นครราชสีมา และใช้อักษรย่อชื่อพรรค “พ.ป.ป.” โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบของนายทะเบียนพรรคการเมือง ซึ่งจะใช้เวลาพิจารณาว่าจะตอบรับหรือไม่ภายใน 30 วันนับจากวันที่ยื่นขอจดแจ้ง
เมื่อถามว่า กกต.จะมีการตรวจสอบว่าผู้ยื่นขอจดจัดตั้งมีความเกี่ยวพันกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่มีนายสนธิ ลิ้มทองกุล เป็นแกนนำหรือไม่ เพราะมีข่าวว่าทางพันธมิตรฯ กำลังจะมีการจัดตั้งพรรคการเมืองเช่นกัน นายกฤชกล่าวว่า การตรวจสอบของนายทะเบียนคงไม่ได้ดูว่าผู้ที่มาขอยื่นจดจัดตั้งมีความเกี่ยวพันกับใคร แต่จะดูว่าบุคคลนั้นมีคุณสมบัติต้องห้ามที่กฎหมายกำหนดไม่ให้เป็นผู้ยื่นจัดตั้งหรือไม่ รวมทั้งดูว่ามีการจัดประชุมใหญ่ เพื่อยื่นก่อตั้งพรรคถูกต้องหรือไม่ ข้อบังคับพรรค และนโยบายของพรรคที่ยื่นนั้นมีส่วนใดขัดต่อข้อกฎหมายหรือไม่ จะไม่มีการตรวจสอบอะไรที่นอกเหนือจากข้อกฎหมายกำหนด
ส่วนการยื่นขอจัดตั้งครั้งนี้เป็นการแย่งชื่อของกลุ่มพันธมิตรฯ หรือไม่ นายกฤชกล่าวว่า เป็นสิทธิ์ของผู้ยื่นจัดตั้ง ถ้าชื่อไม่ซ้ำ พ้องชื่อพรรคการเมืองที่มีอยู่เดิม หรือพรรคที่ถูกยุบไป รวมทั้งไม่ได้ตั้งชื่อที่เข้าข่ายลักษณะต้องห้าม เช่น ชื่อพรรคสังคมนิยม ที่ขัดแย้งกับระบอบการปกครองของไทยก็สามารถยื่นขอจัดตั้งได้ แต่ชื่อของพรรคพันธมิตรฯ นั้น จะเข้าข่ายขัดแย้งการปกครองก่อให้เกิดการแตกแยกหรือไม่ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของนายทะเบียนพรรคการเมืองจะพิจารณา
เมื่อถามว่า นายสนธิสามารถดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาพรรคได้หรือไม่ นายกฤชกล่าวว่า ยังไม่มีข้อเท็จจริงเรื่องนี้ เนื่องจากตำแหน่งที่ปรึกษาพรรคไม่ได้เป็นตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับการยื่นขอจัดตั้งที่กฎหมายให้ต้องตรวจสอบเหมือนกับตำแหน่งกรรมการบริหารพรรค
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการแถลงครั้งนี้ทางสำนักงาน กกต.ปฏิเสธที่จะเปิดเผยรายละเอียด ในเรื่องของภาพสัญลักษณ์ของพรรค โดยอ้างว่าอยู่ในขั้นตอนขอจกแจ้งเท่านั้น ยังไม่ได้อนุญาตให้จัดตั้งพรรคได้ ทั้งนี้ เบื้องต้นเท่าที่เปิดเผยได้พรรคเดังกล่าวได้ใช้ตัวย่อว่า “พ.ป.ป.” แต่ไม่ใช่ “พธม.” ประกอบกับไม่พบว่ามีนโยบายในการสร้างการเมืองใหม่
ขณะที่ นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารการเลือกตั้ง กล่าวถึงการขอจัดตั้งพรรคพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยว่า กกต.ต้องตรวจสอบตามขั้นตอนการจดแจ้งจัดตั้งพรรคการเมือง ที่จะต้องเป็นไปตามกฎหมาย ทั้งในเรื่องการตั้งชื่อ ข้อบังคับพรรค และคุณสมบัติของผู้ขอจัดตั้งพรรค ส่วนตัวเห็นว่าการดีหากกลุ่มการเมืองที่เคลื่อนไหว จะขอจัดตั้งพรรค เพื่อดำเนินการกิจกรรมตามกรอบของกฎหมาย แต่การยื่นขอจัดตั้งพรรคดังกล่าวจะมีเจตนา จดทะเบียนเพื่อขายหัวพรรคหรือไม่ คงต้องรอดูต่อไป
ด้าน นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต.เปิดเผยว่า เบื้องต้นหลังจากที่มีการยื่นขอจัดตั้งพรรค ก็อยู่ในช่วงระหว่างการพิจารณาตามกฎหมาย โดยเฉพาะจะต้องไม่ขัดกับมาตรา 9 พ.ร.บ.พรรคการเมือง ที่ชื่อ ชื่อย่อ ภาพเครื่องหมาย นโยบาย และข้อบังคับพรรค ไม่ก่อให้เกิดความแตกแยกในเรื่องเชื้อชาติ ศาสนา เป็นภัยต่อความมั่งคงของรัฐ ไม่ขัดต่อกฎหมายและการปกครองระบอบประชาธิปไตย รวมทั้งชื่อ นโยบายพรรคจะต้องไม่ซ้ำกับพรรคที่มีอยู่แล้วหรือพรรคที่ถูกยุบไป
