xs
xsm
sm
md
lg

“บก.มติชน-พัชรวาท” เจอศาลเตือนตรวจสอบข้อมูลให้ดีก่อนเผยแพร่ นัดฟัง 19 พ.ค.นี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ศาลปกครองสูงสุด นัดฟังคำสั่ง “บก.มติชน-ผบ.ตร.” ละเมิดศาล ตีพิมพ์ถ้อยคำพาดพิงคำสั่งคุ้มครองเอเอสทีวี 19 พ.ค.นี้ ขณะที่ “พัชรวาท” ชี้แจงศาลยอมรับผิด ไม่ได้ศึกษาคำสั่งศาลให้ดีก่อนออกไปพูด พร้อมน้อมรับตามศาลสั่งทุกอย่าง ด้านตุลาการศาลปกครองเตือนมติชน ก่อนเสนอข่าวต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ชัดเจนก่อน คาดโทษจากนี้ไปให้ระมัดระวังทำอีกเจอดีแน่

วันนี้ (13 พ.ค.) ที่ศาลปกครองกลาง ถ.แจ้งวัฒนะ เมื่อเวลา 13.30 น.นายวิชัย ชื่นชมพูนุช ตุลาการศาลปกครองสูงสุด พร้อมองค์คณะ ได้ไต่สวนคดีละเมิดอำนาจศาล หมายเลขดำที่ ล.1/2552 ที่ นายสุวพงษ์ จั่นฝังเพ็ชร บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณาหนังสือพิมพ์มติชน พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นผู้ถูกกล่าวหาที่ 1-2 สืบเนื่องจาก นสพ.มติชนรายวัน ฉบับวันอังคารที่ 21 เม.ย.52 หน้า 2 ตีพิมพ์บทความ “คำแถลง สนง.ตร.แจงเหตุคดีเหลือง-แดง” ทำนองว่า “ดี สเตชั่นถูกจับกุมดำเนินคดีในข้อหาผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ส่วน เอเอสทีวี มีข้อจำกัดไม่สามารถจับกุมดำเนินคดีได้ เนื่องจากได้รับความคุ้มครองตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุด”

โดยก่อนการไต่สวน ศาลชี้แจงว่า การเรียกทั้งสองมาไต่สวน ไม่ได้เกิดจากความโกรธแค้นหรือไม่ และศาลเชื่อโดยสุจริตว่าทั้งสองก็ไม่ได้มีความโกรธแค้นศาลเช่นกัน แต่การเรียกทั้งสองมาในวันนี้ เนื่องจากมีการลงบทความใน นสพ.มติชนรายวัน เมื่อวันที่ 21 เม.ย.2552 ที่มีผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 เป็น บก.นสพ.ซึ่งมีข้อความสื่อไปในทางว่า ศาลปกครองใช้อำนาจมิชอบ ช่วยเหลือเอเอสทีวี จนเจ้าหน้าที่ดำเนินคดีไม่ได้ และยังคงคุ้มครองจนถึงวันที่ลงข่าว ทั้งที่จริงแล้วศาลไม่ได้คุ้มครองเอเอสทีวี จนเจ้าหน้าที่ดำเนินคดีอะไรไม่ได้ แต่เป็นเรื่องสัญญาที่ผู้ให้เช่าบอกเลิกมิชอบ ที่หากมีการยกเลิกสัญญาทันที ผู้เช่าจะได้รับความเดือดร้อน เมื่อมีสัญญาเช่าอยู่ก็ต้องให้ความคุ้มครองและบรรเทาทุกข์ แต่ไม่ได้หมายความว่า เอเอสทีวี จะไปกระทำผิดอะไร ต่อมาเมื่อปี 2551 ศาลมีคำสั่งยกเลิกไปแล้ว ซึ่งเรื่องนี้สื่อมีส่วนทำให้ประชาชนเข้าใจว่า ศาลช่วยเอเอสทีวี บางคนพูดกันว่า เป็นศาลพันธมิตรฯ จึงต้องทำความจริงเรื่องนี้ให้ปรากฏ โดยศาลจะให้คู่กรณีทั้ง 2 คน แถลงข้อเท็จจริงด้วยวาจาและศาลจะการบันทึกภาพและเสียง

ทั้งนี้ ภายหลังเมื่อศาลแจ้งให้คู่กรณีทั้งสอง ทราบเกี่ยวกับวัตถุประสงค์การเรียกมาไต่สวนแล้ว พล.ต.อ.พัชรวาท ผบ.ตร.ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 จึงเข้าชี้แจงระบุว่า ไม่เคยให้สคริปต์คำแถลงกับหนังสือพิมพ์ และที่คณะตำรวจแถลงเหตุการณ์และคดีความต่างๆ นั้นเป็นไปตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีการมอบหมายให้ส่วนราชการที่รับผิดชอบไปดูรายละเอียดและทำคำชี้แจง อย่างไรก็ตามอะไรที่ทำให้ศาลปกครองเสียหาย ตนรู้สึกเสียใจและไม่สบายใจ โดยยืนยันว่าไม่มีเจตนาความคิดที่จะหมิ่นศาล

เมื่อศาลถามว่า มีสคริปต์จริงหรือไม่ พล.ต.อ.พัชรวาท ชี้แจงว่า เป็นคำชี้แจงที่กองต่างๆ อาทิ บช.ภ.1, 2 และ บช.น.จัดทำมา ไม่ใช่สคริปต์ แต่เป็นภาพรวมของการแถลง เมื่อศาลถามว่า ได้อ่านคำสั่งศาลเกี่ยวกับการคุ้มครองเอเอสทีวีหรือไม่ พล.ต.อ.พัชรวาท ผบ.ตร.กล่าวว่า ไม่ได้อ่าน แต่ให้เจ้าหน้าที่เป็นผู้ศึกษารายละเอียด ซึ่งจริงๆ แล้วจะให้ บช.น.แถลงข้อเท็จจริงให้ทราบ แต่เกรงว่า จะกระทบศาลอีก จึงมารอให้การในวันนี้

เมื่อศาลถามว่า ยอมรับหรือไม่ว่าเนื้อหาดังกล่าวทำให้ศาลปกครองเสียหาย พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า อาจเป็นไปตามที่ศาลมีความเห็น

ขณะที่ นายสุวพงษ์ บก.มติชน ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ชี้แจงระบุว่า นสพ.มติชน ปฏิบัติหน้าที่โดยตระหนักถึงการเคารพศาล กระบวนการยุติธรรม โดยนำเสนอข่าวด้วยความระมัดระวังว่า จะเป็นการละเมิดอำนาจศาลมาโดยตลอด เหตุที่เกิดขึ้นผู้สื่อข่าวประจำสำนักงาน ตร.ทราบว่า จะมีการแถลงของ ผบ.ตร.ในคืนวันที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา เมื่อผู้สื่อข่าวได้สคริปต์มา ซึ่งตนพร้อมจะยื่นเป็นหลักฐานต่อศาล ผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบสคริปต์กับคำแถลงของ ผบ.ตร.พบว่า ตรงกัน โดยนอกจาก นสพ.มติชนแล้ว ยังมี สทท.11, นสพ.ไทยรัฐ และเดลินิวส์ เผยแพร่ข้อความดังกล่าวด้วย โดยวันที่แถลงข่าวมี ผบ.ตร.และคณะแถลง ซึ่งมีความน่าเชื่อถือ ซึ่งในวันรุ่งขึ้นยังไม่ทราบข้อเท็จจริงทั้งหมด โดยมาทราบชัดเจนในวันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งฝ่ายประชาสัมพันธ์ ศาลปกครองได้เผยแพร่เอกสารและบทความ ระบุว่า ศาลปกครองไม่ได้คุ้มครองเอเอสทีวีแล้ว ซึ่ง นสพ.มติชน ได้นำเสนอข่าวนี้ทันที เพื่อให้สาธารณชนทราบ

เมื่อศาลถามว่า ทราบหรือไม่ว่า ศาลคุ้มครองเอเอสทีวีเรื่องอะไร นายสุวพงษ์ บก.มติชน ตอบว่า คุ้มครองให้สามารถเผยแพร่ภาพออกอากาศได้ เมื่อศาลถามว่า เป็นการคุ้มครองให้เอเอสทีวีสามารถทำผิดกฎหมายอาญาได้หรือไม่ นายสุวพงษ์ กล่าวว่า ไม่ได้คุ้มครองให้กระทำผิดทางอาญาได้

หลังจากที่ นายสุวพงษ์ บก.มติชน ชี้แจงเสร็จสิ้นแล้ว ศาลได้กล่าวเตือน นายสุวพงษ์ ให้ไปดูและตรวจสอบคำสั่งศาลให้ดีว่า ศาลคุ้มครองเรื่องไม่ให้ตัดสัญญาณ ไม่ได้ให้เอเอสทีวีทำผิดกฎหมายอาญาได้ อย่างไรก็ตาม ศาลไม่ติดใจว่า ทั้ง 2 จะมีเจตนาให้ร้ายศาล แต่การลงบทความดังกล่าวทำให้สาธารณชนเข้าใจว่า เอเอสทีวีเป็นเทวดาทำอะไรก็ได้ไม่ถูกจับ เป็นการทำให้ศาลเสียหายและถูกใส่ร้าย เพราะต่อไปหากจะพูดถึงคำสั่งของศาลคำสั่งไหนต้องระมัดระวังตรวจสอบว่ามีคำสั่งนั้นจริงหรือไม่ ถ้าหากไม่มีจะเป็นการละเมิดอำนาจศาล ซึ่งกรณีนี้ศาลเสียหายและขอให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ไปแก้ข่าว รวมทั้งให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ชี้แจงผู้ใต้บังคับบัญชา ว่า ไม่มีคำสั่งคุ้มครองเอเอสทีวีแล้ว โดยศาลนัดฟังคำสั่งคดีนี้ในวันที่ 19 พ.ค.นี้ เวลา 15.00 น.ชั้น 3 พ้องพิจารณาคดีที่ 12

ทั้งนี้ ภายหลังชี้แจง พล.ต.อ.พัชรวาท ผบ.ตร.กล่าวว่า กรณีดังกล่าวถือเป็นบทเรียนที่ต้องแก้ไขและระมัดระวังต่อไป ซึ่งหากศาลจะมีคำสั่งออกมาเช่นไร ตำรวจก็พร้อมจะน้อมรับ
กำลังโหลดความคิดเห็น