“พงศ์เทพ ศิริพงศ์ติกานนท์” องค์คณะคดียึดทรัพย์ ยืนยันไม่หวั่นไหวต่อข่าวสินบน ยันส่วนตัวไม่มีปัญหาอะไร เพราะตั้งสมาธิให้กับการพิจารณาพิพากษาคดีวันที่ 26 ก.พ.ด้าน เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ระบุชัดการให้ข่าวของ “สำราญ รอดเพชร” คงไม่ใช่การหมิ่นประมาท แต่คงได้ข่าวอะไรบางอย่างมาและด้วยความเป็นห่วงจึงได้นำเรื่องนี้มาพูด พร้อมเปิดกว้างประชาชนร่วมฟังคำพิพากษา ยันไม่มีเลื่อน
วันนี้ (24 ก.พ.) นายพงศ์เทพ ศิริพงศ์ติกานนท์ ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา หนึ่งในองค์คณะคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยน้ำเสียงสบายๆ ว่าตนและองค์คณะคนอื่นๆ ไม่ได้เสียสมาธิหรือหวั่นเกรงอะไร แม้จะมีเรื่องความพยายามเสนอสินบนให้ผู้พิพากษา ซึ่งเป็นเพียงการปล่อยข่าว ขณะเรื่องความปลอดภัยนั้น ศาลฎีกาฯ มีมาตรการดูแลดีอยู่แล้ว
“ที่ผ่านมาองค์คณะฯ ไม่ได้มีการพูดคุยเรื่องความพยายามเสนอสินบน ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่มักจะมีข่าวปล่อยเช่นนี้ช่วงที่จะใกล้การตัดสินองค์คณะไม่ได้สนใจ ส่วนตัวก็ไม่มีปัญหาอะไรเพราะตั้งสมาธิให้กับการพิจารณาพิพากษาคดีวันที่ 26 ก.พ.นี้มากกว่า” นายพงศ์เทพกล่าวตอนท้าย
ด้าน นายวิรัช ชินวินิจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวถึงกรณีที่นายสำราญ รอดเพชร โฆษกพรรคการเมืองใหม่ (ก.ม.ม.) ระบุว่ามีการให้สินบนผู้พิพากษาองค์คณะคดียึดทรัพย์ว่า ข่าวที่ออกมาไม่เหนือความคาดหมายเพราะศาลก็คิดแล้วว่าต้องออกมาในรูปแบบนี้ และไม่ว่าจะเป็นทั้งข่าวการทำร้าย ข่าวระเบิด ทั้งนี้ก็เพื่อกดดันให้ศาลมีความหวั่นไหวซึ่ง พวกเราชินชาแล้ว
ส่วนการออกมาระบุดังกล่าวของนายสำราญคงไม่ใช่การหมิ่นประมาท แต่คงได้ข่าวอะไรบางอย่างมาและด้วยความเป็นห่วงจึงได้นำเรื่องนี้มาพูด แต่หากมีหลักฐานอะไรเพียงพอที่ดำเนินการได้ก็ขอให้นำมามอบให้ศาล
สำหรับการเก็บตัวองค์คณะผู้พิพากษาทั้ง 9 คน ขณะนี้ขอยืนยันไม่มีเพราะถือว่าทุกท่านอิสระหากมีการเก็บตัวก็เกรงจะกลายเป็นว่าองค์คณะฯ กำลังทำอะไรบางอย่าง แต่หากท่านใดต้องการใช้สถานที่เพื่อทำงานนอกเหนือจากที่บ้านเราก็พร้อมดำเนินการให้ ซึ่งขณะนี้ติดต่อมา 2 ท่านแล้วเพราะท่านต้องการสมาธิในการทำงานมากกว่าเรื่องจะเกรงกลัวอะไร
ส่วนที่กลุ่มแดงสยามจะตั้งเวทีปราศรัยวันที่มีการพิจารณาคดีที่บริเวณท้องสนามหลวงนั้นก็คงเป็นรูปแบบหนึ่งของการกดดัน แต่สามารถปราศรัยได้ แต่หากส่งเสียงดังรบกวนก็เป็นการละเมิดศาลได้ อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 26 ก.พ.ประชาชนสามารถมาฟังคำพิพากษาได้แต่ขอความร่วมมือว่าให้อยู่ในความเรียบร้อยเพื่อให้การอ่านคำพิพากษาผ่านไปด้วยดี ซึ่งจะไม่มีการถ่ายทอดสด แต่จะถ่ายทอดเสียงตลอด หลังจากนั้นหาก พ.ต.ท.ทักษิณ มีหลักฐานใหม่เพิ่มเติมก็สามารถทบทวนได้ และเชื่อว่าคงไม่เลื่อนอ่านคำพิพากษา
ส่วนการรักษาความปลอดภัยนั้นมีเจ้าหน้าที่จากหลายฝ่ายได้มารักษาความปลอดภัยคงไม่มีเหตุการณ์อะไรและขอความร่วมมือจากประชาชนว่าหากพบเหตุอะไรก็แจ้งเบาะแสมายังศาลฎีกาได้
วันนี้ (24 ก.พ.) นายพงศ์เทพ ศิริพงศ์ติกานนท์ ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา หนึ่งในองค์คณะคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยน้ำเสียงสบายๆ ว่าตนและองค์คณะคนอื่นๆ ไม่ได้เสียสมาธิหรือหวั่นเกรงอะไร แม้จะมีเรื่องความพยายามเสนอสินบนให้ผู้พิพากษา ซึ่งเป็นเพียงการปล่อยข่าว ขณะเรื่องความปลอดภัยนั้น ศาลฎีกาฯ มีมาตรการดูแลดีอยู่แล้ว
“ที่ผ่านมาองค์คณะฯ ไม่ได้มีการพูดคุยเรื่องความพยายามเสนอสินบน ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่มักจะมีข่าวปล่อยเช่นนี้ช่วงที่จะใกล้การตัดสินองค์คณะไม่ได้สนใจ ส่วนตัวก็ไม่มีปัญหาอะไรเพราะตั้งสมาธิให้กับการพิจารณาพิพากษาคดีวันที่ 26 ก.พ.นี้มากกว่า” นายพงศ์เทพกล่าวตอนท้าย
ด้าน นายวิรัช ชินวินิจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวถึงกรณีที่นายสำราญ รอดเพชร โฆษกพรรคการเมืองใหม่ (ก.ม.ม.) ระบุว่ามีการให้สินบนผู้พิพากษาองค์คณะคดียึดทรัพย์ว่า ข่าวที่ออกมาไม่เหนือความคาดหมายเพราะศาลก็คิดแล้วว่าต้องออกมาในรูปแบบนี้ และไม่ว่าจะเป็นทั้งข่าวการทำร้าย ข่าวระเบิด ทั้งนี้ก็เพื่อกดดันให้ศาลมีความหวั่นไหวซึ่ง พวกเราชินชาแล้ว
ส่วนการออกมาระบุดังกล่าวของนายสำราญคงไม่ใช่การหมิ่นประมาท แต่คงได้ข่าวอะไรบางอย่างมาและด้วยความเป็นห่วงจึงได้นำเรื่องนี้มาพูด แต่หากมีหลักฐานอะไรเพียงพอที่ดำเนินการได้ก็ขอให้นำมามอบให้ศาล
สำหรับการเก็บตัวองค์คณะผู้พิพากษาทั้ง 9 คน ขณะนี้ขอยืนยันไม่มีเพราะถือว่าทุกท่านอิสระหากมีการเก็บตัวก็เกรงจะกลายเป็นว่าองค์คณะฯ กำลังทำอะไรบางอย่าง แต่หากท่านใดต้องการใช้สถานที่เพื่อทำงานนอกเหนือจากที่บ้านเราก็พร้อมดำเนินการให้ ซึ่งขณะนี้ติดต่อมา 2 ท่านแล้วเพราะท่านต้องการสมาธิในการทำงานมากกว่าเรื่องจะเกรงกลัวอะไร
ส่วนที่กลุ่มแดงสยามจะตั้งเวทีปราศรัยวันที่มีการพิจารณาคดีที่บริเวณท้องสนามหลวงนั้นก็คงเป็นรูปแบบหนึ่งของการกดดัน แต่สามารถปราศรัยได้ แต่หากส่งเสียงดังรบกวนก็เป็นการละเมิดศาลได้ อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 26 ก.พ.ประชาชนสามารถมาฟังคำพิพากษาได้แต่ขอความร่วมมือว่าให้อยู่ในความเรียบร้อยเพื่อให้การอ่านคำพิพากษาผ่านไปด้วยดี ซึ่งจะไม่มีการถ่ายทอดสด แต่จะถ่ายทอดเสียงตลอด หลังจากนั้นหาก พ.ต.ท.ทักษิณ มีหลักฐานใหม่เพิ่มเติมก็สามารถทบทวนได้ และเชื่อว่าคงไม่เลื่อนอ่านคำพิพากษา
ส่วนการรักษาความปลอดภัยนั้นมีเจ้าหน้าที่จากหลายฝ่ายได้มารักษาความปลอดภัยคงไม่มีเหตุการณ์อะไรและขอความร่วมมือจากประชาชนว่าหากพบเหตุอะไรก็แจ้งเบาะแสมายังศาลฎีกาได้