ส.ส.เพื่อไทย เปลือยธาตุแท้ตัวเองล่อนจ้อน เตรียมเสนอแก้ รธน.2 ขยัก เริ่มจากแก้บางมาตรา เสร็จแล้วตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ให้ “อภิสิทธิ์” เป็นนายกฯ มีอายุ 1 ปี ทำหน้าที่แก้ รธน.ทั้งฉบับ ฝันอร่อยยุบศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง เปิดทาง “พ่อแม้ว” รอดคุก ด้าน “พายัพ” เรียก ส.ส.อีสานถกยุทธศาสตร์เดินสายจัดเวทีพบปะชาวบ้าน เผื่อฟลุกยุบสภา เล็งประสานนักโทษหนีคดีวิดีโอลิงก์ทุกงาน
ความพยายามที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษคดีคอร์รัปชันที่อยู่ระหว่างหลบหนี โดยบรรดา ส.ส.ในเครือข่ายของเขายังคงมีอยู่ต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 12 พ.ค.ที่ผ่านมา นายประเกียรติ นาสิมมา ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ในฐานะคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้สัมภาษณ์ โดยอ้างว่า จุดยืนของพรรคเพื่อไทยนั้นเน้นการสมานฉันท์ก่อนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และส่วนตัวเห็นว่าอาจมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2 ขยัก โดยขยักแรกแก้ไขเฉพาะมาตราสำคัญก่อน ส่วนขยักที่สองแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ แต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับนั้นไม่ควรแก้ในรัฐบาลนี้ ควรจะมีรัฐบาลเพื่อชาติขึ้นมาแก้รัฐธรรมนูญโดยตรง โดยอาจให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรีและให้ทุกพรรครวมถึงพรรคเพื่อไทยเข้าร่วมเป็นรัฐบาล มีอายุทำงาน 1 ปี
นายประเกียรติกล่าวอีกว่า ภารกิจสำคัญคือแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ เนื่องจากรัฐธรรมนูญ 50 เป็นต้นตอของความขัดแย้งและมีกติกาที่ไม่เป็นธรรมหลายเรื่อง เช่น ระบบเลือกตั้ง ที่สำคัญคือโครงสร้างองค์กรอิสระ โดยต้องแก้ไม่ให้มีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพราะเป็นการพิจารณาศาลเดียว ไม่เป็นธรรมและสากลไม่ยอมรับ โดยจะต้องให้ฟ้องอาญา 3 ศาลทั่วไป ซึ่งตรงนี้จะเปิดโอกาสให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี สามารถกลับมาต่อสู้คดีได้อย่างเป็นธรรม 3 ศาล ส่วนคดีหวยบนดินหรือคดีกล้ายางและคดีอื่นๆนั้นก็ต้องพิจารณา 3 ศาลด้วยเช่นกัน สำหรับศาลรัฐธรรมนูญนั้นก็ควรแก้ให้เป็นตุลาการรัฐธรรมนูญเท่านั้น ไม่มีอำนาจในการพิจารณาคดี รวมถึงคณะกรรมการการเลือกตั้งต้องไม่มีอำนาจประกาศผลเลือกตั้ง หรือ ให้ใบเหลืองหรือใบแดง ใครชนะก็ประกาศผลเป็น ส.ส.ทันที
ทั้งนี้ จากคำให้สัมภาษณ์ของนายประเกียรติจะเห็นถึงเจตนาที่อยู่เบื้องหลังทันทีว่าต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อช่วยให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรและนักการเมืองในเครือข่ายรอดพ้นจากความผิดซึ่งคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ได้ทำการสอบสวนและชี้มูลความผิดไว้แล้ว 15 คดี และขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการของ ป.ป.ช.
นอกจากนี้ ข้อเสนอของนายประเกียรติจะเห็นถึงความขัดแย้งในตัวเองของพรรคเพื่อไทยมากขึ้น เพราะแนวทางของพรรคเพื่อไทยประการหนึ่งคือเรียกร้องให้นำรัฐธรรมนูญ 2540 กลับมาใช้ แต่นายประเกียรติกลับเสนอให้ยกเลิกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ให้ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจพิจารณาคดี และไม่ให้ กกต.มีอำนาจในการประกาศผลเลือกตั้ง ซึ่งหน่วยงานเหล่านี้ล้วนแต่เริ่มมีขึ้นตามรัฐธรรมนูญ 2540 ทั้งสิ้นและนี่แสดงให้เห็นว่าพรรคเพื่อไทยเลือกเอารัฐธรรมนูญ 2540 มาใช้เฉพาะมาตราที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเองเท่านั้น
ด้าน นายศักดา คงเพชร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มอีสานพัฒนา เปิดเผยว่า ในวันที่ 12 พ.ค.มีการประชุม ส.ส.ภาคอีสานของพรรคเพื่อไทยที่รัฐสภา โดยมีนายพายัพ ชินวัตร น้องชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ในฐานะประธาน ส.ส.ภาคอีสาน เป็นประธานในการประชุม ซึ่งได้มีการหารือถึงยุทธศาสตร์ทางการเมือง โดย ส.ส.อีสานเห็นว่าควรมีการเตรียมพร้อมรับการเลือกตั้ง ดังนั้นจะต้องมีการทำกิจกรรมทางการเมืองอย่างต่อเนื่องเพื่อสื่อสารเชื่อมต่อกับประชาชน เพราะมีการประเมินว่าจะมีการยุบสภาก่อนสิ้นปีนี้หรือต้นปีหน้า ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของรัฐบาล
นายศักดากล่าวอีกว่า ที่ประชุมส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่า หลังปิดสมัยประชุมสภาฯ แล้ว พรรคเพื่อไทยจะจัดการสัมมนาของ ส.ส.อีสานในต่างจังหวัดทันที จากนั้นจะจัดกิจกรรมทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง โดยเดินสายจัดเวทีปราศรัยทุกจังหวัดในภาคอีสาน มี ส.ส.อีสานพร้อมด้วยแกนนำพรรคร่วมเดินสายปราศรัยด้วย เบื้องต้นนั้นทีมปราศรัยชุดหลักจะนำโดย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย และนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ส.ส.สัดส่วน ส่วนกำหนดเวลาจะเป็นวันใดนั้นจะมีการประชุมเพื่อกำหนดกันอีกครั้ง
นายศักดาระบุว่า การเคลื่อนไหวของ ส.ส.อีสานพรรคเพื่อไทยครั้งนี้เป็นกิจกรรมการเมืองในเชิงรุกทั้งการจัดสัมมนาและจัดเวทีปราศรัยใหญ่ โดยจะเดินทางไปให้ครบทุกจังหวัดในภาคอีสานเพื่อทำความเข้าใจกับคนอีสาน โดยจะเอาเรื่องการปฏิบัติ 2 มาตรฐานไปพุดให้ประชาชนฟัง ขณะเดียวกันยังถือเป็นการเตรียมพร้อมรับการเลือกตั้งที่ยังไม่ทราบว่าจะมีการยุบสภาเมื่อไหร่ด้วย
“ผมและ ส.ส.อีสานส่วนใหญ่เสนอต่อคณะทำงานด้านยุทธศาสตร์ของพรรค ให้ประสาน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพื่อขอให้วิดีโอลิงก์เข้ามาพูดคุยกับประชาชนในทุกเวทีปราศรัยด้วย เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกวันนี้คนอีสานเลือกพรรคเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ เราจึงควรชู พ.ต.ท.ทักษิณเป็นจุดขายอีกครั้ง จริงๆ แล้วเราก็อยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณขึ้นมาร่วมบนเวทีแบบตัวเป็นๆ ด้วย แต่เข้าใจดีว่ายังทำไม่ได้ แต่อย่างน้อยเชื่อว่าจะเป็นไฮไลต์ของงานอย่างแน่นอน” นายศักดา กล่าว
