“โฆษกส่วนตัวนายกฯ” แนะจับตา “แม้ว” สั่ง น้องชาย เรียก ส.ส.อีสาน ระดมคนมาร่วมม็อบหวังสร้างสถิติให้ได้ตามคาด ยอมรับห่วงปัจจัยแทรกซ้อน เพื่อนำไปสู่การแตกหัก เชื่อ “พัลลภ” เตรียมขึ้นเวทีหลังเสียงปืนเป็นการส่งสัญญาณบางอย่าง เตือนประชาชนอย่าออกมา รอดูวันแดงดับ
วันนี้ (7 เม.ย.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงตลอด 14 วัน ว่า เท่าที่สังเกตมีคนที่มาร่วมชุมนุมอยู่ในระดับคงที่ และอาจจะมีอะไรบางอย่างที่อาจจะไม่สามารถระดมคนมาร่วมชุมนุมได้ตามเป้าที่กำหนดไว้ จึงได้สั่งให้ นายพายัพ ชินวัตร น้องชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เรียก ส.ส.อีสาน มาประชุม เพื่อระดมคนให้มากที่สุดในวันที่ 8 เม.ย.นี้ ตามที่หลายฝ่ายออกมาประเมินว่า จะมีคนร่วมชุมนุมหลักแสน หรือตามที่ พ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่า คนจะมาร่วมชุมนุมหลักแสนนั้น ตนคิดว่า ไม่สำคัญเท่ากับคุณภาพ ที่จะชุมนุมตามกรอบกฎหมาย สิ่งที่เราห่วง คือ ปัจจัยแทรกซ้อน เพื่อให้เป็นเงื่อนไขการแตกหักจากรัฐบาล รวมทั้งท่าทีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ได้ประกาศว่า เมื่อได้ยินเสียงปืนจะกลับมาเป็นผู้นำชุมนุมเอง รวมถึง พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ที่ระบุว่า จะขึ้นเวที นปช.ก็ต่อเมื่อได้ยินเสียงปืนแตก สิ่งนี้คงเป็นการส่งสัญญาณอะไรบางอย่าง ที่จะหยิบฉวยโอกาสโจมตีรัฐบาล การที่ประกาศว่า ในวันที่ 8 เม.ย.จะเป็นวันแดงเดือดนั้น ต้องดูว่า เป็นจะเป็นวันแดงเดือด หรือแดงดับกันแน่
นายเทพไท กล่าวว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่า อยากให้เหตุการณ์วันที่ 8 เม.ย.จะใหญ่กว่าเหตุการณ์ 14 ตุลา 16 และ 17 พ.ค.35 นั้น คงเปรียบเทียบไม่ได้ เพราะเหตุการณ์ทั้ง 2 นั้น เป็นวันต่อต้านเผด็จการ และเรียกร้องให้นายกฯมาจากการเลือกตั้ง ขณะที่วันที่ 8 เม.ย. ข้อเรียกร้องที่เกิดขึ้นไม่สามารถอธิบายได้ว่าระบบอำมาตยาธิปไตย คือ อะไร ประกอบการสถานการณ์ปัจจุบัน รัฐบาลสามารถบริหารประเทศไทย เพราะประชาชนให้การสนับสนุนอยู่ ดูได้จากผลโพลที่ออกมา ว่า ทุกอาชีพ ทุกภาคส่วน สนับสนุนรัฐให้แก้ปัญหาประเทศ ทุกภาคส่วนวิงวอนให้ยุติปัญหาการเมือง
นายเทพไท กล่าวว่า ขอเรียกร้องไปยังผู้ที่เกี่ยวข้อง 3 คือ 1.กลุ่มเสื้อแดง ขอให้ควบคุมมวลชนตัวเองอยู่ในกรอบของกฎหมาย เพราะมีการระดมคนมาจากหลายส่วน ทั้งนักเลง หัวไม้ แก๊งมอเตอร์ไซค์ จึงเกรงว่าอาจก่อให้เกิดความรุนแรงได้ 2.ส่วนของรัฐบาล จะต้องรักษากฎหมาย ไม่ให้เกิดความรุนแรง และกำชับตำรวจไม่ให้พกอาวุธ หากมีเสียงปืนดังขึ้น ยืนยันว่าไม่ได้มาจากรัฐบาลแน่นอน และ 3.ส่วนประชาชน ขอให้มีสติ แยกแยะได้ ซึ่งประชาชนต้องเลือกข้างว่า จะเอาระบบทักษิณ ที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ หรือเอาระบบประชาธิปไตย ที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ถ้าเลือกอย่างหลังก็ขอให้อยู่บ้าน ดำเนินชีวิตตามปกติ และคอยติดตามสถานการณ์
นายเทพไท กล่าวว่า ขณะนี้มีการปล่อยข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะกลับมาเป็นผู้นำม็อบเอง ว่า เป็นจิตวิทยาเบื้องต้น ที่แกนนำผู้ชุมนุมเจอทางตัน จึงต้องนำชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ มาชูโรงเคลื่อนไหว ซึ่งรัฐบาลเองอยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาจริง อย่างน้อยก็ประหยัดงบประมาณแผ่นดินในการติดตามตัว ไม่ต้องตามตัวมาลงโทษ ดังนั้น ประชาชนไม่ควรตกเป็นเครื่องมือ
นายเทพไท กล่าวตอบโต้ นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย กรณีเฉาก๊วยในงานเลี้ยงพรรค ว่า แล้วแต่ความเชื่อ หรือจะตีความว่าอย่างไร เฉาก๊วยเป็นขนมที่มีสรรพคุณดับร้อน ที่นำมาเลี้ยงก็เพื่อให้สถานการณ์ที่ร้อนแรงจางหายไป เหมือนกับที่นำลอดช่องมาเลี้ยง ก็เป็นการสื่อว่า ต้องการให้ปัญหาต่างๆ รอดช่องผ่านผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
“คุณสุรพงษ์ เป็นคนงมงายตั้งแต่อยู่พรรคประชาธิปัตย์ ที่ผ่านมา เคยทำนายว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะตายวันโน้น จะหมดอำนาจวันนี้ แต่สุดท้ายก็ไปซบเท้า พ.ต.ท.ทักษิณ” นายเทพไท กล่าว
ส่วนข้อกล่าวหาที่ระบุว่า พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และพรรคประชาธิปัตย์ มีผลประโยชน์ร่วมกัน จึงออกมาปกป้องสุดชีวิต นายเทพไท กล่าวว่า ที่ออกมาปกป้อง พล.อ.เปรม เพราะคนดี เป็นที่เคารพนับถือของคนทั่วประเทศ เป็นถึงประธานองคมนตรี จึงจำเป็นต้องออกมาปกป้องไม่ให้ทำลายสถาบันองคมนตรี
ส่วนที่สมาชิกพรรคเพื่อไทยออกมาระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์กลัวแม้กระทั่งเงา พ.ต.ท.ทักษิณ นายเทพไท กล่าวว่า ไม่เป็นจริง เพราะวันที่ พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ในตำแหน่งก็เคยต่อสู้มาตลอด และวันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นแค่นักโทษหนีคุกจะไปกลัวทำไม แกนนำนปช.ต่างหากที่พยายามเอาเงา พ.ต.ท.ทักษิณ มาเร่ขาย และหลอกลวงประชาชนให้หลงเชื่อมาร่วมชุมนุมกับตนเอง