“เพื่อแม้ว” สุดเพ้อ ตีปี๊บเรียก “ส.ส.อีสาน” ถกประเมินสถานการณ์รับมือ “เลือกตั้ง” พร้อมขู่ “เพื่อนสมาชิก” เจอ ปชช.ในพื้นที่กดดันหากย้ายพรรค ด้าน “ศักดา” โอดขับเคลื่อนกิจกรรมไม่สะดวก เหตุ กกต.ไม่จัดสรรเงินสนับสนุน 100 ล้าน ให้พรรค อ้างจับตา “คนใหญ่” เหนือ รมว.คมนาคม งาบงบทางหลวงชนบท
วานนี้ (17 ก.พ.) รายงานข่าวแจ้งว่า ที่พรรคเพื่อไทย ได้มีการประชุม ส.ส.ภาคอีสาน โดยมีนายพายัพ ชินวัตร น้องชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานภาคอีสาน ทำหน้าที่เป็นประธานในการประชุม ซึ่งใช้เวลาหารือประมาณ 3 ชั่วโมง จากนั้น นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุม ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาหลายเรื่อง ทั้งการเตรียมพร้อมการทำงานในสภา การเร่งเปิดศูนย์ประสานงาน ส.ส.ในเขตที่ ส.ส.ย้ายออกจากพรรคไป และการเตรียมตัวผู้สมัคร ส.ส.โดยจะเร่งพิจารณาในสัปดาห์หน้า
“เชื่อว่า การร้อนรนเร่งใช้งบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลนั้น ไม่ใช่การกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างแท้จริง แต่เป็นการเตรียมการเลือกตั้ง อีกทั้ง นายพายัพ ได้บอกต่อที่ประชุมว่า ขอเวลาปรับตัวก่อนขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ในภาคอีสานต่อไป เพราะพรรคจะชนะท้วมท้น หรือแพ้การเลือกตั้ง ก็ขึ้นอยู่ที่ภาคอีสาน” นายไพจิต กล่าว
เมื่อถามว่า มีการหารือถึงกรณี ส.ส.รับเงินอุดหนุน 2 พรรค เฉลี่ยคนละประมาณ 2.5 แสนบาทต่อเดือนหรือไม่ นายไพจิต กล่าวว่า คงจะมีการหารือในที่ประชุมคณะกรรมการภาคอีสาน เพื่อพิจารณาถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า มี ส.ส.ประมาณ 20-30 คน ที่รับเงิน 2 พรรค จะแก้ไขอย่างไรนั้น นายไพจิต กล่าวว่า จะมีการกำชับ ส.ส.ว่าอย่าออก อย่าหนี อย่าไป ถ้ายังไป หรือยังย้ายพรรคอีก ก็ต้องบอกประชาชนในพื้นที่ เพื่อใช้เสียงในพื้นที่กดดัน
ด้าน นายศักดา คงเพชร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ที่ประชุมได้หารือกันหลายเรื่อง โดยเฉพาะยุทธศาสตร์ทางการเมือง ทั้งการติดตามข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องการทุจริต ประพฤติมิชอบ และการมอบหมายให้ ส.ส.ลงไปทำกิจกรรมในพื้นที่โดยไม่ผิดกฎหมายเลือกตั้ง เพราะขณะนี้มีการโยกย้ายข้าราชการเยอะมาก ทั้งตำรวจ และทหาร เพื่อลงไปจับผิด ส.ส.พรรคเพื่อไทย และขอตั้งขอสังเกตถึงกรณีที่ กกต.ยังไม่จัดสรรงบประมาณสนับสนุนพรรคการเมืองมาให้ ซึ่งที่ผ่านมาได้รับประมาณ 100 ล้านต่อปี ถ้าได้เงินจำนวนดังกล่าว จะทำให้พรรคขับเคลื่อนกิจกรรมในพื้นที่ได้สะดวก ไม่กลัวกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง เพราะมีเจ้าหน้าที่ กกต.และ กกต.ลงไปติดตามดูการทำกิจกรรมด้วย
“เรารู้ว่าสถานการณ์ขณะนี้ เรื่องเงินไม่ใช่ปัจจัยหลัก คนเป็น ส.ส.ใหม่ไม่ค่อยมีปัญหา เพราะไม่ค่อยไปกู้แบงก์ ไม่เหมือน ส.ส.เก่าที่ไปกู้แบงก์แล้วถูกแบงก์หักเงินเดือนจน ส.ส.อยู่อย่างลำบาก ซึ่งเรื่องนี้ได้พูดให้พรรคฟังแล้ว พรรคจึงบอกว่าบางกิจกรรมที่สนับสนุนได้ ก็จะดูเป็นกรณีๆ ไป ฉะนั้น ขอให้จับตางบดูประมาณของกรมทางหลวงชนบท ของกระทรวงคมนาคม ที่มีคนใหญ่กว่า รมว.คมนาคม สั่งโอนงบไปให้เฉพาะในพื้นที่ของ ส.ส.รัฐบาลให้ดี โดยเรื่องนี้กำลังติดตามตรวจสอบอยู่ว่าใครได้เปอร์เซ็นต์จากการกระจายงบในครั้งนี้บ้าง เพราะมีลักษณะคล้ายกับแคชเชียร์เช็ค 10 ล้านบาท ที่เกิดขึ้นในสมัยแก๊งออฟโฟร์” นายศักดา ระบุ
วานนี้ (17 ก.พ.) รายงานข่าวแจ้งว่า ที่พรรคเพื่อไทย ได้มีการประชุม ส.ส.ภาคอีสาน โดยมีนายพายัพ ชินวัตร น้องชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานภาคอีสาน ทำหน้าที่เป็นประธานในการประชุม ซึ่งใช้เวลาหารือประมาณ 3 ชั่วโมง จากนั้น นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุม ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาหลายเรื่อง ทั้งการเตรียมพร้อมการทำงานในสภา การเร่งเปิดศูนย์ประสานงาน ส.ส.ในเขตที่ ส.ส.ย้ายออกจากพรรคไป และการเตรียมตัวผู้สมัคร ส.ส.โดยจะเร่งพิจารณาในสัปดาห์หน้า
“เชื่อว่า การร้อนรนเร่งใช้งบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลนั้น ไม่ใช่การกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างแท้จริง แต่เป็นการเตรียมการเลือกตั้ง อีกทั้ง นายพายัพ ได้บอกต่อที่ประชุมว่า ขอเวลาปรับตัวก่อนขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ในภาคอีสานต่อไป เพราะพรรคจะชนะท้วมท้น หรือแพ้การเลือกตั้ง ก็ขึ้นอยู่ที่ภาคอีสาน” นายไพจิต กล่าว
เมื่อถามว่า มีการหารือถึงกรณี ส.ส.รับเงินอุดหนุน 2 พรรค เฉลี่ยคนละประมาณ 2.5 แสนบาทต่อเดือนหรือไม่ นายไพจิต กล่าวว่า คงจะมีการหารือในที่ประชุมคณะกรรมการภาคอีสาน เพื่อพิจารณาถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า มี ส.ส.ประมาณ 20-30 คน ที่รับเงิน 2 พรรค จะแก้ไขอย่างไรนั้น นายไพจิต กล่าวว่า จะมีการกำชับ ส.ส.ว่าอย่าออก อย่าหนี อย่าไป ถ้ายังไป หรือยังย้ายพรรคอีก ก็ต้องบอกประชาชนในพื้นที่ เพื่อใช้เสียงในพื้นที่กดดัน
ด้าน นายศักดา คงเพชร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ที่ประชุมได้หารือกันหลายเรื่อง โดยเฉพาะยุทธศาสตร์ทางการเมือง ทั้งการติดตามข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องการทุจริต ประพฤติมิชอบ และการมอบหมายให้ ส.ส.ลงไปทำกิจกรรมในพื้นที่โดยไม่ผิดกฎหมายเลือกตั้ง เพราะขณะนี้มีการโยกย้ายข้าราชการเยอะมาก ทั้งตำรวจ และทหาร เพื่อลงไปจับผิด ส.ส.พรรคเพื่อไทย และขอตั้งขอสังเกตถึงกรณีที่ กกต.ยังไม่จัดสรรงบประมาณสนับสนุนพรรคการเมืองมาให้ ซึ่งที่ผ่านมาได้รับประมาณ 100 ล้านต่อปี ถ้าได้เงินจำนวนดังกล่าว จะทำให้พรรคขับเคลื่อนกิจกรรมในพื้นที่ได้สะดวก ไม่กลัวกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง เพราะมีเจ้าหน้าที่ กกต.และ กกต.ลงไปติดตามดูการทำกิจกรรมด้วย
“เรารู้ว่าสถานการณ์ขณะนี้ เรื่องเงินไม่ใช่ปัจจัยหลัก คนเป็น ส.ส.ใหม่ไม่ค่อยมีปัญหา เพราะไม่ค่อยไปกู้แบงก์ ไม่เหมือน ส.ส.เก่าที่ไปกู้แบงก์แล้วถูกแบงก์หักเงินเดือนจน ส.ส.อยู่อย่างลำบาก ซึ่งเรื่องนี้ได้พูดให้พรรคฟังแล้ว พรรคจึงบอกว่าบางกิจกรรมที่สนับสนุนได้ ก็จะดูเป็นกรณีๆ ไป ฉะนั้น ขอให้จับตางบดูประมาณของกรมทางหลวงชนบท ของกระทรวงคมนาคม ที่มีคนใหญ่กว่า รมว.คมนาคม สั่งโอนงบไปให้เฉพาะในพื้นที่ของ ส.ส.รัฐบาลให้ดี โดยเรื่องนี้กำลังติดตามตรวจสอบอยู่ว่าใครได้เปอร์เซ็นต์จากการกระจายงบในครั้งนี้บ้าง เพราะมีลักษณะคล้ายกับแคชเชียร์เช็ค 10 ล้านบาท ที่เกิดขึ้นในสมัยแก๊งออฟโฟร์” นายศักดา ระบุ
