แกนนำ ส.ส.อีสาน พรรคเพื่อไทย แอบไปพบ “นายใหญ่” แถวฮ่องกง พร้อมรับแนวทางทำพรรคให้มั่นคงจากภายใน ขจัดกลุ่มก๊วน เผยนับจากนี้ “ทักษิณ” ไว้ใจแต่คนตระกูลชินวัตรเท่านั้น พร้อมแบ่งงานน้องสาว-น้องชายคุม ส.ส.รายภาค โยก “ยิ่งลักษณ์” ทำหน้าที่เลขาฯ ในโครงสร้างพรรคใหม่
ความเคลื่อนไหวของ ส.ส.พรรคเพื่อไทย วันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา หลังจากมีการออกมาระบุว่าจะรวมตัวกันเพื่อเดินทางไปพบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ยังหลบหนีคดีและโทษจำคุกอยู่ในต่างประเทศ ภายใน 1-2 สัปดาห์ ที่ประเทศหนึ่งในแถบเอเชียนั้น ล่าสุดพบว่าก่อนการสัมมนา ส.ส.พรรคเพื่อไทยระหว่างวันที่ 2-3 ก.พ.ที่ผ่านมานั้น บุคคลระดับแกนนำของพรรคเพื่อไทยในภาคอีสานได้เดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณที่ประเทศหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้เกาะฮ่องกงมาแล้ว
แกนนำ ส.ส.ภาคอีสาน พรรคเพื่อไทยรายหนึ่ง เปิดเผยว่า พ.ต.ท.ทักษิณ พูดเหมือนที่โฟนอินไปที่เขาใหญ่เมื่อวันที่ 2 ก.พ. โดยได้กำชับว่า ต่อไปภายในพรรคต้องมั่นคง หากภายในไม่มั่นคงภายนอกจะไม่เข้มแข็ง ต่อไปจะไม่มีกลุ่มไม่มีก๊ก เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหากลุ่มก๊วน ยกพวกออกไปอีก
“ดูจากตัวผมที่ไว้ใจคนนอก ต่อไปไม่ไว้ใจคนนอกแล้ว จะไม่ใว้ใจใครแล้วนอกจากคนในครอบครัวผม” แกนนำคนดังกล่าวอ้างคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประโยคดังกล่าวเป็นที่มาของการแบ่งหน้าที่การทำงานในพรรคเพื่อไทย โดยมอบหมายให้คนตระกูลชินวัตรดูแล ส.ส.โดยแยกเป็นรายภาค โดยนายพายัพ ชินวัตร ดูแล ส.ส.อีสาน นางเยาวเรศ ชินวัตร ในฐานะประธานสภาสตรีฯ จะเข้ามาดูแล ส.ส.หญิงในพรรคเพื่อไทย ส่วนนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ จะดูแล ส.ส.ภาคเหนือ ภาคกลางรวมทั้ง กทม. ส่วน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งก่อนหน้านี้มีข่าวว่าได้รับมอบหมายให้ดูแล ส.ส.ภาคกลางและ กทม.นั้น แต่จากการหารือกันเป็นการภายในนั้น ปรากฏว่าจะมอบหมายให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์เข้ามาทำหน้าที่เหมือนเลขาธิการพรรคแทนในโครงสร้างพรรคใหม่ที่จะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้
“พายัพ” อนุมัติ ส.ส.อีสานแห่พบ “แม้ว”
น.พ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ ส.ส.ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ ส.ส.อีสานจะเดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า ส.ส.อีสานได้ส่งตนไปพบนายพายัพ ชินวัตร น้องชาย พ.ต.ท.ทักษิณ โดยบอกไปว่า ส.ส.อีสานต่างคิดถึงและระลึกถึง พ.ต.ท.ทักษิณจึงอยากจะไปเยี่ยมเยียนโดยตรง ซึ่งนายพายัพไม่ขัดอะไร พร้อมทั้งบอกว่า ถ้าหากอยากจะไปก็ไป แต่ขอให้ทยอยกันไปเป็นกลุ่มย่อยๆ กลุ่มละ 20-30 คน เรื่องทั้งหมดก็มีเท่านี้ ส่วนจะไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณที่ไหนและเมื่อไหร่นั้น ขณะนี้ยังไม่มีการกำหนด ยังต้องรอ พ.ต.ท.ทักษิณซึ่งจะเป็นฝ่ายกำหนดวันและเวลามา จากนั้นพวกเราจึงจะเดินทางไปพบได้
ปัดนัดพบที่เกาะกง
สำหรับกรณีที่มีกระแสข่าวว่า ส.ส.อีสานจะเดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณที่เกาะกงนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความสะดวกของ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นหลัก ซึ่งขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณเองก็ยังไม่ได้ติดต่อมา
“ดร.ปึ๋ง” อ้าง ส.ส.ทุกภาคอยากพบ “แม้ว” เตรียมของโปรดไปฝาก
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า นอกจาก ส.ส.อีสานของพรรคเพื่อไทยจะเดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ แล้ว ส.ส.จากภาคอื่นๆ ต่างต้องการไปพบอดีตนายกรัฐมนตรีด้วยเช่นกัน และจะเดินทางไปพบอย่างแน่นอนหาก พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางมาอยู่ในประเทศใกล้เคียง แต่จะไปพบเมื่อใดนั้นแล้วแต่ ส.ส.แต่ละกลุ่มที่จะประสานกัน และพร้อมจะไปพบถึงฮ่องกงหรือแม้กระทั่งสิงคโปร์ แต่การเดินทางไปนั้นคงต้องไปอย่างระมัดระวังเพราะอาจมีคนสะกดรอยตาม ส่วนสาเหตุที่ไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น เพราะต้องการไปสอบถามถึงสารทุกข์สุขดิบ และจะนำอาหารภาคเหนือของโปรด พ.ต.ท.ทักษิณไปฝากด้วย
"เหลิม" เล็งขอมติพรรคชู"นิรโทษ-แก้ รธน." หาเสียง
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่เสนอแนวคิดออก พ.ร.บ.อภัยโทษและ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมให้กับทุกคดีอาญาที่เป็นผลสืบเนื่องมาจากการรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 ว่า หลังการรัฐประหารเป็นต้นมา มีการฟ้องร้องดำเนินคดีกันหลายหมู่คณะทางการเมืองเกิดความแตกแยกในบ้านเมืองชัดเจน แยกเป็นสีเหลือง สีแดง ทุกฝ่ายได้รับผลกระทบหมด ดังนั้นตนจึงมีแนวคิดว่า หากได้รับมอบหมายจากพรรคให้ทำหน้าที่หัวหน้าทีมปราศรัยหาเสียงเลือกตั้ง ตนจะเสนอที่ประชุมพรรคเพื่อไทยเพื่อขอมติ ชูแคมเปญที่จะขออนุญาตจากประชาชนว่า บ้านเมืองมีเรื่องจำเป็นต้องทำ 3 เรื่องคือ 1.หลังรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 ใครก็ตามที่ถูกลงโทษตามคำพิพากษาของศาล จะขออนุญาตออก พ.ร.บ.อภัยโทษให้กับทุกคน 2.ทุกคนที่ถูกกล่าวหาหรือมีคดีอยู่ระหว่างการพิจารณา ยังไม่มีคำพิพากษาของศาล จะแก้ปัญหาด้วยการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมให้ทุกฝ่าย และ 3.จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 โดยเอารัฐธรรมนูญ 2540 เป็นตัวตั้ง
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวอีกว่า เป็นการบอกให้ประชาชนรู้ว่า ถ้าเลือกพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลเราก็จะทำในเรื่องเหล่านี้ ถ้าประชาชนเห็นด้วยก็เลือกพรรคเพื่อไทยให้มาก แต่ถ้าไม่เห็นด้วยก็ไม่เลือกเราก็จบ ถือเป็นการขอประชามติจากประชาชนโดยตรงว่าเห็นด้วยหรือไม่ ถ้าไม่เสนออย่างนี้ปัญหาก็ไม่จบเสียที วัดกันด้วยคะแนนเสียงเลือกตั้งไปเลย หากไม่บอกประชาชนก่อนหลังเลือกตั้งก็ทำไม่ได้อีก และจะเกิดปัญหาว่าทำไมไม่บอกประชาชนก่อน ตนจะเสนอเรื่องนี้ต่อพรรคในเวลาที่เหมาะสม หากเสียงส่วนใหญ่ของพรรคไม่เห็นด้วยก็จบ และตนก็จะไม่รู้สึกน้อยใจอะไร อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ก็ยังไม่ได้พูดคุยกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และยังไม่ได้เริ่มยกร่างใดๆ ทั้งสิ้น และที่เสนอออก พ.ร.บ.ก็จะมีเฉพาะคดีอาญาเท่านั้น ไม่รวมคดีการเมือง เช่น คดียุบพรรค