“เทพไท” เชื่อ “นช.แม้ว” ทุ่มหมดหน้าตักเพื่อแตกหัก เผด็จศึก รบ.ให้ได้ 8 เม.ย.และยังเป็นการเดิมพันสูงระหว่างสถาบัน กับระบอบทักษิณ พร้อมถามใจประชาชนคนไทยทั้งชาติ พร้อมแล้วหรือยังที่จะเลือกระหว่างสถาบันสูงสุด กับระบอบทักษิณ ให้อยู่คู่กับบ้านเมืองต่อไป อัด “นช.แม้ว” พูดซ้ำซาก แนะสังคมช่างน้ำหนักคำพูด “นช.แม้ว” กับ “องคมนตรี” ใครน่าเชื่อถือกว่ากัน
วันนี้ (6 เม.ย.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ใช้วิดีโอลิงก์ในเวทีคนเสื้อแดงเมื่อวานนี้ (5 เม.ย.) ว่า เป็นเรื่องเดิมๆ ที่เคยพูดมาหลายครั้ง และเป็นการพูดด้วยอารมณ์ที่ฉุนเฉียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีการพาดพิงไปยังตัวบุคคลที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ตนเอง ตั้งแต่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์ องคมนตรี และเหยื่อรายใหม่ คือ นายอานันท์ ปันยารชุน องคมนตรี ซึ่งบุคคลทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลทีมีต้นทุนทางสังคมสูงกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีความน่าเชื่อถือในเรื่องความเป็นกลางทางการเมืองในสังคมมาก ดังนั้น สังคมก็น่าที่จะชั่งน้ำหนักและให้ความเชื่อถือกับบุคคลเหล่านี้มากกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ
นายเทพไท กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ข้อเรียกร้องของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ซ้ำซาก โดยพูดเน้นย้ำหลายครั้งระหว่างการวิดีโอลิงก์ คือ การเรียกร้องประชาธิปไตยที่แท้จริง แต่ไม่ทราบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีความเข้าใจเรื่องประชาธิปไตยมากน้อยเพียงใด และประชาธิปไตยที่แท้จริงในความหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ คืออะไร เพราะคนอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เอา 4 สถาบันหลักในระบอบประชาธิปไตย คือ 1.ระบบรัฐสภา ไม่เคยให้ความสำคัญ ไม่ยอมรับกระบวนการตรวจสอบในสภา ไม่ตอบกระทู้ถาม 2.ปฏิเสธการได้มาของรัฐบาลชุดนี้ ปลุกระดมมวลชนให้ขับไล่ 3.สถาบันตุลาการ พ.ต.ท.ทักษิณ โจมตีใส่ร้ายว่ากระบวนการยุติธรรมไทยมี 2 มาตรฐาน ไม่มีความเป็นธรรม และถูกแทรกแซง และ 4.สถาบันองคมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ มุ่งทำลาย โจมตีประธานองคมนตรี และองคมนตรี
นายเทพไท กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยังปลุกระดมเรียกร้องให้ประชาชนลุกขึ้นมาต่อต้านการปฏิวัติรัฐประหาร โดยขอให้เหตุการณ์ 19 กันยา 49 เป็นการปฏิวัติครั้งสุดท้าย ซึ่งเรื่องนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องไปศึกษาประวัติศาสตร์ ว่า การปฏิวัติแต่ละครั้งเกิดขึ้นจากสาเหตุใด เพราะในอดีตที่ผ่านมา สาเหตุที่เกิดรัฐประหาร คือ รัฐบาลทุจริตคอร์รัปชัน และเหตุผลของการปฏิวัติ19 กันยา ก็เป็นเหตุผล 1 ใน 4 ที่คณะปฏิวัติอ้างถึง คือ การทุจริตคอร์รัปชันของ พ.ต.ท.ทักษิณ ส่วนคำกล่าวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เน้นย้ำว่า เราจะต่อสู้เพื่อลูกหลานในอนาคต และหลุดพ้นจากระบบอำมาตยาธิปไตยนั้น ไม่ทราบว่า ระบอบอำมาตยาธิปไตยได้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ยุคไหน วันที่ พ.ต.ท.ทักษิณ มีอำนาจเป็นรองนายกฯ 2 ครั้งในรัฐบาลของ นายบรรหาร ศิลปอาชา และ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯ และเป็นนายกฯ ถึง 2 สมัย มีรัฐบาลนอมินีของตัวเอง 2 ชุด คือ รัฐบาลของ นายสมัคร สุนทรเวช และ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ แล้วทำไมจึงไม่ทำลายระบอบอำมาตยาธิปไตยในยุคนั้น หรือระบอบอำมาตยาธิปไตยเพิ่งมีในวันที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกฯ เท่านั้น
“เหตุการณ์การชุมนุมในวันนี้ นับว่าเป็นวันสุกดิบของการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 8 เม.ย.และเชื่อว่าพ.ต.ท.ทักษิณ จะต้องทุ่มเทพละกำลังทั้งหมด เพื่อเผด็จศึกรัฐบาลให้ได้ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ประกาศเป็นผู้บัญชาการม็อบที่จะรบกันแตกหักด้วยตัวเอง ให้ นายพายัพ ชินวัตร มาเป็นประธานการประชุม นั่งหัวโต๊ะสั่งการให้คนในพรรคเพื่อไทย ระดมคนเข้าร่วมชุมนุมอย่างเต็มที่ ซึ่งเชื่อว่า การชุมนุมในครั้งนี้เป็นการชุมนุมที่มีเดิมพันสูงระหว่างสถาบัน กับระบอบทักษิณ ดังนั้น อยากถามใจประชาชนคนไทยทั้งชาติ ว่า วันนี้คนไทยพร้อมแล้วหรือยังที่จะเลือกระหว่างสถาบันสูงสุด กับระบอบทักษิณ ให้อยู่คู่กับบ้านเมืองต่อไป” นายเทพไท กล่าว
นายเทพไท กล่าวอีกว่า ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองที่ร้อนแรง ที่มีความขัดแย้งกัน 2 ฝ่าย ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่มีผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองหลายคนได้ทยอยออกมาให้ความเห็น ให้สติกับสังคม นับตั้งแต่ พล.อ.เปรม นายอำพล เสนาณรงค์ พล.อ.พิจิตร นายอานันท์ โดยเฉพาะพล.อ.เปรม ได้ให้ข้อคิดกับคนในสังคมว่าให้สังคมแยกแยะ ระหว่างคนดีกับคนไม่ดีออกจากกัน และเชื่อว่า สังคมก็สามารถที่จะรับรู้ได้ว่าคนดีเป็นคนอย่างไร แต่น่าเสียดายที่ พล.อ.เปรมไม่ได้ระบุถึงคุณลักษณะของการเป็นคนดีที่สังคมต้องการ แต่เชื่อว่า คนดีในความหมายของพล.อ.เปรม น่าจะหมายถึงคนที่มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ รักชาติ รักประชาชน ยึดมั่นในหลักของศาสนา เคารพในสิทธิเสรีภาพ รวมไปถึงคนดีที่ไม่หนีคดีความอีกด้วย