รองนายกฯ ด้านความมั่นคง ยอมรับอาจมีปรับลดงบประมาณปี 53 เนื่องจากรัฐมีรายได้หดหายไป 2 แสนล้านบาท เชื่อจำเป็นต้องปรับลดจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ เมินเสื้อแดงนัดชุมนุมทวงคืนดีสเตชั่นวันนี้
วันนี้ (6 พ.ค.) วันนี้(6 พ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 08.45น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมครม.ถึงการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2553 ที่ต้องมีการตัดลดงบประมาณการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพลง ว่า ยังเป็นเรื่องที่คิดกันอยู่ ยังไม่ได้ข้อยุติ ความเป็นจริงคือรัฐบาลมีรายได้น้อยลงประมาณ 2 แสนล้านบาท คงต้องกระทบกระทรวงทบวงกรมและโครงการต่าง ๆ แน่นอน หลีกเลี่ยงไม่ได้ เราจะหาทางแก้ปัญหานี้อย่างไรเพื่อให้การพัฒนาประเทศเดินไปข้างหน้าได้ จะเป็นความสามารถของทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล ถ้าเรื่องนี้ถ้านำเข้าปรึกษาหารือกันในครม.คงจะมีทางออกที่ดีกว่านี้ ซึ่งในการประชุมครม.วันเดียวกันก็จะมีการพิจารณากรอบวงเงินรายจ่าย งบฯปี 53 คงมีการพูดคุยกันส่วนหนึ่ง แต่ต้องคุยกันหลาย ๆ ครั้ง
เมื่อถามว่า รัฐบาลพิจารณาความจำเป็นทางภาวะเศรษฐกิจได้โดยไม่ต้องกังวลกับจุดเกรงใจที่มีต่อกองทัพใช่หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวชี้แจงว่า ถามอย่างนี้เป็นการถามที่ทำให้เป็นปัญหาได้ ต้องเรียนว่าต้องเอาประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก กองทัพก็มีหัวจิตหัวใจเหมือนเรา อย่าไปทำให้มีความรู้สึกแปลกแยก
เมื่อถามว่า ภาวะปัญหาเศรษฐกิจเช่นนี้ทุกกระทรวงควรต้องรัดเข็มขัด นาย สุเทพ บอกว่า ก็มีความคิดที่แตกต่างกันอยู่ บางคนเห็นว่าเวลาที่เศรษฐกิจเป็นอย่างนี้รัฐบาลควรจะใช้จ่ายให้มาก เพราะการใช้จ่ายภาครัฐช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจดีขึ้น ใช้ออกไปมากก็เก็บภาษีได้มาก นักเศรษฐศาสตร์ยิ่งทะเลาะกันความเห็นไม่เหมือนกัน แต่การใช้จ่ายนั้นต้องให้ได้ประโยชน์กลับมา แต่การจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ถ้าเป็นความจำเป็นก็ต้องทำ
เมื่อถามว่า ที่ผ่านมากองทัพถูกมองว่าเป็นแบล็คอัพของรัฐบาลนี้ ถ้ามีการตัดงบกองทัพจะส่งผลเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลกับกองทัพหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวย้ำว่า ข้อสงสัยอย่างนี้ก็ต้องระมัดระวัง เพราะกองทัพได้ประกาศจุดยืนชัดเจนว่าเป็นกองทัพของประชาชน เป็นกองทัพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ใครมาเป็นรัฐบาลสั่งการเขาในเรื่องที่ถูกต้องเขายินดีปฏิบัติทำตาม ไม่ใช่ว่ามาแบล็คอัพรัฐบาล กองทัพไม่ได้มาเล่นการเมืองด้วย การเมืองเป็นเรื่องของพรรคการเมืองและนักการเมือง เมื่อพรรคการเมืองมาเป็นรัฐบาลเป็นผู้บังคับบัญชา ก็สั่งงานกองทัพได้
นายสุเทพ ยังกล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ท้องสนามหลวง ว่า ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง และไม่ได้ประเมินการเคลื่อนไหวรอบใหม่ของกลุ่มคนเสื้อแดง ตนไม่ได้สั่งเตรียมกำลังอะไรเป็นพิเศษ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ดำเนินการไปตามปกติ ส่วนการที่มีการเสริมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยปราบจลาจลเข้ามาประจำในทำเนียบรัฐบาลนั้นก็เป็นเรื่องปกติที่ตำรวจต้องมีหน้าที่ดูแล แต่ไม่ได้มากมายอะไร