xs
xsm
sm
md
lg

“สาทิตย์” เชื่อสถาบันกษัตริย์ ศูนย์กลางทำคนไทยกลับมาปรองดองได้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกฯ
รมต.ประจำสำนักนายกฯ ห่วงประเด็นแก้รัฐธรรมนูญกลายเป็นชนวนเหตุทำคนไทยปะทะกันกลางถนนอีกครั้ง ชี้ ต่างฝ่ายต่างสุดขั้ว เล็งหาเวทีเปิดสมองรับฟังทุกฝ่าย เชื่อปัญหาย่อมมีทางออก พร้อมหนุนองค์การภาคประชาชนสร้างความปรองดองในชาติ มั่นใจสถาบันกษัตริย์ยังเป็นจุดศูนย์กลางยึดเหนี่ยวจิตใจคนไทย ให้กลับมารักใคร่ปรองดองกันอีกครั้ง

วันนี้ (5 พ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 14.30 น.นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังตรวจเยี่ยมความเรียบร้อยการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสครบรอบปีที่ 60 แห่งการบรมราชาภิเษก วันที่ 5 พฤษภาคม วันฉัตรมงคล ถึงการขยายผลสร้างให้เป็นเดือนแห่งความสามัคคีปรองดองของคนในชาติ ตามปณิธานของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ว่า คงต้องมีกิจกรรมต่อ เพราะเป็นการเข้าสู่ปีที่ 60 แห่งการบรมราชาภิเษก ปี 2552 นี้ เป็นปีที่ 59 ดังนั้น ในปี 2553 จึงถือเป็นปีมหามงคล คณะกรรมการจะมีการประชุมและประกาศต่อไป

“เราคิดว่างานนี้จะเป็นการที่รวมใจของคนไทยทั้งประเทศในการถวายความจงรักภักดี แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสอันเป็นปีมหามงคล ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้น พระองค์ท่านได้มีพระมหากรุณาธิคุณแก่พี่น้องประชาชนชาวไทย จึงถือโอกาสนี้รวมใจกัน ทั่วประเทศจะมีการจัดกิจกรรมที่หน้าศาลากลาง ทั้งนี้ เข้าใจว่า จะมีคนเข้าร่วมในงานฉัตรมงคลนี้ทั่วประเทศหลายล้านคน” นายสาทิตย์ กล่าว

เมื่อถามว่า บรรยากาศที่เกิดขึ้นจะสร้างความเชื่อมั่นต่อต่างชาติเพียงใด นายสาทิตย์ กล่าวว่า เรามีความเชื่อมั่นกันว่า สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นศูนย์รวมใจของคนไทยทั้งแผ่นดินตลอดระยะเวลาอันยาวนาน การได้มีกิจกรรมที่รวมใจคนไทยก็น่าจะให้ทุกคนมีความรู้สึกว่าเรากำลังทำบางอย่างเพื่อประเทศของเรา เพื่อสถาบันสูงสุดอันเป็นที่เคารพยิ่งของเรา ก็น่าที่จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีอีกครั้ง เพื่อทำให้ทุกคนได้หันกลับมาปรองดองกัน หรือคิดถึงจุดร่วม สงวนจุดต่างทางความคิดต่างๆ เอาไว้ก่อน

ส่วนการเข้าไปสนับสนุนโดยรัฐบาลต่อกรณีองค์กรภาคประชาชนและองค์กรอื่นๆ เริ่มออก มารณรงค์เรื่องการหยุดทำร้ายประเทศไทยนั้น นายสาทิตย์ กล่าวว่า จริงๆ รัฐบาลเชิญชวนทุกฝ่ายมาช่วยกันอยู่แล้ว กิจกรรมหยุดทำร้ายประเทศไทยเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม ต้องยอมรับว่าประสบความสำเร็จมากในแง่การสร้างกระแสความรู้สึกรักประเทศ ไม่ทำร้ายกันทั้งด้วยความคิด การกระทำ คำพูด ดังนั้น กิจกรรมในลักษณะนี้จะต้องเกิดขึ้น เพราะพลังที่เรียกว่าพลังของคนไทยส่วนใหญ่ต้องการความสงบ ต้องการความเรียบร้องของประเทศ คิดว่ากิจกรรมพวกนี้จะช่วย ส่วนจะเป็นเพียงการจุดพลุหรือไม่นั้น คงไม่ เพราะจะมีกิจกรรมต่อเนื่อง กิจกรรมที่เกิดขึ้นจะเป็นสิ่งที่ทำให้คิดได้ในแนวทางเดียวกัน ก็เป็นหน้าที่รัฐบาลจะต้องเดินต่อ จะมีอีกหลายกิจกรรม

เมื่อถามว่า ขณะที่กิจกรรมสมานฉันท์ปรองดองกำลังเดินหน้า แต่ยังมีบางกลุ่มเดินหน้าชุมนุมทางการเมืองต่อเนื่อง นายสาทิตย์ กล่าวว่า จริงๆ นายกฯพยายามดึงทุกอย่างเข้าเวทีรัฐสภา การตั้งคระกรรมการทั้ง 2 ชุด ก็มีส่วนช่วย ทั้งเรื่องการสมานฉันท์และเรื่องรัฐธรรมนูญ ส่วนการไปเคลื่อนไหวภายนอก คิดว่าในสังคมประชาธิปไตยสามารถทำได้ แต่จากประสบการณ์ในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา คงทำให้คิดกันได้ว่า ความรุนแรงเป็นสิ่งสร้างความเสียหาย ดังนั้นถ้ายังมีการชุมนุมเราเชื่อว่าถ้าทำในกรอบสันติวิธีก็ทำได้ รัฐบาลเองก็ต้องยอมรับอีกด้วย แต่ไม่คิดว่าแกนนำจะเลือกวิธีการรุนแรงและสร้างความเสียหายเช่นนั้นอีก เพราะประสบการณ์ช่วงสงกรานต์ทำให้คนไทยส่วนใหญ่ยังมีความวิตกกังวลเรื่องนี้อยู่

เมื่อถามว่า มีหลายฝ่ายมองประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเป็นเงื่อนไขความขัดแย้งใหม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า ไม่คิดว่าการแก้รัฐธรรมนูญรอบนี้จะนำไปสู่ความขัดแย้ง เพราะความขัดแย้งในไทยได้สุกงอมมาถึงจุดหนึ่งที่ได้เกิดความปั่นป่วนวุ่นวาย บนท้องถนน สิ่งนั้นได้บอกเราว่าเป็นประสบการณ์ที่เจ็บปวดและไม่ควรกลับไปหาอีก อย่างน้อยเวทีการแก้รัฐธรรมนูญจะทำให้คนที่อาจมีความเห็นต่างขั้วกันมานั่ง พูดถึงความเห็นของตัวเอง น่าจะมาพบกันตรงกลางได้ จุดเริ่มของการแก้รัฐธรรมนูญอาจเริ่มจากคนที่เห็นด้วยอย่างสุดขั้ว กับไม่เห็นด้วยเลย หรือคนที่คิดว่าทำไมไม่คุยกัน ซึ่งถือเป็นจุดร่วมที่ดี

ส่วนกรณีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกาศจุดยืนต้านการแก้รัฐธรรมนูญและพร้อมออกมาเคลื่อนไหวอีกครั้งนั้น นายสาทิตย์ กล่าวว่า “คิดว่าพันธมิตรฯก็เป็นเสียงที่ดังเสียงหนึ่งที่ทุกคนก็ต้องฟังเขา เช่นเดียวกับกลุ่มอื่นที่เรียกร้องและมีมวลชนจำนวนมากที่เห็นด้วยก็เป็นเสียงที่ดังเสียงหนึ่ง ดังนั้น กรรมการที่ตั้งขึ้นต้องเอาทุกเสียงมารวมกัน เสียงของพันธมิตรฯก็เช่นเดียวกับเสียงของบางท่านในฝ่ายการเมืองที่ไม่เห็น ด้วยกับการแก้รัฐธรรมนูญ แต่ก็ต้องมีเหตุผล คุยกัน แต่ยังดีกว่าต่างคนต่างพูดแล้วไม่มีใครฟังใคร

เมื่อถามว่า แต่เสียงคัดค้านส่วนใหญ่มุ่งค้านไปที่การแก้มาตรา 237 เรื่อง ยุบพรรค และประเด็นการนิรโทษกรรม นายสาทิตย์ กล่าวว่า ก็รับฟังเหตุผล ทุกคนต่างมีเหตุผล ประชาธิปไตยต้องมีทางออก มีจุดลงตัว ประชาธิปไตยไม่ใช่คนอีกฟากความขัดแย้งต้องชนะ โดยอีกคนไม่ได้พูดอะไรเลย แต่ต้องมาพบกันในความคิดที่หลากหลายและคุยกันได้ ฉะนั้นอาจจะมีส่วนหนึ่งที่ไม่ได้ทั้งหมด ขณะที่อีกส่วนก็ไม่ได้เสียทั้งหมด

เมื่อถามว่า พรรคประชาธิปัตย์หนักใจหรือไม่ที่เป็นคนกลางระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลที่ต้องการแก้มาตรา 237 และนิรโทษกรรม กับภาคประชาชนบางส่วนที่คัดค้าน นายสาทิตย์ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่ามาถึงจุดนี้ความเห็นหลากหลายจริงๆ และสุดขั้วกันมาก ถ้าไม่มีเวทีคุยกัน การปะทะกันบนท้องถนนต้องเกิดขึ้นอีก ซึ่งเราไม่ต้องการให้เกิดอีก ก็ต้องมีจุดที่ต้องคุยกัน การเปิดเวทีให้คุยกัน ไม่เฉพาะในรัฐสภา อย่างที่สมาคมนักข่าวต่างๆทำอยู่ก็เป็นเวทีที่ดี ที่อื่นก็ต้องทำ

เมื่อถามว่า รัฐบาลประเมินการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงในวันที่ 10 พฤษภาคมนี้อย่างไร นายสาทิตย์ กล่าวว่า “คิดว่าคงจะมีประเด็นเคลื่อนไหวอยู่ และเป็นประเด็นที่มีเหตุผล ก็ต้องรับฟัง รัฐบาลคงไปห้ามไม่ให้ใครมาชุมนุมไม่ได้ แต่คิดว่าการแสดงออกของทุกฝ่ายของสังคมจะบอกเขาเองว่าเขาควรจะทำอย่างไร”
กำลังโหลดความคิดเห็น