xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” เชื่อ คกก.สมานฉันท์ ช่วยแก้สถานการณ์ขัดแย้งได้ เตือน “เสื้อแดง” เคลื่อนไหวสงบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
นายกฯชวนคนไทยร่วมงานเฉลิมพระเกียรติ “ในหลวง” วันฉัตรมงคล ยันไทยพร้อมรับมือไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ขณะเดียวกัน เชื่อ พร้อมเชื่อ คกก.ทั้ง 2 ชุดที่สภาตั้งขึ้นมา เพื่อสร้างความปรองดองสมานฉันท์ จะช่วยแก้ไขสถานการณ์ความขัดแย้งให้ดีขึ้น เตือนเสื้อแดง เคลื่อนไหวอย่างสงบ พร้อมเปิด 2 เว็บไซต์ แจงทุกเรื่องให้ปชช.รับทราบข้อมูล

วันนี้ (3 พ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งในรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์ถึงการเตรียมจัดประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนกับประเทศคู่ค้าหรืออาเซียนบวกสามบวกหกอีกครั้งหนึ่งว่า ได้ข้อยุติแล้วว่า รัฐบาลจะจัดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ที่ จ.ภูเก็ต และขณะนี้ อยู่ระหว่างการประสานกับบรรดาผู้นำ เกี่ยวกับเวลาของการจัดประชุม ขณะเดียวกัน ฝ่ายความมั่นคงกำลังทบทวนเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้น ในช่วงการจัดประชุมที่พัทยา จ.ชลบุรี เมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งจะนำไปสู่การปรับปรุง และนำเรื่องดังกล่าว เสนอต่อชาติต่างๆ เพื่อรับทราบ


นายอภิสิทธิ์ กล่าวเชิญชวนประชาชน ร่วมแสดงความจงรักภักดี ในวันที่ 5 พ.ค. ซึ่งเป็นวันฉัตรมงคล โดยรัฐบาลได้จัดงานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสทรงครบรอบปีที่ 60 แห่งการบรมราชาภิเษก จึงขอเชิญชวนประชาชนเข้าร่วมงาน ในวันดังกล่าว ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า จนถึงท้องสนามหลวง ตั้งแต่เวลา 17.00 น. - 24.00 น. ขณะที่ภายในทำเนียบรัฐบาล จะมีการจัดงานสโมสรสันนิบาต

นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกวา ส่วนช่วงปลาย สัปดาห์หน้า ซึ่งตรงกับวันวิสาขบูชา และมีการจัดงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา อีกทั้งประเทศไทยยังเป็นเจ้าภาพจัดงานวิสาขบูชาโลก ภายใต้การสนับสนุนขององค์การสหประชาชาตินั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขอให้คนไทยใช้โอกาสนี้ ขัดเกลาจิตใจของตัวเอง และใช้ความเชื่อทางศาสนา นำความสงบสุข และสันติภาพ กลับคืนสู่บ้านเมือง รวมทั้งยังเป็นโอกาสดี ที่จะนำไปสู่ความปรองดอง สมานฉันท์

นายอภิสิทธิ์ ถึงกรณีที่ระบุในที่ประชุมวุฒิสภา วานนี้ (1 พ.ค.) ว่า จะต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 4 มาตรา ว่าเป็นเพียงแค่ยกตัวอย่างเท่านั้น เพื่อให้เห็นว่ามีหลายมาตราที่เป็นปัญหา หรือเป็นอุปสรรคอยู่ ส่วนจะแก้กี่มาตรา คณะกรรมการสมานฉันท์ เพื่อการปฏิรูปการเมือง และศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะเป็นผู้พิจารณา

ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทย ต้องการให้ศึกษา ภายใน 30 วัน เพื่อให้เกิดความรวดเร็ว เพราะมีผลการศึกษาเดิมอยู่แล้ว นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการฯ เพราะยังไม่ทราบว่าแต่ละพรรค มีความคิดสอดคล้องกัน หรือต่างกันมากน้อยแค่ไหน รวมทั้ง ต้องเปิดกว้างให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม

“ผมคิดว่าอยู่ที่ความพอดี ถ้าเราทำโดยที่ไม่ให้ช้าจนเกินไป ก็น่าจะทำได้ แต่ถ้าเราทำโดยไม่ฟังเสียงประชาชนเลย เราก็อาจจะเจอปัญหาเหมือนกับปีที่ผ่านมา ที่กลายเป็นชนวนความขัดแย้ง แทนที่จะแก้ปัญหา ก็กลายเป็นเติมปัญหาเข้าไปให้กับสังคมอีก ผมคิดว่าในส่วนของพรรคการเมืองพิจารณา สมมติว่า 30 วัน พอเห็นว่ามีประเด็นอะไรบ้างที่อยู่ในข่าย ก็อาจจะสรุปในส่วนของตรงนั้น แล้วหากระบวนการว่าต่อไปจะทำอย่างไร ก็จะเป็นกรอบเวลาที่เหมาะสม”นายกรัฐมนตรี กล่าว

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงความน่าเชื่อถือของประธานคณะกรรมการสมานฉันท์ เพื่อการปฏิรูปการเมือง และศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญ และประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมือง โดยเชื่อว่าประธานคณะกรรมการทั้ง 2 คน จะเป็นที่ยอมรับ และหากคณะกรรมการฯ มาจากหลายฝ่ายได้มากเท่าไร ก็เป็นเรื่องดี เพราะต้องการให้ความเห็นหลากหลาย จะได้ไม่มีใครถูกกันออกไปจากกระบวนการนี้

“แต่ทุกคนต้องทำงานโดยมีจุดมุ่งหมายว่า จะทำอย่างไรให้เราสามารถลดความขัดแย้งทางการเมืองบนความถูกต้องได้ ตรงนี้ควรเป็นโจทย์สำคัญที่สุด” นายกรัฐมนตรี กล่าว


นายอภิสิทธิ์ ได้กล่าวทราบว่าในวันพรุ่งนี้ (4 พ.ค.) มีหน่วยงานเอกชนหลายแห่ง เตรียมจัดงานหยุดทำร้ายประเทศไทย หยุดใช้ความรุนแรง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดี และประเทศไทยมีเพียงสีเดียว คือ สีธงชาติ ทั้งนี้ สิ่งหนึ่งที่จะสามารถทำให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้ คือ การแก้ไขปัญหาทางการเมือง ซึ่งเป็นเรื่องรัฐบาลต้องดำเนินการต่อไป โดยช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการ 2 ชุด ประกอบด้วย คณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมือง และศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทำหน้าที่ดูเรื่องการแก้ปัญหาทางการเมือง ซึ่งเป็นการหาทางออก และอาจคาบเกี่ยวกับการแก้รัฐธรรมนูญ ส่วนคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมือง ทำหน้าที่ประมวลเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ในช่วงการแก้ไขปัญหาการชุมนุม ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ที่ผ่านมา โดยคณะกรรมการทั้งสองชุด จะเริ่มทำงาน โดยเร็ว และคณะกรรมการทั้งสองชุด จะเปิดโอกาสให้ประชาชน เข้ามามีส่วนร่วมมากที่สุด อีกทั้งรัฐบาลจะทำงานผ่านคณะกรรมการชุดดังกล่าว เนื่องจากถือว่ามี ส.ส.เป็นตัวแทนรัฐบาล ร่วมทำงานด้วย

อย่างไรก็ตาม นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของการประมวลเหตุการณ์ต่างๆ นั้น รัฐบาลจะตั้งคณะกรรมการขึ้นอีกหนึ่งชุด เพื่อประมวล เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ผ่านเว็บไซต์ www.factreport.go.th? ซึ่งจะเปิดตัวภายในช่วงเที่ยงวันนี้ รวมทั้งจะมีการชี้แจงเกี่ยวกับข้อสงสัยในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ นอกจากนี้ ประชาชนยังสามารถนำเสนอข้อมูลข่าวสารต่างๆ ผ่านเว็บไซต์นี้ได้ เนื่องจากรัฐบาลต้องการให้เกิดความโปร่งใสในทุกๆ เรื่อง และทุกกรณี ที่เกี่ยวกับการปฏิบัติงาน ของรัฐบาล จากการแก้ไขปัญหาการชุมนุม ในช่วงสงกรานต์

สำหรับการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า รัฐบาลได้เดินหน้าอย่างเต็มที่ และได้เปิดเว็บไซต์ www.chuaichart.com แล้ว เพื่อรายงานเกี่ยวกับความคืบหน้า ในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจในด้านต่างๆ และสามารถตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลได้ โดยขณะนี้ มีหลายโครงการ ที่มีความคืบหน้าอย่างมาก เช่น โครงการชุมชนพอเพียง ที่มีการนำเงินลงสู่หมู่บ้านทั่วประเทศ เพื่อดำเนินโครงการต่างๆ ที่สอดคล้องกับแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนั้น ขณะนี้ มีความคืบหน้าเกินเป้าหมายแล้ว โดยได้อนุมัติเงิน และส่งเงินลงไปแล้วถึง 6,000 ล้านบาท หรือ 1 ใน 4 ของโครงการทั้งหมด ซึ่งเร็วกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ อีกทั้งจากการติดตามตัวเลขการกระจายของเม็ดเงิน พบว่า ได้กระจายทั่วทุกภาคแล้ว โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือเร็วที่สุด ตามมาด้วยภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ ตามลำดับ?


นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ 2009 ว่า ขณะนี้ได้เตรียมยาไว้พร้อมแล้ว มีเพียงวัคซีน ที่ยังผลิตอยู่ คาดว่าใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือน ทั้งนี้ ในเบื้องต้นมีผู้ติดเชื้อ 650 คน อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนไม่ประมาท ให้ดูแลรักษาสุขภาพ ให้ ล้างมือบ่อยๆ หากพบผู้มีอาการน่าสงสัยขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ สำหรับคนที่อยู่ในข่ายต้องสงสัย จะแยกตัวนำไปตรวจและเฝ้าระวัง ทั้งนี้ ยืนยันว่ายังไม่พบผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ในประเทศไทย

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า สำหรับการจัดประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียน ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพในวันที่ 7 และ 8 พ.ค. นี้ ที่กรุงเทพฯ ได้รับรายงานจากนายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ว่าได้ประสานกับรัฐมนตรีสาธารณสุขของประเทศฟิลิปปินส์ ว่ามีความพร้อม ที่จะเป็นประธานร่วมกัน ซึ่งการหารือครั้งนี้รัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียน ล้วนมีประสบการณ์ในการเฝ้าระวังโรคติดเชื้อในภูมิภาคอาเซียน เช่น ไข้หวัดนก และโรคซาร์สมาก่อนแล้ว คาดว่าผลหารือจะนำมาใช้ในกลุ่มประเทศอาเซียนได้ทันที

นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงโครงการแก้ปัญหาเศรษฐกิจต่างๆว่า โครงการรับ จำนำข้าวนาปรังนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ ได้มอบหมายคณะอนุกรรมการข้าวแห่งชาติให้เร่งสรุปว่า จำเป็นต้องขยายโควต้ารับจำนำข้าวนาปรังหรือไม่ หลังจากก่อนหน้านี้ กำหนดไว้ที่ 2.5 ล้านตัน และโควต้าใกล้เต็มแล้ว เพื่อนำเสนอต่อ ครม.ในวันอังคารที่จะถึงนี้ อย่างไรก็ตาม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การแทรกแซงราคาพืชผลทางการเกษตร ในลักษณะของการรับจำนำ เป็นวิธีที่มีข้อจำกัดมาก โดยเฉพาะช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีการรับจำนำในราคาสูง และมีเกษตรกรจำนวนมาก ที่ไม่สามารถเข้าสู่โครงการได้ อีกทั้งการรับจำนำในราคาสูง ส่งผลให้สต็อคของรัฐบาลมีมากขึ้น และส่งผลให้เกิดการระบายได้ยาก จึงจะมีการแก้ไขอย่างเป็นระบบ โดยส่วนหนึ่งจะมีการเสนอ ครม.ถึงมาตรการระบายข้าว และสินค้าเกษตรอื่นๆ เช่น มันสำปะหลัง ข้าวโพด ส่วนการแก้ปัญหาในอนาคต จะมีการทดลองเปิดโอกาสให้เกษตรกรซื้อประกันราคาพืชผล โดยจะทดลองกับข้าวหอมมะลิ 2 แสนตันแรก ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงโครงการต้นกล้าอาชีพว่า ในเดือนแรกของการเปิดรับสมัครนั้น มีผู้มาสมัครเป็นจำนวนมาก แต่รัฐบาลมีหลักสูตรอบรมที่หลากหลาย และบางหลักสูตร ยังมีผู้สมัครอบรมไม่ครบ จึงยังไม่สามารถเปิดอบรมได้ ขณะที่เรื่องการดำเนินการเรื่องเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ และค่าตอบแทน อสม.นั้น ได้เริ่มดำเนินการแล้ว และดำเนินการต่อเนื่องทุกเดือน ขณะที่เรื่องของเช็คช่วยชาติ ได้ดำเนินการไปกว่าร้อยละ 80 แล้ว จึงเชื่อว่า จะสามารถรักษากำลังซื้อของประชาชน และสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้

ส่วนการกระตุ้นเศรษฐกิจ รอบที่สองนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในการประชุม ครม.เศรษฐกิจ วันที่ 6 พ.ค.นี้ จะมีการสรุปตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญ และการลงทุนประมาณ 1 ล้าน - 5 แสนล้าน ทั้งในเรื่องของแหล่งน้ำ ระบบคมนาคม การปรับปรุงสถานศึกษา ระบบสาธารณสุข ตลอดจนการส่งเสริมเศรษฐกิจ ในด้านที่เกี่ยวกับความคิดสร้างสรรค์ ภาคบริการ และการท่องเที่ยว โดยที่ประชุมจะได้ข้อยุติเกี่ยวกับงบประมาณประ จำปี 2553 และการลงทุนที่จำเป็นจะต้องเกิดขึ้น ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า รวมทั้งเรื่องของแหล่งเงิน เพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ ส มัยวิสามัญ ในเดือน มิ.ย.
กำลังโหลดความคิดเห็น