“สนธิ” เปิดใจครั้งแรก หลังรอดปาฏิหาริย์จากกระสุนสงครามกว่า 100 นัด มั่นใจปมลอบสังหารโยงการเมือง กรณีเป็นแกนนำพันธมิตรฯ เรียกร้องการเมืองใหม่ กระทบทหารที่กำลังฮั้วผลประโยชน์กับนักการเมืองระบบเดิม ชี้ “อภิสิทธิ์” ต้องเลือก จะให้รัฐบาลอยู่ยาวโดยพรรคอายุสั้น หรือให้รัฐบาลอายุสั้นพรรคอยู่ยาว แต่ยังเชื่อมั่นตัวนายกฯ สั่งล่าตัวการที่แท้จริงให้ได้ พร้อมระบุตำรวจรู้ตัวคนยิง จับได้เมื่อไหร่ สะเทือนหลายวงการแน่ แต่ไม่โกรธใคร พร้อมสวดมนต์แผ่เมตตาให้คนที่ทำ
คลิก! ฟังเสียง"สนธิ ลิ้มทองกุล"ให้สัมภาษณ์==>
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง สนธิ ลิ้มทองกุล ให้สัมภาษณ์
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เปิดใจเป็นครั้งแรกกับ นายบัณฑิต จันทศรีคำ หรือ “แคน สาริกา” บรรณาธิการบริหาร เนชั่นสุดสัปดาห์ เมื่ออังคารที่ วัน 28 เม.ย.ที่ผ่านมา ถึงประเด็นเบื้องลึกกรณีคนร้ายลอบยิงถล่มด้วยอาวุธสงครามกว่า 100 นัด เมื่อเช้ามืดวันที่ 17 เม.ย.52 (บันทึกเทปออกอากาศในรายการ “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” ทางเอเอสทีวี ช่วงเวลา 20.50-21.50 น.วันที่ 1 พ.ค.52)
แคน - ถ้ามองจากคดีลอบสังหารคุณสนธินี่ ทำให้มองถึงบรรยากาศเหมือนเมื่อ 20-30 ปีที่แล้ว การเมืองไทยมันยังไม่เปลี่ยน เลยมองว่า เป็นเพราะเราเสนอการเมืองใหม่รึเปล่า ประเด็นที่เราพูดในเชิงเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างหรือเปล่า ทำให้กลุ่มอำนาจโครงสร้างเดิมๆ ความคิดเดิมๆ ต้องการสลายเราหรือเปล่า
สนธิ - จริงๆ แล้วถ้าเรามองย้อนหลังกลับไปสักนิดหนึ่ง จะเห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับผม มันไม่ใช่เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ ที่ไม่น่าประหลาดใจคือว่า คุณทักษิณ มีโอกาสสร้างการเมืองใหม่ ด้วยรัฐธรรมนูญปี 2540 รัฐธรรมนูญ 2540 ให้อำนาจนายกรัฐมนตรีสูงสุด ให้คุณค่าความเป็นนายกฯ ที่เรียกว่า Strong Prime Minister มีกฎบัญญัติเยอะมากที่ไม่เปิดโอกาสให้พรรคการเมืองเข้าอยู่ในสภามารังแกนายกฯ เหมือนในอดีต ที่ปีหนึ่งเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ 3-4-5 ครั้ง และมีกฎกติกาเงื่อนไข 90 วันการย้ายพรรค มันดูแล้วเหมือนกับว่า มันเป็นการเมืองที่ดูเหมือนเป็นไปได้ แต่เผอิญ รัฐธรรมนูญ 2540 นั้นเกิดขึ้นมาบนเงื่อนไขว่า นายกรัฐมนตรีต้องเป็นคนดี มีจริยธรรม สร้างขึ้นมาโดยตั้งข้อสมมุติฐานว่าคนคนนั้นต้องเป็นคนดี ซึ่งมันผิด ผิดแล้ว คุณทักษิณเลยพลิกผันเอาการเมืองซึ่งเปิดโอกาสให้เขาสามารถสร้างการเมืองขึ้นใหม่เองได้ คือถ้าคุณทักษิณเป็นคนมีจริยธรรม เป็นคนซึ่งไม่แทรกแซงองค์กรอิสระ เป็นคนที่ทำงานเพื่อส่วนรวมแล้ว การเมืองใหม่ในเมืองไทยเกิดขึ้นได้ เกิดขึ้นในลักษณะที่เรียกว่า การทำงานก็ไม่มีใครมารังแก
ขณะเดียวกัน องค์กรอิสระก็สามารถทำงานได้อย่างอิสระ แต่นี่มันผิดฝา ผิดเหล่าหมดเลย คือการเมืองมีการแทรกแซงได้ การยุบพรรครวมพรรคก็ทำเพื่อเจตนารมณ์ของการรวมเป็นพรรคเดียว ให้ตัวเองมีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดอยู่ในมือ คือคุณทักษิณกำลังมองการเมืองปี 2540 เหมือนกฎหมายการร่วมทุน คือการเทกโอเวอร์พรรค การควบรวมกิจการและมองการเมืองในเชิงธุรกิจเหมือนอย่างที่ครอบครัวเขาเป็น มันเลยเกิดกาวการณ์ที่ทำให้คนมีความรู้สึกว่า การเมือง 2540 ซึ่งในสายตาผมแล้วเป็นการล้มเหลว
เพราะฉะนั้น เมื่อเกิดการรัฐประหาร วันที่ 19 กันยายน มันเลยเกิดภาวการณ์ตีกลับไปหมด ถ้าคุณแคนจะสังเกตให้ดีๆ ว่า คมช.และพล.อ.สุรยุทธ์ นั้นคือตัวปัญหา เพราะคนพวกนี้ไปยึดถือกติกาเก่าๆ ว่าถ้าตัวเองมีอำนาจในมือแล้ว มีรัฐบาลแล้ว ใครก็ไม่สามารถปลดได้ นั่นคือที่มา ที่เขาไม่พยายามที่จะพัฒนาการเมืองต่อไป ให้มันดีกว่าเก่า แต่เขากลับย้อนไปเล่นการเมืองเก่า คือการเมืองประเภทที่เรียกว่า สมบัติผลัดกันชม
อุปมาอุปไมยเหมือนคุณทักษิณเข้ามาเล่นการเมืองแล้ว คุณทักษิณชักสะพานออกหมดเลย ใครทอดสะพานมา หรือใครที่เคยจะทอดสะพาน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มที่มีผลประโยชน์ กลุ่มนู้นกลุ่มนี้ ซึ่งแต่ละคนมีผลประโยชน์ในประเทศไทยทั้งหมด ซึ่งคุณทักษิณมากินรวบคนเดียว พอกินรวบคนเดียว ทุกคนมารวมตัวกันสู้แก พอกลุ่ม คมช.เข้ามา มองว่า ปัญหาทักษิณจบแล้วด้วยการรัฐประหาร คือมองแบบไร้เดียงสา เข้าใจง่ายๆ เขาไม่ได้เข้าใจว่า 6 ปี ที่คุณทักษิณอยู่ คุณทักษิณเขาได้เอาการตลาดมานำการเมือง เขาเอาลาภยศ กิเลส เข้ามาเป็นสิ่งจูงใจ เขาไม่ได้เอาจริยธรรม คุณงามความดีเข้ามานำ
เพราะฉะนั้นแล้ว คมช.แก้ไม่ได้ แต่ คมช.ไปมีความเข้าใจผิดเดิมว่า ถ้าเขากุมอำนาจรัฐแล้ว คุณทักษิณย่อมไม่มีสิทธิ์ที่จะหือ ด้วยเหตุนี้เมื่อเขากลับมากุมอำนาจรัฐก็เลยเริ่มการเมืองเก่า คือว่า ผลประโยชน์แบ่งกันไป ผมจะทำอย่างโน้น คุณก็ทำอย่างนี้ คุณก็ทำไป แต่ผมไม่ยุ่งคุณ คุณไม่ยุ่งผม แทนที่จะมาแก้ไข ดัดแปลงขึ้นมา อันนี้มันเลยต่อเนื่องมาเรื่อยๆ ต่อเนื่องมาเรื่อยๆ จนกระทั่งคุณทักษิณมีนอมินี คือคุณสมัคร นอมินีคุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นอมินีคุณสมชาย นอมินีคุณสมัคร เป็นปรากฏการณ์ชั่วคราวเฉยๆ แต่ที่จริงแล้ว ช่วงคุณทักษิณออกไป แล้ว เริ่มเกิดสุญญากาศทางการเมือง ถึงแม้คุณทักษิณจะบินไปโน้นมานี่ บินไปเขมร มาที่ฮ่องกง ออกอากาศให้สัมภาษณ์ ก่อกวน สร้างความปั่นป่วน แต่ในที่สุดแล้ว ผมเคยเชื่อเสมอว่า คุณทักษิณกลับมาไม่ได้ หลังจากที่โดนคดีความแล้ว
แต่ผมสนใจว่า การเมืองชุดปัจจุบันที่มันเกิดขึ้น หลังจากคุณทักษิณไป มันเกิดขึ้นได้ยังไง มันก็เกิดขึ้นมาได้วันที่ทหารตัดสินใจไปบีบพรรคร่วมรัฐบาลให้ย้ายค่ายออกมาอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ ก็ทำให้ผมเห็นภาพชัดเจนว่า นี่คือการเมืองเก่า 100% ที่ทหารยังต้องการให้เป็นอยู่ หรือกลุ่มการเมืองเก่าต้องการให้เป็นอยู่ กลุ่มคุณเนวินไม่มีวันต้องการการเมืองใหม่ เพราะถ้าการเมืองใหม่มันโปร่งใส เขาทำอะไรไม่ได้ และถ้าการเมืองเก่าแบบนี้ เขาทำได้ตลอด
เขาไปมองว่า สมมติเขาเอาคุณประวิตร วงษ์สุวรรณ เข้ามาลงทุนในพรรคภูมิใจไทย แล้วยุบสภาเลือกตั้ง ชูประวิตรเป็นหัวหน้าพรรค แล้วใช้เงินซื้อเสียง ใช้อำนาจรัฐซึ่งเขามีอยู่ กระทรวงมหาดไทยบ้าง ตำรวจบ้าง น้องชายคุณประวิตร แต่งตั้งคนของเขา แล้วคะแนนเสียงเขามาที่หนึ่ง เมื่อคะแนนเสียงที่ 1 ไม่มีใครกล้าหือ เพราะทำไม เพราะเขาเป็นพรรคทหารไง สมมตินะ สมมติคุณประวิตร เป็นนายกฯ คุณอนุพงษ์ก็รอ จนกระทั่งถึงงวดหน้า คุณอนุพงษ์เกษียณ คุณอนุพงษ์ก็เป็นต่อ สืบทอดมรดก แบบว่าสมบัติผลัดกันชม
ด้วยเหตุตรงนี้ พวกนี้ถึงเกลียดการเมืองใหม่ เพราะการเมืองใหม่คือสิ่งที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยโดยเฉพาะผมเรียกร้อง ผมเรียกร้องความโปร่งใสในการทำงาน เพราะผมเห็นว่า ชาติบ้านเมืองมันไปไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ไม่มีทางไปได้อีกต่อไป คุณดูสิ ยกตัวอย่างง่ายๆ การบินไทยขาดทุนขนาดไหน 20,000 กว่าล้าน ยังไม่ทันไร รัฐมนตรีชุดคุณเนวิน เมื่อวานนี้เพิ่งมีมติว่า อยากจะสั่งซื้อเครื่องบิน 40 ลำ ถามว่าซื้อทำไม 40 ลำ 40 ลำๆ ละพันล้าน ก็ 40,000 ล้าน ส่วนแบ่ง 3% ก็ 1,200 ล้าน ก็ซื้อมากินค่าเปอร์เซ็นต์ 1,200 ล้าน และเงิน 1,200 ล้านเอามาทำไม ก็เพื่อเอาไปเพื่อเล่นการเมืองต่อ เอาเงินไปซื้ออำนาจเข้ามา
เพราะฉะนั้นแล้วตรงนี้ มันเป็นวงจรอุบาทว์ ซึ่งตัดไม่ขาดซักที และคนซึ่งสามารถตัดขาดได้ คือทหาร แต่ทหารมีคนบางคนทะเยอทะยาน ไม่ได้มองระยะยาวว่าชาติบ้านเมืองจริงๆ มันต้องการของใหม่ สังเกตอย่าง กลุ่มทหาร กลุ่มคุณเนวิน ยอมรับว่าข้อผิดพลาดของกลุ่มเสื้อแดง เพื่อไทย พลังประชาชนหรือพรรคนอมินีต่างๆ ที่ผิดพลาด ก็คือ การจาบจ้วงสถาบันกษัตริย์ การมีเจตนาล้มล้างสถาบันกษัตริย์ เขาเห็นว่าตรงนี้เป็นอันตราย สู้ไม่ได้
เพราะฉะนั้น พวกนี้เลยออกแบบการเมืองมาว่า ตราบใดก็ตาม หากไม่มี การเมืองที่จะเล่นกันต่อไป ถ้าไม่มีการจาบจ้วงสถาบันกษัตริย์ เทิดทูนสถาบันกษัตริย์ ไม่ต้องไปแตะต้อง เพราะฉะนั้นแล้ว จะไม่มีใครมายุ่งกับเขา เขาก็สามารถเล่นการเมืองน้ำเน่าแบบไหนก็ได้ จะสร้างกี่สนามบิน กี่รันเวย์ก็ย่อมได้
เพราะฉะนั้นแล้วด้วยเหตุอันนี้จะเห็นว่า ถ้าเขาทำอย่างนี้ได้ ก็เข้าไปสู่ผลประโยชน์แห่งชาติ โดยเขาอ้างว่าสถาบันกษัตริย์มั่นคง โดยเขาหารู้ไม่ว่า มันเป็นความมั่นคงระยะสั้น แต่ระยะยาวแล้ว เมื่อชาติบ้านเมืองลำบาก สังคมไทยล่มสลาย เสาหลักต่างๆ เศรษฐกิจมันพัง สถาบันกษัตริย์ก็ต้องไป การเมืองใหม่ มันไม่ได้หมายถึงแค่ คิดใหม่ ทำใหม่ หรือว่า หาวิธีที่ให้ทุกคนมีส่วนร่วม การเมืองใหม่มันหมายรวมจนถึงยับยั้ง ยุติ แนวทางการของการคอร์รัปชั่นกัน ตรงนั้นต่างหากที่เขารับกันไม่ได้
ตรงนั้นต่างหากที่เขารับกันไม่ได้ เพราะฉะนั้น การลอบสังหารผมครั้งนี้ แท้จริงคือ เขาเห็นว่า ผมคืออุปสรรคอันใหญ่ที่สุด เพราะผมรู้ทันเขาหมด และผมชี้ให้เห็นเลยว่า ตั้งแต่ต้น ผมพูดตั้งแต่ 3-4 วันก่อน ก่อนที่ผมจะถูกยิง ชัดว่าคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถูกลอบสังหาร 2 ครั้ง ครั้งแรกที่พัทยา ครั้งที่ 2 ที่ กระทรวงมหาดไทย เพียงเพื่อ เป็นมูลเหตุให้เกิดการปฏิวัติขึ้นมา เพียงแต่ว่าตอนนั้นคุณอภิสิทธิ์รอดอย่างปาฏิหาริย์ เหมือนที่ผมรอด แต่รอดคนละปาฏิหาริย์ คุณอภิสิทธิ์รอดปาฏิหาริย์แบบไม่เจ็บตัว แต่ผมรอดแบบเจ็บตัว ถูกไม่ถูก
เพราะฉะนั้น คุณอภิสิทธิ์เองก็เลยเจอปัญหาใหญ่ขณะนี้ว่า คุณอภิสิทธิ์จะเลือกเดินอย่างไร การที่ผมรู้ทันเขา ทำให้เขามีความรู้สึก อีกอย่างหนึ่ง คือผมไปเปิดโปงสุภาพสตรีคนหนึ่ง ซึ่งในภาพแสดงออกว่าเป็นคนใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาท ก็เลยเกิดการลงขันกัน เกิดการเขาเรียกว่ากฐินสามัคคี คนเขาบอกว่า ผมโจทก์เยอะ ผมไม่ปฏิเสธคุณแคน เยอะมาก เพราะสิ่งที่ผมสู้ ผมสู้กับคนเกือบทั้งแผ่นดินที่คิดชั่ว คือเมื่อใดก็ตามคุณยืนอยู่บนจุดความโปร่งใส คุณยืนบนความซื่อสัตย์สุจริต และคุณบอกว่าชาติบ้านเมืองต้องทำเพื่อส่วนรวม มันต้องยุติการทำเพื่อส่วนตัว ถ้าไม่ทำเพื่อส่วนรวมแล้ว ชาติบ้านเมืองจะไปไม่รอด ถ้าเมื่อใดคุณคิดแบบนี้ คุณแคน คุณหันซ้ายก็เจอศัตรู หันขวาก็เจอศัตรู อยู่ข้างล่างก็เจอศัตรู แต่จะทำยังไง คุณก็ต้องเดินหน้าต่อไป
แคน - ถ้ามองอย่างนี้ ต้องถามว่าทหาร กลุ่มอำนาจปัจจุบัน มองว่า การเมืองใหม่เป็นอุปสรรค แสดงว่าสิ่งที่อีกฝ่ายชูประเด็นเรื่องโค่นอำมาตย์ หรือโค่นศักดินา ยังอันตรายน้อยกว่าการเมืองใหม่
สนธิ - อืม...ทหารอยู่ในภาวการณ์ ทหารบางคน อยู่ในภาวการณ์น้ำท่วมปาก ด้านหนึ่งแสดงว่าตัวเองจงรักภักดีต่อสถาบัน แต่ลึกๆ ไม่สนใจหรอก ในเชิงลึก ผมรู้เลย ไม่ได้คิดอะไรทั้งสิ้น ขอให้ตัวกูได้ ขอให้กูมีงบประมาณซื้ออาวุธ ขอให้กูยิ่งใหญ่ขึ้นมา สถาบันจะมีไม่มี ไม่สำคัญ แต่ความที่อยู่ในตำแหน่งหน้าที่ ที่จำเป็นต้องแสดงออกว่า มีความจงรักภักดี ก็เลยอยู่ในภาวะของคนที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก สิ่งที่คุณแคนพูดมันก็ไม่ผิด ไม่ผิดหรอกที่คุณแคนพูด เพราะจริงๆ แล้วสำหรับเขา การเมืองใหม่น่ากลัวกว่า น่ากลัวกว่าระบบเก่า คือระบบที่มีอำมาตยาธิปไตย ซึ่งวันนี้เราต้องเคลียร์กันชัด ระบบอำมาตยาธิปไตยที่พวกเสื้อแดงพูดมานั้น ผมเชื่อว่ามันไม่มีแล้วนะ คุณไปดู มันมีที่ไหน ผมหาไม่เจอ ไม่มี จะมีที่ไหนล่ะ อำมาตยาธิปไตยที่ไหน สมมติ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ท่านเป็นอำมาตยาธิปไตยได้ยังไง ถ้าท่านเป็นอำมาตยาธิปไตย ทำไม หม่อมหลวงปลื้ม ชื่ออะไร หม่อมหลวงณัฐกรณ์ ทำไมต้องมาลงรับสมัครเลือกตั้งผู้ว่า ทำไม ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ต้องลงสมัคร ไม่มีแล้วอำมาตยาธิปไตย แต่ว่าทหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บางคนที่มีความทะเยอทะยาน จะกลัวการเมืองใหม่มาก เพราะเขาจะไม่มีบทบาท ในการแสดงออก หรือที่สำคัญเขาจะไม่มีบทบาทในเรื่องผลประโยชน์ของชาติบ้านเมือง
คุณแคน ทหาร คนซึ่งขึ้นสู่ตำแหน่งผู้บัญชาการทหาร ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งผู้บัญชาการอะไรก็ตาม โบนัสข้อแรกคืออะไรรู้ไหม งบลับ ได้ใช้อยู่แล้ว งบลับทุกๆ 100 บาท ใช้จริง 50 บาท อีก 50 บาทเข้ากระเป๋าตัวเอง อันที่สอง ทหาร งบซื้ออาวุธ งบซื้ออาวุธ ใครได้ ผู้ใหญ่ที่สูงสุดในกองทัพ เป็นคนเคาะเองว่า ล็อตนี้ซื้อกับเจ้าไหน อาวุธก็มีค่าคอมมิชชั่นเหมือนเครื่องบิน เครื่องบิน 3% อาวุธอาจจะ 5% 10% ก็แล้วแต่
ผลประโยชน์ตรงนี้ สำคัญมาก เมื่อผลประโยชน์ตรงนี้สำคัญมากแล้ว เขาต้องการการเมืองใหม่ทำไม เขาไม่ต้องการ เขากลับต้องการมีความสุข คบกับคุณเนวิน เขามีความสุข เพราะรู้ว่า เนวินต้องพึ่งเขา พึ่งเขาในการใช้กำลัง หรือพึ่งเขาในการใช้วิถีทางไปข่มขู่พรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม เฮ้ย ถ้าคุณไม่พอใจ คุณทำอย่างนี้ เดี๋ยวผมยึดอำนาจนะ คือใช้วิธีเดิมๆ ในขณะที่เนวินก็แฮปปี้ เพราะทหารก็ต้องพึ่งเนวิน เพราะทหารไม่สามารถออกหน้าเต็มตัวได้ ก็เลยต้องให้นักการเมืองแบบนายเนวินออกหน้า มันก็เลยเจือสมกันหมดทั้ง 2 ฝ่าย แล้วประเทศชาติอยู่ตรงไหน และในที่สุดแล้วประชาชนก็ถูกสูบเลือดสูบเนื้อไปทีละนิด ต้นทุนสังคมก็แพงขึ้น สนามบินก็แพงขึ้น ใช่ไหมฮะ ดอนเมืองกับสุวรรณภูมิเห็นได้ชัด
การรวมดอนเมืองกับสุวรรณภูมิไม่ใช่เพื่อใคร เพื่อนักธุรกิจรายเดียวที่ทำธุรกิจดิวตี้ฟรี แค่นั้นเอง ไม่ได้สนใจอะไรเลย รวมเพื่อให้ปริมาณของผู้โดยสารมากพอ ตามที่สัมปทานนักธุรกิจ เจ้าของดิวตี้ฟรีเขาขายสัมปทานต่อไป และรวมเพื่อให้ตัวเลขนั้น เป็นความชอบธรรมในการเสนอโครงการสร้างสนามบินรันเวย์ที่สามขึ้นมา อีก 75,000 ล้าน
แคน - ถ้าพูดประเด็นนี้ มันมีคนที่วิจารณ์พันธมิตรฯ วิจารณ์คุณสนธิ ว่า จริงๆ แล้ว พันธมิตรฯ เองไม่ใช่เหรอที่เรียกร้องให้ทหารออกมา เรียกร้องให้ทหารมีบทบาทอีกครั้ง
สนธิ - จริงๆ แล้วเนี่ย โดยส่วนตัวผมนะ คุณแคน ผมไม่ได้รังเกียจการปฏิวัติรัฐประหารเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ขึ้นอยู่กับคุณจะปฏิวัติรัฐประหารไปเพื่อใคร ถ้าคุณปฏิวัติรัฐประหารเพื่อสมบัติผลัดกันชมอย่างที่คิดจะทำ 2-3 วันนี้ ผมไม่เอาด้วย หรือเหมือนสมัยที่ คมช.ทำ ผมไม่เห็นด้วย แต่ถ้าคุณปฏิวัติรัฐประหารเพื่อให้ชาติบ้านเมืองดีขึ้น ผมเอาด้วย คุณแคนคุณมีครอบครัว คนที่มีครอบครัว ถามซิว่าอยู่ในบ้าน มีลูก มีเมีย คุณเคยคิดจะปฏิวัติครอบครัวบ้างไหม ลูกนอนดึกตื่นสาย เมียเอาแต่เล่นหวยเล่นไพ่ แต่งตัว ไม่ดูแลลูก คุณอาจลุกขึ้นมาวันหนึ่ง บอกทุกคนบอกว่าจากนี้ไป กติกาเปลี่ยนใหม่หมดนะ นี่คือการปฏิวัติบ้าน เพื่อให้เมียเลิกเล่นหวย เลิกเล่นการพนัน เพื่อให้ลูกทำการบ้านมากขึ้น อยู่กับบ้านมากขึ้น ไม่ต้องนอนดึก ไม่ไปเที่ยวนอกบ้าน 3 เพื่อครอบครัว อยู่ร่วมกัน นี่คือการปฏิวัติที่ดี มีอะไรมั่งในโลกนี้ ไม่มีการปฏิวัติ
ทุกอย่างที่มีการเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนแปลง 2 อย่าง เปลี่ยนแปลงด้วยการปฏิวัติ หรือเปลี่ยนแปลงด้วยการค่อยๆ ทำ ค่อยๆ ไป เข้าใจไหม ถามว่า พันธมิตรฯ เรียกร้องทหารออกมาหรือเปล่า ใช่ ผมไม่รู้คนอื่นนะ แต่ผมพร้อมเรียกร้องให้ออกมา ต้องออกมา แต่ผมพูดตลอดเวลา ถ้าคุณแคนฟังให้ดีๆ นะ ผมบอกว่าทหารออกมาผมไม่ขัดข้อง แต่ถ้าทหารปฏิวัติเพื่อตัวเอง ผมจะสู้ จริงๆ จุดยืนผม กับจุดยืนเสื้อแดงไม่ต่างกันหรอก ไม่ต่างกัน ถ้าทหารออกมาปฏิวัติเพื่อตัวเอง ผมจะสู้ แต่ถ้าปฏิวัติเพื่อให้สังคมดีขึ้น ทีนี้สังคมมันดีขึ้น ระหว่างผมกับเสื้อแดงต่างกันแหละ ต่างกันตรงที่ผมมองเห็นว่าสถาบันพระมหากษัตริย์มีความจำเป็นต่อสังคมไทย ยังมีความจำเป็นอยู่ ส่วนใครเหมือนที่อาจารย์ไชยพรพูด ส่วนใครจะเป็นกษัตริย์หรือเป็นอะไรก็ตาม ถ้าดีก็ดีไป มีบุญญาธิการก็ดีไป ถือเป็นทศพิธราชธรรม เป็นบุญประเทศ แต่ถ้าไม่ดีก็ช่วยไม่ได้ สังคมโดยส่วนรวมต้องเป็นคนตัดสิน
เพราะฉะนั้น จุดยืนผมตรงนี้ชัด เมื่อชัด แต่เสื้อแดงไม่ชัด เสื้อแดงไม่เอาตรงนี้ มันก็เป็นข้อแตกต่างปรัชญาของการที่ว่า คุณเชื่อประเทศไทยจะเดินต่อไปด้วยโครงสร้างสังคมแบบไหน ผมยังเชื่อว่า โครงสร้างสังคม ของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นโครงสร้างที่ดีที่สุด เพราะฉะนั้นข้อแตกต่างระหว่างผมกับเสื้อแดงอยู่ตรงนี้ แต่เขากับผมเห็นพ้องต้องกัน เขาก็ต้องการปฏิวัติสังคมไม่ใช่เหรอ ผมก็ต้องการปฏิวัติ แต่เขาปฏิวัติด้วยการใช้ความรุนแรงให้เกิดความรุนแรงทั่วประเทศ แต่ผมปฏิวัติต้องการให้นุ่มนวล ผมบอกทหาร อย่างนี้คุณไปไม่ไหวใช่ไหม คุณพร้อมจะออกมาไหม คุณออกมาแล้วทำประเทศชาติให้ดีขึ้น แล้วเราจะสนับสนุนคุณ ใช่ไหม ไม่ต่างกัน ต่างกันแค่วิธีการเท่านั้นเอง
แคน - ในแง่ของ ถ้ามองอย่างที่คุณสนธิบอก สมมุติว่ามีทหารออกมาปฏิวัติแล้วเปลี่ยนแปลงเป็นการเมืองใหม่อย่างที่ว่า สังคมไทย กับสังคมโลกจะมองเราอย่างไร ถ้าเราเปลี่ยนแปลง
สนธิ - ข้อผิดพลาดของสังคมไทย คือ ไปแคร์สังคมโลกมากเกินไป เราผิดพลาดมานานแล้ว 1.เราแคร์สังคมโลกมากจนเกินไป 2.เราใช้ทฤษฎีการศึกษาของสังคมโลกมากเกินไป หลักทฤษฎีทางเศรษฐกิจ ไอ้ที่เราเจ๊งทุกวันนี้ ไม่ใช่เพราะว่าเรามีนักเรียนจบ MBA มากเกินไปหรือ หรือจบเศรษฐศาสตร์จากอเมริกามากเกินไป ผมคิดว่าประเด็นสำคัญที่สุด เราต้องถามตัวเองก่อน ว่าเราคือใคร ทุกวันนี้ เรายังไม่รู้จักเลยว่าเราคือใคร
คุณแคน ผมเห็นทุกวันนี้เขาคุยกันเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ ผมว่าสังคมไทยเข้าใจผิดนะว่า การมีรัฐธรรมนูญคือการมีประชาธิปไตย ซึ่งมันไม่ใช่ รัฐธรรมนูญคือวิธีการปกครอง รัฐธรรมนูญคือวิธีการปกครอง จนวันนี้เรามีรัฐธรรมนูญมาแล้วไม่รู้กี่ฉบับ เป็นประเทศที่มีเยอะที่สุด เรายังไม่รู้เลยว่า เรามีหลักการปกครองอยู่ที่ไหน คุณแคนคุณต้องเริ่มด้วยหลักการปกครองก่อนสิ ถูกไหม ทำไมพระพุทธเจ้าไม่ร่างพระวินัยก่อนพระธรรม พระพุทธเจ้าต้องตรัสรู้ก่อนค่อยร่างพระธรรมคำสั่งสอน พอพระธรรมคำสั่งสอนเสร็จค่อยร่างพระวินัย หลักการปกครองต้องเกิดขึ้นก่อนซิ จะปกครองอย่างภราดรภาพหรือเปล่า จะปกครองด้วยการเอื้ออาทรหรือเปล่า จะปกครองอย่างให้สิทธิเสรีภาพในการทำมาหากิน
เฉพาะข้อนี้ข้อเดียวก็พูดไม่รู้จบ สิทธิเสรีภาพในการทำกินเท่าเทียมกัน แต่ว่า คุณแคนต้องไม่ให้ทุนใหญ่รังแกทุนเล็กนะ เพียงแค่นี้ก็ขยายความได้เต็มไปหมดแล้ว เพียงแค่นี้คุณก็สามารถออกกฎหมายรัฐธรรมนูญได้แล้ว ว่าเพื่อให้คนไทยมีสิทธิเสรีภาพในการทำมาหากินเท่าเทียมกัน เพราะฉะนั้นใครก็ตามมีทุนมากกว่า ไม่สามารถมาตั้งแมคโคร เทสโก้โลตัส ในพื้นที่ที่ชาวบ้านเขาตั้งโชวห่วยได้ นี่ยกตัวอย่างให้ฟังแค่ตัวอย่างเดียว เราจะให้การศึกษาเท่าเทียมกันไหม เราจะยอมรับภูมิปัญญาท้องถิ่นไหม ถ้าเรายอมรับภูมิปัญญาท้องถิ่น ก็หมายความว่าไง หมายความว่า เราต้องยอมรับว่า วิชาต่างๆ เหมือนที่พระอาจารย์ชัยณรงค์ท่านกำลังรักษาผมนี่ วิชาต่างๆ เหล่านั้นต้องถูกยอมรับเข้าไปในกระแสหลักของสุขภาพด้วย ผมยกตัวอย่างให้คุณฟัง
เพราะฉะนั้นแล้ว เมื่อหลักการปกครองเราไม่เคยมีมาเลย ให้ตาย คุณไปเช็กมาได้เลย ตั้งกี่ยุคกี่สมัยไม่เคยมี จนวันนี้เรามีรัฐธรรมนูญ เรายังไม่รู้เลยว่ามีไปเพื่ออะไร เราควรจะมีความเสมอภาคไหม รัฐธรรมนูญนี้ ระบุว่า มาตรานี้ ทุกคนต้องมีความเสมอภาคแค่นั้นเอง แต่นั่นเป็นหลักการปกครองของเราหรือเปล่า เป็นหลักที่สุด ของเราหรือเปล่า ไม่มี มันเป็นหลักของคนร่างว่ามันต้องมีอย่างนี้แค่นั้นเอง เพราะฉะนั้นต้องมีการคุยกันก่อนระหว่างประชาชน ว่าหลักการปกครองคืออะไร ถกเถียงกันก่อนให้เรียบร้อย มีฉันทามติทั่วประเทศ ว่าหลักการปกครองที่เราทำมา 1 ปี ศึกษามา 1 ปี ประชาพิจารณ์มา 1 ปี เบ็ดเสร็จไม่เกิน 14 หลักๆ การปกครอง 14 หลักการปกครองเห็นชอบด้วย เราค่อยมาออกประชามติ ว่า เห็นด้วยไหม 14 หลักการปกครอง หลักใหญ่ที่สุดของประเทศ ถ้าทุกคนเห็นด้วยเราค่อยมากำหนดร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อเป็นเครื่องมือในการปกครองต่อไป
เพราะฉะนั้นแล้ว คุณแคน ด้วยเหตุนี้เราถึงพูดกันไม่จบซะที ว่ารัฐธรรมนูญเราไปลอกเลียนต่างประเทศ ก็ไม่ลอกเลียนได้ไง ในเมื่อเรายังไม่รู้จักตัวเราเองเลยว่าต้องการอะไร ไม่เชื่อไปถามพวกอาจารย์คณะรัฐศาสตร์ อาจารย์นิติศาสตร์ อาจารย์ที่มีความรู้เยอะแยะไปหมดว่า จริงๆ แล้ว เมืองไทยควรเดินหน้าไปยังไง เคยมีใครทำบ้างไหม มีแต่แก้เท่านั้นเอง พอ 40 ไม่เวิร์ค เพราะว่าผู้นำมันเลว ไม่มีคุณธรรม จริยธรรม ก็ไปร่าง 50 ที่มันเหี้ยมเกรียม เข้มแข็งกว่า 40 เห็นไหม ตอนนี้ก็จะแก้อีกเห็นไหม เข้าใจยังคุณแคน
แคน - อย่างที่คุณสนธิบอก ถ้าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงไปสู่เมืองใหม่ก็ต้องทำตรงนี้ก่อน
สนธิ - ใช่ เราต้องกำหนดหลักการปกครองก่อน แล้วค่อยมาว่าถึงวิธีการปกครอง เราต้องเอาทุกภาคส่วน เสื้อแดง เสื้อแดงที่รักชาติก็มี ไม่ใช่ว่า เขา ผมไม่ได้เป็นคนเกลียดเสื้อแดงนะ ผมมีความรู้สึกว่าเสื้อแดงเขามีเจตนาดี บางคน เพียงแต่ว่า เขาได้รับข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง นั่นข้อที่ 1 ข้อที่ 2 ที่สำคัญคือ เขาไม่เคยรู้ว่าเขานี่เป็นเครื่องมือ
คุณแคนจำไว้อย่าง พวกเราพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย สมาชิกเรา พันธมิตรฯเรา แกนนำไม่เคยใช้พวกเขาเป็นเครื่องมือ เราโปร่งใสกับพวกเขาทุกเรื่อง ไม่ว่าเรื่องไรก็ตาม เราโปร่งใสหมด เราจะทำอะไรบอกเขาหมด ต่างจากเสื้อแดง เสื้อแดงทำอะไร ตกลงเพียงไม่กี่คน คุณวีระ คุณจตุพร คุณณัฐวุฒิ แล้วก็คุณ อะไรก็ไม่รู้ หมอเหวง 4-5 คนนั้น แล้ว 4-5 คนนั้น เบื้องหลังยังมีอีก ยังมีข้างหลังอีกไม่รู้กี่คน และไล่ไปเรื่อยๆ เป็นชั้นๆ ไปจบที่คุณทักษิณ ชินวัตร เพราะฉะนั้นคนเสื้อแดงเป็นคนที่ ผมไม่อยากใช้คำว่า น่าสงสาร เขาเข้าได้ไม่ถึงข้อมูลจริงๆ
ผมคิดว่าคนที่มีเจตนาดีต่อบ้านเมือง เสื้อแดงมีเยอะ คุณไม่สังเกตหรือว่า ช่วงหลัง ตั้งแต่เห็นภาพคนเสื้อแดงไปเผารถเมล์ ปริมาณคนที่สนับสนุนเสื้อแดงลดน้อยลงไปเยอะ เพราะเหตุนี้ไง คุณแคน เพราะเหตุนี้ ผมถึงบอกว่า เขามองบ้านเมืองไทย ด้วยเหตุนี้คือ กระบวนทัศน์ตรงนี้ ทหารยังไม่เรียนรู้ ทหารมาเรียนรู้อย่างเดียวว่า เสื้อเหลืองเสื้อแดง คือตัวการทำให้ชาติแบ่งแยก การคิดและมองประเด็นแบบนี้ มันมองง่ายจนเกินไป
แคน - แต่ก็มีคนคิดอยู่นะ ว่าแดงกับเหลืองเป็นปัญหา ต้องจัดการทั้งเสื้อเหลืองเสื้อแดง
สนธิ - แล้วไง ผมก็อยากถามคนพวกนั้น ว่าเมื่อคุณจัดการคน 2 สีเสร็จแล้ว คุณคิดว่าบ้านเมืองสงบใช่ไหม สงบเพราะอะไร สงบเพราะไม่มีใครประท้วงแล้วใช่ไหม คำว่า ไม่มีใครประท้วง เป็นเรื่องดีหรือไม่ดี
แคน - เขาก็คงมองว่า เศรษฐกิจมันดีขึ้น คนทำมาค้าขาย
สนธิ - ไม่ใช่เลย เขาเข้าใจผิดหมดทุกอย่าง สิ่งที่เสื้อแดงทำ เสื้อเหลืองทำ จะดีจะชั่ว ถึงแม้เสื้อแดงจะใช้ความรุนแรงอะไรก็ตาม แต่อย่างน้อยที่สุดมันเป็นการเปิดโอกาสให้มีประชาชนอีกกลุ่มหนึ่ง จะถูกหรือผิดก็ตาม ออกมาแสดงความคิดเห็นได้ การที่มีสิทธิ์ออกมาแสดงความคิดเห็นได้นั้น เป็นสิทธิอันชอบธรรม และทุกสังคมควรมี ดำรงไว้
เหตุผลที่เขาไม่ชอบอย่างนั้นเพราะว่า มันเป็นวิธีง่ายๆ ที่จะปราบทั้ง 2 สี โดยอ้างว่าแดงกับเหลืองคือตัววุ่นวาย ถ้าคุณแคนไปพิจารณาสิ่งที่เสื้อเหลืองสู้ เราสู้มากี่เรื่อง เราสู้ไม่ให้มีแก้ไขรัฐธรรมนูญ เราสู้ไม่ให้มีการจาบจ้วง ล้มล้างสถาบันกษัตริย์ เราสู้ให้การทำงานโปร่งใส ไม่ให้มีการคอร์รัปชั่น เราสู้ เพื่อไม่ให้มีการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม 4-5 เรื่องที่เราสู้ เราถาม ผมถามคุณแคน คุณไม่จำเป็นต้องสีอะไร สิ่งที่ผมพูด ถ้าถามประชาชนที่มีเหตุ มีผล มีปัญญา เขาย่อมเห็นด้วยทุกคน เมื่อเห็นด้วยแล้ว ถามว่าเขาเห็นด้วยกับเรา เขาก็สีเหลืองซิ เขาบอกไม่ใช่ ผมไม่ใช่สีเหลือง เอ้า ก็สุดแล้วแต่ คุณจะสีอะไรก็ตาม แต่คุณเห็นด้วยกับหลักการที่ผมสู้ไหม ถ้าเห็นด้วยก็จบ เท่านั้นเอง
เพราะฉะนั้นแล้ว มัน..มันไม่ง่ายอย่างที่เขาคิดหรอก การคิดแบบนั้น เขาคิดแบบทหาร คิดแบบคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ คิดแบบคุณอนุพงษ์ เผ่าจินดา เหตุผลเพราะว่า ถ้ามันยังมีสีเหลืออยู่นี่ คือสีแดงเขาปราบง่ายกว่าสีเหลือง เหตุผลคือสีแดง คือคุณทักษิณคนเดียว แต่สีเหลือง มันคุณสนธิ เต็มไปหมดเลย ปัญญามันถึงกันหมด
แคน - แต่ก็คงมีคนพูดกันนะ ถ้าจัดการคุณสนธิคนเดียว ก็จบ
สนธิ - เขาคิดโง่ไง ไม่ฉลาด เพราะปัญญาเมื่อลงสู่ผู้คนแล้ว มันจัดการใครไม่ได้แล้ว มันต้องจัดการคนซึ่งรับปัญญาไป เหมือนอินเดีย เหมือนมหาตมะคานธี มหาตมะคานธีได้ปลุกคนอินเดียจนลุกขึ้นมา สมมุติอังกฤษถ้าฆ่ามหาตมะตอนนั้น จัดการได้ไหม ก็ไม่ได้เหมือนกัน เพราะคนอินเดียเป็นร้อยๆ ล้านคน ตื่นแล้วนะ คุณจะจัดการคนที่ตื่นได้ไง นั่นคือที่มาของคำว่า ปัญญา ไง ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน คนซึ่งอยู่ฝ่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย คือคนซึ่งรู้จริง ไม่ได้ถูกกิเลส ไม่ได้ถูกมายามาปิดบังตา
เพราะฉะนั้น คุณปราบคนพวกนี้ปราบยาก แต่เสื้อแดงปราบง่าย เพราะเสื้อแดงกว่า 70-80% เป็นเรื่องผลประโยชน์ เงินไม่มา กูไม่ออก หรือเสร็จเรียบร้อยแล้ว ถ้าให้ที่คุณทักษิณต้องการ เสื้อแดงก็ไม่เกิด มันต่างกัน ระหว่างการสู้ด้วยอุดมการณ์กับการสู้เพียงเพราะว่าตัวเองมีผลประโยชน์ การสู้ด้วยอุดมการณ์นั้นมันยาว ลึกซึ้ง หนักแน่น ลงรากลึก แล้วก็แพร่กระจาย ถึงจะไม่รวดเร็ว แต่ทว่าการแพร่กระจายไปแต่ละหน่วยแต่ละกลุ่ม แต่ละเครือข่ายนั้น มันกว้างขวางมาก และไม่มีวันหยุดได้ เพราะถ้าคุณดูปริมาณและคุณภาพของคนที่อยู่ฝ่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ปี 2552 เมื่อเทียบกับปี 2548-49 ที่เกิดขึ้น คุณจะเห็น ต่างทั้งปริมาณและคุณภาพ ปริมาณมากกว่าเก่าเยอะมากเลย คุณภาพสูงกว่าเก่าเยอะ
แคน - ถ้าจากวันนี้ไป ตอนนี้เหมือนเสื้อแดงหลบ ถูกกำราบไป ถอยไป ตอนนี้ก็เหลือแต่เสื้อเหลือง ตอนนี้เขากำลังจะแก้รัฐธรรมนูญกัน ถ้าเกิดเสื้อเหลืองเคลื่อนไหวคัดค้าน มันจะต้อง
สนธิ -ใช่ๆ ถูกต้อง เรื่องนี้เป็นเรื่องหลักการ ซึ่งแกนนำจะต้องมาคุยกัน ส่วนตัวผมนะไม่เกี่ยวกับแกนนำซึ่งเราจะคุยกันวันศุกร์ วันที่หนังสือเล่มนี้ออกวางตลาดพอดี แนวทางของพวกผม ทางผมโดยเฉพาะเนี่ย ผมคิดว่าการแก้รัฐธรรมนูญ เขาอยากแก้แก้ไป เหตุผลเพราะว่า ปัญหามันอยู่ที่คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ปัญหาอยู่ที่พรรคประชาธิปัตย์ ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ต้องการที่จะมีชีวิตอยู่ในรัฐบาลนานแต่ชีวิตพรรคสั้น เข้าใจรึยัง ก็แก้ไป แต่ถ้าเขาต้องการที่จะมีชีวิตพรรคที่ยาวนานถึงชีวิตรัฐบาลจะสั้น เขาไม่ควรจะแก้ เท่าที่ผมดูเกมแล้ว การแก้คงไม่ง่าย เพราะคุณอภิสิทธิ์พูดถึงขนาดว่า ถ้าจะแก้ทีมันต้องใช้ประชามติ จริงๆ แล้วคือการซื้อเวลานั่นเอง แต่ถ้าถามผม ผมคิดว่า ส่วนตัวผมนะครับ ไม่ใช่เป็นมติของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แต่ว่าถึงวันศุกร์ที่หนังสือฉบับนี้ออกก็อาจจะมีมติแล้วก็ได้
ส่วนตัวผมคิดว่า พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยควรจะหันมาสนับสนุนคุณอภิสิทธิ์ ให้คุณอภิสิทธิ์อยู่ให้ครบวาระ อีก 2 ปี เพราะคุณอภิสิทธิ์ได้แสดงออกถึงบุคลิกของคนที่เป็นผู้นำที่มีคุณธรรม มีจริยธรรม เป็นสุภาพบุรุษ ที่สำคัญที่สุด คุณอภิสิทธิ์เป็นคนซึ่งใช้ความเยือกเย็น ใช้ความอหิงสา และใช้ความสงบ สันติ ปราบปรามพวกเสื้อแดง แล้วแกจะเป็นคนที่ สังเกตให้ดีๆ ที่ผมสังเกตแกมาตลอด แกไม่ใช่เป็นคนชอบใช้อำนาจ การที่แกจะใช้อำนาจแต่ละครั้ง แกคิดแล้วคิดอีก
ตอนที่คุณจำได้ไหม พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเรียกร้องให้เขาเปลี่ยนพนักงานสอบสวน เนื่องจากมีความคิดที่เป็นปฏิปักษ์กัน คือ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน แกเงียบแกปล่อยให้คุณสุเทพจัดการ คุณสุเทพไม่ยอมจัดการ แต่มางวดนี้ คดีความผม ที่คุณพัชรวาทสั่งให้ พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ เข้ามาดูแล แกสั่งให้เปลี่ยนจากคุณจงรักมาเป็นคุณธานี สมบูรณ์ทรัพย์ อาจจะมองได้ว่า 1.แกปฏิเสธคุณสุเทพไปเรียบร้อยแล้ว แกไม่ฟัง หรือ 2.แกมีความรู้สึกด้วยจิตใต้สำนึกแกเองว่า ถ้าเอาคุณจงรักมาย่อมไม่มีความยุติธรรมกับผม เพราะคุณจงรักกับผมเป็นปฏิปักษ์กันในเรื่องความคิด ซึ่งไม่ผิดเลย เพราะสิ่งแรกที่คุณจงรักพูดทันทีที่รับเรื่องก็คือ ไม่ได้ตัดประเด็นเรื่องส่วนตัวออก คล้ายๆ พูดกันเอาไว้ก่อน จนกระทั่งเมื่อวานหรือเมื่อวานซืนนี่เอง ที่คุณธานีพูดชัดเจนว่าเรื่องส่วนตัวไม่มี มีแต่เรื่องการเมือง เห็นหรือยัง เพราะฉะนั้น ผมเลยต้องชมคุณอภิสิทธิ์ แล้วผมคิดว่านายกรัฐมนตรีที่ดีๆ อย่างนี้สังคมไทยไม่ได้มีมานานแล้ว จริงๆ แล้วไม่เคยมีมาเลยนะ เพิ่งจะมีครั้งนี้
ผมกำลังจะเสนอให้กับแกนนำพันธมิตรฯ คือวันศุกร์นี้ วันที่หนังสือพิมพ์คุณออกนี่ แล้วประเดี๋ยววันศุกร์ประมาณเที่ยงๆ ครึ่ง คงจะมีการแถลงการณ์ ผมกำลังจะเสนอว่า ผมกำลังจะเสนอว่าพวกเรานี่ ถ้าเขาคิดจะตั้งพรรคก็ตั้งไปนะไม่ว่ากัน แต่ว่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จะสนับสนุนคุณอภิสิทธิ์ให้เป็นนายกฯ จนครบวาระอีก 2 ปี
แคน - คุณสนธิประเมินหรือยังว่า แรงกระแทกคุณอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ กับกลุ่มอำนาจทหาร ที่อยู่ในมือของพวกบูรพาพยัคฆ์ ควรจะ
สนธิ - ทหารมีลักษณะอยู่อย่าง ทหาร ตำรวจ เมื่อมีอำนาจ มีตำแหน่งก็ดูยิ่งใหญ่ แต่เมื่อใดหมดอำนาจ หมดตำแหน่ง ก็ไม่มีความหมาย เพราะฉะนั้นแล้วขึ้นอยู่กับคุณอภิสิทธิ์จะเกาะกุม ฉกฉวยที่จะเล่นประเด็นนี้ให้เป็นหรือเปล่าเท่านั้นเอง เพราะถ้าคุณอนุพงษ์ไม่ได้เป็นผู้บัญชาการทหารบก คุณอนุพงษ์ก็ไม่มีความหมายเหมือนกัน หรือแม้กระทั่งคุณประวิตร วงษ์สุวรรณ ถ้าไม่ได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แล้วคุณอภิสิทธิ์มานั่งรักษาการแทน เท่ากับเกมการเมืองก็เปลี่ยนไปอีกแบบหนึ่ง เพราะว่าคุณเนวินก็ไม่สามารถจะพึ่งทหารได้ คุณเนวินเองขณะนี้เองก็ไม่สามารถจะเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งทันทีเพราะว่าตัวเองก็ยังไม่พร้อม เนื่องจากอยู่ในสภาพที่ยังต้องหาเงินทุนอยู่ เพราะฉะนั้นขึ้นอยู่กับคุณอภิสิทธิ์จะเล่นเกมแบบไหน
แคน - ขึ้นอยู่กับตัวภาวะผู้นำ
สนธิ - ถูกต้อง ภาวะผู้นำ มีหลายคนบอกคุณอภิสิทธิ์อ่อน ผมว่าแกอาจจะดูอ่อน แต่ผมเชื่อว่าเวลาแกตัดสินใจแกตัดสินใจจริง อย่างเช่นกรณีคดีลอบสังหารผม แกพูดชัดเจนทั้งในที่สาธารณะ และส่วนตัว แกบอกต้องจับคนร้ายให้ได้ ซึ่งมันเป็นนัยที่สำคัญ นัยที่สำคัญเพราะว่าแกชูหลักนิติรัฐตลอดเวลา ถ้าขืนปล่อยให้คนใช้อาวุธสงครามมาไล่ฆ่าผมอย่างนี้แล้วยังหลุดตัวไปได้ ถามว่าคนอย่างตัวนายกฯ อภิสิทธิ์จะรอดพ้นไหม ก็ไม่รอดพ้นเหมือนกันใช่ไหม เพราะฉะนั้นใครก็ตามที่ทำ หรือเกี่ยวข้อง ถ้าตำรวจสาวถึงเขาต้องเล่นงานหมด เขาไม่แคร์
แคน - ถ้าจะมองกรณีของคุณสนธิโยงกับคุณอภิสิทธิ์ รู้สึกว่าเคยเกิดขึ้นกับ พล.อ.เปรม ถูกลอบสังหารเป็นสิบครั้ง
สนธิ - เป็น 10 ครั้ง แต่ว่ามันไม่โจ๋งครึ่มเหมือนของผม ของ พล.อ.เปรม ยิงด้วยจรวดบ้าง ยิงด้วยระเบิดบ้าง ใช่ไหมฮะ ของผมนี่มันยิงด้วยอาวุธสงคราม 100 กว่านัด ตามด้วย M-79 อีก 2 ลูก กลางเมืองเลยนะ นี่เป็นครั้งแรกเลยนะคุณแคน ถ้าคุณไปดู มันเป็นเรื่องของสื่อมวลชนคนหนึ่งเดินทางตื่นมาตอนเช้าเพื่อไปทำหน้าที่เขา แล้วถูกลอบสังหารเพียงเพราะว่าเขาไม่เห็นด้วยกับการกระทำ ของคนบางคนที่อยู่ในรัฐบาล หรือเจ้าหน้าที่รัฐบางคน ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมากนะ เรื่องนี้ถ้าไม่สามารถแก้ไขได้ประเทศไทยไม่มีที่ยืนแล้วนะ คุณแคน ประเทศไทยยืนไม่ได้แล้วนะงานนี้ คุณจะไปตอบคำถามกับต่างชาติเขาได้อย่างไร คุณจะไปตอบคำถามกับสื่อมวลชนทั่วโลกได้อย่างไร เพราะฉะนั้นสิ่งที่คุณบอกว่า ประเทศไทยควรจะแคร์โลกหรือแคร์ความเห็นของต่างชาติควรจะแคร์เรื่องพวกนี้ เพราะเรื่องพวกนี้ต่างชาติเขารับไม่ได้ คือการมาลอบฆ่าคนอย่างโหดเหี้ยมอำมหิต เพียงเพราะว่าเขาไม่เห็นด้วย ไม่ได้
แคน - คุณสนธิมั่นใจว่านายกฯ อภิสิทธิ์จะยึดหลักตรงนี้ แล้วก็สามารถทำให้เจ้าหน้าที่
สนธิ - ผมมั่นใจ ผมมั่นใจด้วยเหตุผลที่ว่า ถ้าคุณอภิสิทธิ์ไม่ยึดหลักอันนี้อนาคตแกก็ไม่มี อนาคตไม่มีในแง่ของกายภาพ มันก็เสี่ยงกับแกเหมือนกันที่แกจะเป็นอะไรไป อนาคตของแกไม่มีในเชิงปรัชญา เพราะคนก็บอกว่าแกของปลอม ถูกไม่ถูก เพราะฉะนั้นแล้วผมเชื่อ ผมยังเชื่อ และโดยส่วนตัวผมรู้ว่าแกเป็นคนที่ดูเหมือนอ่อนแต่แกกล้าตัดสินใจ ผมยังให้เกียรติแกอยู่ แล้วผมคิดว่าแกน่าจะกล้าตัดสินใจได้ เพราะว่าประเทศจะอยู่ได้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของแกในคดีผมนะ เพราะถ้าคดีผมแกตัดสินใจได้เด็ดขาด จะไม่มีใครกล้ากับแกแล้วนะ จะไม่มีใครกล้ากับแกอีกแล้วนะ เชื่อผมซิ ใครจะไปกล้ากับแกล่ะ คุณอนุพงษ์จะกล้าเหรอ ผบ.ทบ.คนใหม่จะกล้าเหรอ รัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่จะกล้าเหรอ ผบ.ตร.จะกล้าหรอ เพราะเราก็รู้โดยข้อเท็จจริงตั้งแต่พัทยามาจนกระทั่งวันนี้ เป็นเรื่องปัญหาความมั่นคงเท่านั้นเองที่ไม่ฟังแก ที่ไม่สนับสนุนแก แต่แอบเลื่อยขาเก้าอี้แกตลอดเวลาเพื่อให้กลุ่มตัวเองขึ้นมาเป็นใหญ่
แคน - ถ้ามองจากตรงประเทศนี้ คุณสนธิเชื่อว่า ในเชิงคดี คดีนี้ มันจะคลี่คลายไหม มันจะใกล้จบหรือยัง
สนธิ - ผมคิดว่ามันน่าจะใกล้จบแล้วนะ มันน่าจะใกล้จบ ผมยังไม่ได้เจอคุณธานี คุณธานีแกจะมาสอบปากคำผมประมาณวันพฤหัสบดีนี้ คือเมื่อวานนี้ ถ้าคิดถึงวันนี้เป็นวันที่หนังสือคุณออกวันนี้ คือวันศุกร์ คือมาเมื่อวานนี้ ซึ่งปากคำคงจะเป็นการสอบปากคำทั่วๆ ไป แต่ผมยังไม่ได้คุยอะไรกับคุณธานีเป็นกิจจะลักษณะ แต่ผมเชื่อมั่น ผมทราบภายในพอสมควรว่า เขาได้ทำงานมาเยอะแล้ว วันนี้คุณแคน มันไม่ใช่ประเด็นเรื่องปลอกกระสุนอีกต่อไปแล้ว มันเกินไปกว่านั้นแล้ว เขารู้ถึงตัวคนยิงหมดแล้ว แล้วเขาเตรียมพร้อมจะจับคนยิงได้ทุกเมื่อ เพราะฉะนั้นแล้วการที่ พ.อ.สรรเสริญ ออกมาแถลงข่าวในฐานะโฆษก ทบ.เรื่องว่า สรรพาวุธบอกไม่ได้ลงเลขหรืออะไร คือพูดง่ายๆ ปัดความรับผิดชอบ ประเด็นไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว ประเด็นมันเลยไปไกลแล้ว
แคน - ตำรวจทำงานไปมาก
สนธิ - คุณธานีเขาทำงานไปเยอะแล้ว คุณธานีเป็นคนซึ่งทำงานจริงแล้วไม่กลัวใคร แกไม่กลัวใครเลยนะ แล้วผมเชื่อวันหนึ่งเมื่อถึงเวลาแล้วแกต้องตัดสินใจที่จะหงาย แล้วแกขึ้นรายงานตรงท่านนายกฯ นะ คดีนี้รายงานตรงท่านนายกฯ นะ ไม่ได้ขึ้นกับ ผบ.ตร.นะ เพราะฉะนั้นแล้วผมเชื่อว่าคดีผม ถ้าเขาเปิดออกมาผมว่าจะสะเทือนวงการมาก มันเป็นปัญหาทางการเมืองจริงๆ ที่ท่านนายกฯ ต้องตัดสินใจ แล้วผมเชื่อว่าท่านนายกฯ กล้าตัดสินใจ เพราะถ้าท่านไม่กล้าตัดสินใจ ประเทศไทยก็ไม่มีที่ยืนเหมือนกัน คุณก็ไม่มีที่ยืน ผมก็ไม่มีที่ยื่น
ไอ้พวกที่ชอบว่าผม หัวเราะเยาะผม พวกสื่อมวลชนบางคน ลองหลับตาวาดภาพ วันไหนเขาตื่นเช้า มาทำงาน นั่งอยู่แล้วมีรถกระบะคันหนึ่งมายิงถล่มคุณด้วยอาวุธสงคราม 3-4 กระบอก ทิ้งกระสุนไว้ 80 กว่านัด แล้วคุณตองไปผ่าตัดสมอง คุณคิดว่าชีวิตคุณมีความสุขเหรอ ชีวิตมีความสุขยังไม่เท่ากับคุณขมขื่นเพราะว่าหลักการในการทำสื่อมวลชนคุณเป็นอย่างนี้
ที่น่าเสียใจคือ ผมอยากจะพูดเรื่องนี้สักนิดหนึ่ง ที่น่าเสียใจสุดคือ ตั้งแต่มีเรื่องมาผมยังไม่เคยเห็นกองทัพบก คุณอนุพงษ์ หรือแม้กระทั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แสดงจุดยืนต่อเรื่องการลอบสังหารสื่อมวลชนคนหนึ่งด้วยอาวุธสงคราม และมีข้อกล่าวหาว่าเป็นคนมีสี เป็นทหาร ไม่ได้แสดงจุดยืนเลยว่า จุดยืนของตัวเองต่อประเด็นนี้เป็นยังไง มีแต่ออกมาปฏิเสธตลอดเวลา เริ่มด้วยการบอกว่า ใครๆ ก็มีได้อาวุธสงคราม ต่อมาว่าด้วย เป็นคดีอาชญากรรมธรรมดา ต่อไปเรื่อยๆ ว่า ปลอกกระสุนนั้นไม่ใช่ของกองทัพภาค 1 อ้าว เกิดข่าวหลุดออกมาว่าเป็นของกองพล 9 ก็มาแก้ตัวว่าอาจไม่ใช่ของกองพล 9
ไม่มีครั้งไหนที่คุณอนุพงษ์ หรือคุณประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะรัฐมนตรีกลาโหม จะออกมาพูด สั้นๆ ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อุกอาจ เหิมเกริม เป็นเรื่องที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นในสังคมไทย ผมในฐานะผู้บัญชาการทหารบก ผมในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยอมให้ไม่ได้ ถ้าคนมีสีฝ่ายใดก็ตามเกี่ยวข้องกับการลอบสังหารคุณสนธิ ผมต้องจัดการอย่างเด็ดขาด คุณแคนไปดูซิเคยมีพูดไหม ไม่มีเลย ไม่มี นี่คือสิ่งที่เสียใจที่สุด แต่ผมไม่โกรธเขา ผมพูดผ่านคุณแคน ผ่านเนชั่นสุดสัปดาห์ ว่าผมให้อภัยคนยิง คนยิงมีหน้าที่รับเงินไป ใช่ไหม แล้วผมให้อภัยคนวางแผน เพราะเขาใช้โทสะ โมหะเป็นตัวกุม ผมปล่อยให้กฎแห่งกรรมและกฎหมายเป็นคนจัดการพวกเขาไป
ส่วนตัวผม ผมจะเล่าเบื้องหลังให้ฟัง วันที่ผมกลับมาจากโรงพยาบาล ผมเข้าไปในห้องพระ ที่เมื่อกี้ผมรักษาตัวอยู่ ผมกราบพระ ผมกราบหลวงตามหาบัว ผมจุดธูป จุดเทียน กราบด้วยความเมตตาที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองผม แล้วผมก็สวดคาถาเมตตาปริต คาถาแผ่เมตตาชุดใหญ่ของพระพุทธเจ้า ให้กับคนที่ยิงผม ให้คนที่วางแผนฆ่าผม ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคน แล้วผมก็เอาน้ำมนต์ของหลวงตามหาบัว ซึ่งท่านเคยให้ผมไว้ กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้เขาหมดทุกคน อโหสิกรรมให้เขาหมดเลย แล้วผมถือด้วยตัวผมเองลงไปเทลงที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ผมอโหสิกรรมให้ หมดสิ้นไป เพราะฉะนั้นแล้วผมไม่ติดใจอะไรเขาเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่มี ผมปล่อยให้กฎแห่งกรรมและกฎหมายเป็นคนจัดการเรื่องนี้ไป ทั้งสิ้น ผมไม่เคยคิดว่าผมจะต้องมาโดนแบบนี้
แต่ว่าคุณแคน ประเด็นนี้เป็นประเด็นสำคัญ มีคนถามผมว่า ผมห้อยพระอะไร ความจริงแล้วผมเป็นคนที่มีพ่อแม่ครูอาจารย์ที่ผมเคารพอยู่หลายองค์ ผมเข้ามาที่ออฟฟิศตอนเช้า ทุกวันผมก็ทำ ผมจะบูชาองค์จตุคามรามเทพ ที่อยู่ข้างล่าง ข้างๆ สระน้ำ ผมจะไหว้พระอุปคุต ผมไหว้พระแม่ธรณี ผมไหว้ศาลพระเจ้าตากสิน แล้วผมไหว้พระภูมิเจ้าที่ แล้วผมก็ขึ้นมาไหว้พระข้างใน พระชุดใหญ่ แล้วผมก็ไหว้หลวงตามหาบัว ผมก็มีหลวงตามหาบัว หลวงปู่มั่น ภูมิทัตโต พระอาจารย์เสาร์ซึ่งเป็นอาจารย์ของหลวงปู่มั่น หลวงปู่ดุลย์ แล้วผมก็ไหว้หลวงปู่ทวด มีหมดทุกองค์ หลวงปู่บุญมี โชติปาโล หลวงพ่อญาท่าน เพราะฉะนั้น พ่อแม่ครูอาจารย์ผมเยอะมาก ที่ผมบูชา ผมไหว้ แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่าการที่ผมอ้างอิงพ่อแม่ครูอาจารย์ คือ ทุกครั้งผมตั้งจิตอธิษฐานในการไหว้ ผมบอกว่า ข้าพเจ้าขอตั้งใจทำงานรับใช้ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และส่วนรวมจนกว่าชีวิตจะหาไม่ ตรงนั้นต่างหาก แล้วผมเชื่อว่าผมรอดชีวิตได้เพราะคุณงามความดีพระ คุณงามความดีที่ผมทำ เพราะฉะนั้นพระที่ปกป้องผมคือ คุณงามความดี
ซึ่งตรงนี้ คุณแคนผมต้องการพูดต่อ สำคัญมาก คนมองผมเรื่องปาฏิหาริย์ มองผมเรื่องห้อยพระอะไร แต่อย่างน้อยที่สุด มันเป็นบทพิสูจน์อย่างสำหรับหลายๆ คน ซึ่งเริ่มสูญเสียศรัทธากับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เริ่มเห็นว่า คนทำความดี พระคุ้มครองจริงๆ
คุณแคน ถ้าคุณรวมปลอกกระสุนที่อยู่ในรถปิกอัพที่เขายิงด้วย ที่ตกในรถ และที่อยู่ข้างนอก 100 กว่านัดนะ ทะลุหมด คุณก็รู้กระสุนอาก้านี่นะ อย่าว่าแต่เบาะรถเลย ต้นไม้ทั้งต้นยังทะลุต้นไม้ได้เลย ทำไมผมรอดมาได้ มหัศจรรย์มาก ที่ผมรอดมาได้เพราะผมเชื่อว่า สิ่งที่ผมทำนั้นถูกต้อง ด้วยความสัตย์จริง วินาทีนั้นที่สำคัญที่สุด ตอนที่เขายิงผม แล้ว ผมเห็นหน้าคนยิงด้วย ประทับบ่ายิง ปุบๆๆๆ ผมคิดในใจนะ ผมกำหนดจิตเลย ผมสวดมนต์ทำสมาธิมานานพอสมควร ผมกำหนดจิตทันที ผมบอกว่า...ถ้าลูกต้องสิ้นชีวิตไปเพราะเวรกรรม กรรมชาติก่อนที่ต้องชดใช้ก็ขอให้สิ้นไป แต่ว่าขอให้สถาบันกษัตริย์ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ยังคงอยู่ มั่นคง มีเสถียรภาพ ก็แล้วกัน ผมตั้งจิตไว้เพียงแค่นี้ ขอให้พระมหากษัตริย์ คิดถึงพระเจ้าอยู่หัวตลอดเวลา ขอให้พระเจ้าอยู่หัวจงมีสุขภาพดี และขอให้พระเจ้าอยู่หัวทรงนำชาติให้พ้นภัย ผมคิดแค่นี้ ไม่ได้คิดอะไรมากกว่านั้นเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะฉะนั้นแล้วนี่ บางคนก็ช่วยไม่ได้ ไอ้ยาว คือ นายวายุภักดิ์ ซึ่งนั่งข้างหน้าผม เป็น รปภ. มันห้อยจตุคามรุ่น 48 แล้วมันก็ตลก มันก็บอกผม เฮ้ย ยาว ทำไมมันไม่มีแผลเลยนะ มันบอก ไม่รู้ครับ เหมือนลูกปืนวิ่งรอบๆ ผม เข้าไม่ถึงตัวผม
แคน - เขานั่งข้างหน้า
สนธิ - นั่งข้างหน้า เขาบอก วิ่งรอบๆ ตัวผม เข้าไม่ถึงตัวผม ผมเลยมีความรู้สึกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับผมถึงแม้จะบาดเจ็บ แต่ถ้าทำให้สังคมไทยเริ่มเห็นคุณค่าของคุณงามความดี คุณงามความดีถ้าตั้งใจทำ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ปกป้องนะ ผมคิดว่าถ้าสังคมไทยบางส่วนได้กลับเข้ามาสนใจคุณงามความดีมากขึ้น ผมคิดว่าได้ประโยชน์
แคน - มนุษย์เรามีความกลัว ตอนคุณสนธิเดินเข้าโรงพยาบาลคิดแค้นไหม
สนธิ -ไม่มีเลย ตอนนี้ผมไม่ใช่สนธิวันก่อนๆ คุณแคนรู้จักผมมานานแล้ว งานนี้ผมไม่โกรธใคร ไม่โกรธจริงๆ ด้วยความสัตย์จริง ที่ผมบอกผมสวดคาถาเมตตาปริตและแผ่เมตตาให้ อุทิศส่วนกุศลให้ อโหสิกรรมให้ ผมพูดจากใจจริงเลยนะ ไม่ได้โกรธเลยให้ตาย ถึงเขาจับได้ผมจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลไป ไม่โกรธ ผมมีความรู้สึกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันเกิดขึ้นจากความไม่รู้ ความอวิชชา คนรับงานมาก็คงรับด้วย 1.เป็นลูกน้องนายสั่ง 2.นายให้เงิน 3.ได้ข้อมูลผิดพลาด ไอ้นี่ต้องฆ่ามันนะ
ไม่โกรธ คุณแคน ไม่รู้สึกโกรธเลยแม้แต่นิดเดียว ถ้าจะโกรธจะโกรธอยู่อย่างเดียวเท่านั้นเองว่า ชีวิตผมไม่เคยทำอะไรแล้วสะดวกซักเรื่อง ทุกอย่างต้องลำบากหมด การทำสื่อมวลชนของผมก็ลำบากยากเย็นมากไม่เหมือนชาวบ้านเขา เงินทองก็ไม่ค่อยมี เดือดร้อนแสนสาหัส แต่กัดฟันทำ ถ้าโกรธก็โกรธตรงนี้ ว่าทำไมคนอื่นมันนึกจะทำอะไรมันก็ทำ มีเงินมีทองมาจ่าย DTV หรือว่าเครือข่ายของคุณเนวินเขา เขามีเงินมีทองมาใช้จ่ายตลอดเวลา แต่ว่าของเราทำให้ปัญญากับคนจริงๆ กลับทำยากทำเย็นเหลือเกิน ถ้าจะโกรธ โกรธตรงนี้ ความน้อยเนื้อต่ำใจมาก แต่ไม่ได้โกรธใครเป็นส่วนตัว ไม่มีเลย ผมสงสารคนมากกว่า ผมสงสารคุณอนุพงษ์ เผ่าจินดา ผมสงสารคุณประวิตร วงษ์สุวรรณ ผมสงสารว่าคนที่เดินมาถึงขนาดนี้แล้วยังไม่เข้าใจว่าการเมืองใหม่ให้อะไรกับประเทศไทยได้บ้าง ผมสงสารเขาตรงนี้
แคน - ทหารมันก็ผ่านปี 35 มาแล้ว ทำไมบางคนมันยังคิดเรื่องนี้ คิดเรื่องอำนาจ คิดเรื่องผลประโยชน์ คิดเรื่องการฮั้วกันกับนักการเมืองอะไรอย่างนี้
สนธิ - ผมว่า 2 ส่วน ส่วนหนึ่งเพราะคุณทักษิณเป็นคนสร้างทหารพวกนี้ขึ้นมาต้องยอมรับ คุณอนุพงษ์ หรือว่าคนพวกนี้ คุณประวิตร ลึกๆ จริงๆ สนิทกับคุณทักษิณนะ คนพวกนี้จะมีคนกลางคอยติดต่อ คุณประวิตรกับคุณสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ก็สนิทสนมกันมาก แล้วโลกแห่งทุนนิยมมันเป็นโลกของผลประโยชน์ กิเลส ใครๆ ก็อยากมีเงินทั้งนั้น
สมัยก่อนคุณจำได้ไหม สมัยพวกเรายังหนุ่มๆ อยู่ สมัยหนุ่มๆ ผมจำได้ เพื่อนๆ เป็นทหารกัน แค่ลูกเรียนจบจุฬาฯ ธรรมศาสตร์ ก็ดีใจตายห่าแล้ว เดี๋ยวนี้มีที่ไหนล่ะ ระดับนายพลขึ้นไป ยิ่งเป็นแม่ท้งแม่ทัพ ลูกต้องไปเรียนเมืองนอก ไปเรียนอังกฤษ ไปเรียนอเมริกา แล้วปีหนึ่งส่งเป็นล้านๆ ลูก 2 คนก็ 3-4 ล้าน เงินกับกิเลสมันเข้ามาบดบังคุณงามความดีหมดแล้วตอนนี้ จริยธรรมไม่มี คุณธรรมไม่มี ศีลธรรมไม่มี จริงๆ แล้วนี่คือการต่อสู้ของภาคประชาชนที่ต้องการเรียกร้องให้จริยธรรม ศีลธรรมกลับมาสู่สังคมไทย กับสังคมไทยที่มันเน่าเฟะด้วยสิ่งซึ่งมันเลวร้ายต่างๆ จากบริบทของทุนนิยม นี่คือการต่อสู้ที่แท้จริง
แคน - แต่ยังเชื่ออยู่ว่า ยังจะมีทหารอยู่ นอกจากทหาร 2-3 คนนี้ มันยังมีทหารที่คิดดี
สนธิ - เปล่า ผมไม่ได้หมายความว่า คุณอนุพงษ์ และคุณประวิตร เขาคิดไม่ดี เพียงแต่ว่าเขาคิดไม่ทะลุเท่านั้นเอง ผมจะพูดอย่างว่าคนที่ยิงผมทหารแน่นอน ผสมตำรวจบางส่วน แต่ทั้งทหารและตำรวจที่ยิงผม เป็นส่วนน้อยมาก ยังมีอีกเยอะเลยที่เขาไม่คิดอย่างนี้ แต่ไม่เป็นไรหรอก ผมเคยพูดไปตั้งนานแล้วถ้าผมจะต้องเป็นอะไรไปแล้วชาติบ้านเมืองจะดีขึ้นก็ช่างมัน ที่พูดไม่ใช่เพราะตัวเองรอดมานะ แต่เพราะ ณ วินาทีนั้นที่เลือดอาบทั้งตัว ไม่ได้โกรธใคร ไม่ได้คิดอะไร แล้วไม่ได้กลัวด้วยนะ ไม่ได้กลัวเหมือนกับตัวเอง จะต้องเป็น เฮ้ย เดี๋ยวจะสิ้นใจ เดี๋ยวจะเป็นอะไรไปรึเปล่า พิการ เพราะว่าพระอาจารย์ชัยณรงค์ ท่านเป็นคนชำนาญเรื่องกระดูก ท่านจับกระดูกผม ท่านบอกอาจารย์ ท่านเรียกผมอาจารย์ โยมอาจารย์เก่งนะไม่มีความเครียดในร่างกายเลย เพราะธรรมดาคนโดนแบบนี้จะต้องมีความเครียดในร่างกายแล้วจะแสดงออกทางข้อกระดูก บอกไม่มีเลย ปกติมากโยมอาจารย์ทำได้อย่างไร ผมบอกว่า พระอาจารย์ครับ สติไงล่ะครับพระอาจารย์
แคน - แสดงว่าคุณสนธิตอนที่โดนนี่มีสติดี
สนธิ - สติอย่างเดียวเลย ครบทุกอย่าง รู้ตัวหมดตลอดเวลา ผมจะผ่าตัดทันที ผมบอกรอพี่ชายผมก่อนได้ไหม พี่ชายผมซึ่งเขาเคยอยู่โรงพยาบาลจุฬาฯ เขาก็มา รอจนกระทั่งมา แล้วพี่ชายก็โทร.คุยกับลูกศิษย์เขา คือคุณหมอสุรชัย ที่โรงพยาบาลจุฬา ซึ่งเป็นอาจารย์ของคุณหมอที่จะผ่าผม แล้วเขาก็ประสานงานกัน ในที่สุดพี่ชายผมตัดสินใจให้ผ่าเลย เพราะเขาไม่อยากให้รอ เพราะเดี๋ยวเลือดมันจะคั่งมากขึ้น นั่นหละฮะ สติตลอดเวลาไม่ได้ขาดหายไปเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่ขาดหายเลย ไม่มี คุณแคน ไม่มี
อีกอันหนึ่งที่ผมอยากจะฝากพวกวงการสื่อมวลชนไปว่า หลายๆ คนอาจจะมองว่าการฆ่าผมเป็นข่าวชิ้นหนึ่ง เหลืออยู่อย่างเดียวแล้วในขณะนี้คือการรอว่าจับได้ ไม่ได้ แต่ประเด็นไม่ใช่การฆ่าผมนะ ประเด็นนี้คือการคุกคามสื่อที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนะ ถ้าเขาไม่รวมตัวรวมใจกันสู้ในเรื่องนี้นะ อีกหน่อยเนี่ย ใครก็ตามนั่งรถแล้วไล่ยิงเขาตายก็ไม่มีใครสนใจเขาเหมือนกันนะ อาชีพพวกเราเป็นอาชีพที่ต้องได้รับการปกป้อง พวกเราต้องรวมตัวรวมใจกันปกป้อง เขาจะมาซี้ซั้วคิด เฮ้ย ไอ้นี่มันสนธินี่หว่า กูหมั่นไส้มึง ไม่ได้ ที่ผมพูดไม่ใช่ผมต้องการการสนับสนุนจากเขานะ แต่ผมต้องการจะเตือนสติเขาเหมือนกัน ว่าถ้าคุณไม่ทำอย่างนี้คุณไม่มีทาง ไม่มีทางจะปกปักรักษาคุณธรรมของการเป็นสื่อ หรือว่าความกล้าหาญ หรือสิทธิเสรีภาพที่คุณจะต้องแสดงออก ถ้าคุณไม่สามารถแสดงออกในข้อเท็จจริงที่คุณต้องการจะแสดงออกได้ คุณก็เป็นสื่อไม่ได้
แคน - เมื่อก่อนมีอยู่ยุคปลายคุณเผ่า มีคดียิงคุณอารีย์
สนธิ - ผมคิดว่า พอๆ กันแต่คนละรูปแบบ ยุคพวกนั้นยังเป็นยุคประเภท อุ้มไป แต่ยุคนี้มันยิงกลางแดดเลย ใช้รถ 4 คันแน่ะ 4 คัน เป็นขบวนการ โชคดีที่เขารู้หมดแล้ว ผมเชื่อว่าอีกไม่นาน ผมคิดว่าไม่เกิน 2 อาทิตย์ เรื่องราวต้องเปิดเผย จบแล้ว รับรองว่า ผมยังมั่นใจนะ ว่าจะเป็นการแถลงข่าวและการจับที่ค่อนข้างจะสะเทือนมาก เพราะว่าถึงแม้จะจับแค่มือปืนได้แต่มันโยงได้ทุกจุดหมดเลย สมมุติเขาจับมือปืนได้ว่าเป็นทหารกองพลฯ ที่ 9 แล้วทีนี้กองทัพบกจะว่ายังไง คุณอนุพงษ์จะตอบยังไงคราวนี้ เข้าใจหรือยัง
แคน - ก็ขึ้นไปทางนายกฯ ล่ะคราวนี้
สนธิ -ก็ไม่รู้ละ ผมไม่รู้แล้วซิคราวนี้ ถ้าเขาทำมาแล้วเกิดโยงไปถึงตำรวจบางคนอีกล่ะ คุณพัชรวาทจะว่ายังไง คุณประวิตร วงษ์สุวรรณ จะว่ายังไงในฐานะเป็นพี่ชายคุณพัชรวาท คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ จะว่ายังไงในฐานะที่ดูแลความมั่นคง เห็นมั้ย มันกระเทือนนะ แล้วถ้าพาดพิงไปถึงผู้หญิงบางคนซึ่งอาจอยู่เบื้องหลังการฆ่าผม แล้วถ้าเกิดพาดพิงถึงได้ ยิ่งยุ่งใหญ่เลย ไม่ใช่เรื่องเล็กนะคุณแคนจะบอกให้รู้
ถาม - จะเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นหรือเปล่า
สนธิ - ผมไม่รู้จะมีการเปลี่ยนแปลงรึเปล่า แต่ที่ผมรู้แน่ๆ คือว่า ถ้าหากเขาประกาศจับออกมาแล้วเขามีหลักฐานโยงใยถึง ผมว่าสังคมนี้วุ่นเลย งานนี้ สังคมจะตกอยู่ในสภาวะที่ต้องเลือกเอา ระหว่างความถูกต้องกับสิ่งซึ่งประเทศไทยต้องยืนได้ กับการปกปิดและการช่วยเหลือ สังคมต้องตัดสินใจแล้วตอนนั้น สังคมต้องตัดสินใจจริงๆ ที่สำคัญสังคมต้องตัดสินใจยังไม่สำคัญเท่ากับท่านนายกฯ ต้องตัดสินใจ อีกครั้งหนึ่ง เป็นผู้นำ
แคน - ถ้าตั้งคำถามว่า นายกฯ กล้าตัดสินใจ คงไม่มีผลอย่างที่ อาจจะโดนอย่างที่ พล.อ.ชาติชาย เคยโดน
สนธิ - ยึดอำนาจเหรอ ผมคิดว่าวันนี้ทหารไม่กล้ายึดอำนาจหรอก ผมยังเชื่ออย่างนั้น เพราะอย่างน้อยที่สุดถ้าเขายึดอำนาจกรณีของผม ผมเชื่อว่าประชาชนไม่ยอม ถ้าเขายึดอำนาจเพราะเหตุผลต้องการปกปิดความผิดที่พวกเขาทำกัน สมมุตินะ ผมไม่ได้หมายความว่าเขาทำนะ ถ้าเขาทำเช่นนั้นแล้วออกมาในรูปแบบนั้น เขาจะตอบสังคมไทยไม่ได้เป็นอันขาด ที่สำคัญที่สุด เขาจะตอบทหารด้วยกันเองไม่ได้
ที่น่าเสียใจ ผมจะเรียนคุณแคนไว้ ตอนผมเลือดหยดสู่พื้นผมนึกในใจ ผมบอกว่า เลือดนี้ที่ตกสู่พื้นของผม มันไม่ได้ต่างจากเลือดของทหารที่อยู่ชายแดนที่ถูกยิงโดยทหารเขมร หรือทหารที่อยู่ทางใต้ที่ถูกยิงโดยโจรก่อการร้าย ที่ตกลงมาเพื่อปกป้องดินแดนไทย ผมนี่ถูกยิงเลือดตกบนพื้นดิน แต่ผมปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ แต่กลับถูกยิงโดยคนที่ควรจะไปปกป้องในสิ่งเดียวกับที่ผมปกป้อง ที่น่าเสียใจที่สุดเสียใจตรงนี้