“ปลอดประสพ” พร้อมแก๊งสมุนแม้ว ทำดีแก้เกี้ยวพฤติกรรมระย่ำของพรรคพวก เปิดศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ พร้อมตั้งคณะกรรมการ 4 ชุด หวังเก็บเกี่ยวจุดบกพร่อง อ้างต้องการทำตัวให้เป็นประโยชน์ หวังช่วยรัฐบาล-ทหาร เร่งคลี่คลายสถานการณ์ให้เข้าภาวะปกติ เผยเตรียมลงพื้นที่วัดสุ่นสามัคคีธรรม อ้างพบมีศพผู้ชุมนุมถูกเผากลบเกลื่อน
วันนี้ (16 เม.ย.) ที่พรรคเพื่อไทย นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรค นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ ส.ส.ชัยภูมิ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ นายพีรพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรค และ พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก สมาชิกพรรค ร่วมแถลงข่าวกรณีตั้งคณะกรรมการอำนวยการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบความไม่เรียบร้อยและการสลายการชุมนุม
นายปลอดประสพ กล่าวว่า จากเหตุการณ์ความไม่เรียบร้อยที่เกิดขึ้นใน กทม.จนมีผู้เสียชีวิต บาดเจ็บและสูญหายที่ไม่ทราบว่ามีมากน้อยพียงใดนั้น ส่งผลให้พรรควิตกกังวลกับสถานการณ์เพราะมองว่าประชาชนมีความสำคัญ ประกอบกับ ส.ส.ของพรรคหลายคนได้ลงพื้นที่ และเห็นว่า มีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องเข้ามาช่วยเหลือคลี่คลายสถานการณ์ เพื่อให้เหตุการณ์กลับสู่สภาวะปกติให้เร็วที่สุด รวมทั้งดำเนินการให้ประชาชนเกิดความสบายใจและได้รับรู้ข้อเท็จจริงที่แท้จริง ดังนั้น พรรคจึงมีมติตั้งคณะกรรมการอำนวยการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบความไม่เรียบร้อยและการสลายการชุมนุม ประกอบด้วย คณะอนุกรรมการฯ 4 คณะ คือ 1.คณะอนุกรรมการรับเรื่องราวร้องทุกข์และเยียวยา มี นพ.สุรวิทย์ เป็นประธาน 2.คณะอนุกรรมการไต่สวนหาข้อเท็จจริง มี พล.ต.ท.ชัจจ์ เป็นประธาน 3.คณะอนุกรรมการรับข้อมูลและประมวลข่าวสาร มี นายวรวัจน์ เป็นประธาน และ 4.คณะอนุกรรมการที่ปรึกษากฎหมาย มีนายพีรพันธุ์ เป็นประธานกรรมการ
นายปลอดประสพ กล่าวอีกว่า การแต่งตั้งคณะกรรมการและคณะอนุกรรมการขึ้นมานั้นมาจากจิตสำนึกและความห่วงใยของพรรคที่ต้องการทำตัวให้เป็นประโยชน์ด้วยการเข้ามาช่วยรัฐบาล กองทัพ และสังคม คลี่คลายปัญหาและเยียวยาประชาชน ฉะนั้นขอรัฐบาลอย่ารังเกียจว่าพรรคมีเป้าประสงค์ทางการเมือง เพราะพรรคยืนยันว่าจะไม่แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม หรือยุยงให้เหตุการณ์บานปลายไปมากกว่านี้ เนื่องจากทุกคนตระหนักว่าความเสียหายนั้นมันมากมายเพียงใด
นายวรวัจน์ กล่าวว่า ความเห็นที่แตกต่างทางการเมืองสร้างความขัดเเย้งและสร้างผลกระทบกับประชาชน แต่ข้อมูลทั้งหมดในเหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกฝ่ายต้องร่วมกันหาข้อเท็จจริงให้ได้ จึงอยากให้ประชาชนที่มีข้อมูลหรือคลิปบันทึกเหตุการณ์ให้ส่งมาที่พรรค เพื่อช่วยกันทำความจริงให้ปรากฏและลดความขัดแย้ง พรรคจะทำหน้าที่เป็นกลางและเป็นธรรมเพื่อให้ทุกฝ่ายเข้าใจกันซึ่งเเละกัน เพราะจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีผู้เสียชีวิต และปรากฎว่าศพถูกนำไปทิ้งแม่น้ำ จึงต้องพิสูจน์ว่าเกิดจากอะไร และเชื่อว่า ยังมีผู้สูญหายที่ยังไม่พบว่าไปอยู่ที่ใดอีก ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดมีเหตุมาจากการไปรวมชุมนุมทั้งสิ้น
ด้าน พล.ต.ท.ชัจจ์ กล่าวว่า ในช่วงบ่ายวันนี้พรรคจะไปตรวจวัดสุ่นสามัคคีธรรม ภายในซอยลาดพร้าว 71 ที่มีข่าวว่ามีการเผาศพตลอดคืนและมีทหารอยู่บริเวณวัดเป็นจำนวนมากจึงต้องไปพิสูจน์ว่าจริงหรือไม่
ขณะที่ นายพีรพันธุ์ กล่าวว่า ตนได้รับการร้องเรียนจากประชาชนที่มาร่วมชุมนุมและแยกย้ายกันเดินทางกลับหลังม็อบสลาย ว่า รู้สึกวิตกว่าจะถูกจับ เพราะมีทหารไปตามหาคนนั้นคนนี้ในหมู่บ้านจนประชาชนตกใจ ซึ่งตนได้แนะนำว่าให้ชาวบ้านอยู่อย่างสงบเพราะไม่ได้ทำอะไรผิด แต่หากถูกดำเนินคดีพรรคก็พร้อมที่จะให้คำแนะนำและจะส่งทนายความช่วยเหลือต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลและทหาร ระบุว่า ไม่มีใครเสียชีวิตจากการสลายการชุมนุมของเจ้าหน้าที่ ข้อมูลนี้เชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน นายปลอดประสพ กล่าวว่า เหตุผลที่พรรคแต่งตั้งกรรมการขึ้นมานั้น เพราะข้อมูลสับสน เชื่อถือไม่ได้และขัดแย้งกัน เพราะเหตุการณ์นี้มีการลับ ลวง พรางอยู่ จึงต้องรอสักพักแล้วจะรับทราบข้อเท็จจริง ขณะนี้อย่าเพิ่งไปบอกว่าควรเชื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพราะวันนี้ฝ่ายหนึ่งพูดอย่าง อีกฝ่ายบอกไม่ใช่ ดังนั้น ต้องสะสางข้อมูลทั้งหมดเพื่อให้ข้อเท็จจริงออกมา เพราะที่ผ่านมาในประวัติศาสตร์ไทยหากย้อนกลับไปดูแล้วจะพบว่าเป็นคนละอย่างกับสิ่งที่พูดในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ตนขอร้องทุกฝ่ายว่าอย่าปลุกปั่นให้คนไทยให้แบ่งสี ทะเลาะและฆ่ากันเอง จนประเทศเกิดความอ่อนแอขาดความสามัคคี โดยเฉพาะที่มีบางคนพยายามนำศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ จะยิ่งทำประเทศจะเสียหาย ฉะนั้นอย่าเอาชนะกันด้วยการเอาชีวิต และความเชื่อทางศาสนามาเป็นเครื่องมือทางการเมือง เพราะเป็นบาปกรรมและผู้ที่รับเคราะห์ ก็คือ ลูกหลานของพวกท่านเอง แต่ควรแก้ปัญหาด้วยการนำเรื่องราวทั้งหมดไปแก้ไขในรัฐสภา
เมื่อถามว่า ควรเปิดโอกาสให้องค์กรระหว่างประเทศเข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้หรือไม่ นายปลอดประสพ กล่าวว่า โดยส่วนตัวนั้นมองว่าไม่จำเป็นต้องพึ่งพาคนอื่น หากคนไทยซื่อตรงกับตัวเองและเคารพกฎหมาย แต่เวลานี้โลกมันแคบจะไปห้ามไม่ให้องค์กรเหล่านี้มาสนใจก็คงยาก
นายพร้อมพงศ์ กล่าวเสริมว่า ขอตั้งคำถามฝากไปถึงสื่อว่าวันนี้มีอิสระในการนำเสนอข้อมูลหรือไม่ และข้อมูลที่เสนอโดนบิดเบือนหรือไม่ รัฐบาลให้ข้อมูลด้านเดียวหรือไม่ ในภาวะที่มีการประกาศ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินเช่นนี้