“ถาวร” เผยต้องเร่งเยียวยาประชาชนหลังมีความเห็นต่าง ย้ำเป็นเรื่องร้ายแรงที่คนไทยด้วยกันลุกขึ้นมาเผาบ้านเผาเมือง จนฆ่ากันเอง ทั้งที่ไม่เคยโกรธเคืองกัน เผย หวั่นกลุ่มใต้ดินปั่นข่าวยิงหัวนายกฯ รับสะท้อนใจทำรุนแรง พร้อมจี้ผู้ร่วมชุมนุมทำลายทรัพย์สินราชการเข้ามอบตัว ระบุ “นช.แม้ว” ไม่สำคัญพอจะจัดงบประมาณเพื่อเร่งล่าตัวมาดำเนินคดี ชี้ เอาไปแก้ปัญหาประชาชนดีกว่า แนะกลับไทยมามอบตัว หากทำตัวเป็นนักโทษดีอาจได้รับการอภัยโทษ
วันนี้ (16 เม.ย.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย กล่าวถึงการดำเนินการขั้นต่อไปของรัฐบาลภายหลังจากสถานการณ์เริ่มสงบลง ว่า ขั้นต่อไปคือการเยียวยาความคิดที่แตกต่างของพี่น้องประชาชนในชาติให้เร็วที่สุด ต้องยอมรับว่า แต่ละฝ่ายก็มีคนรัก และไม่รัก แต่เราไม่เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นในเมืองไทยเลย ที่พี่น้องประชาชนมีความคิดแตกต่างถึงขนาดลุกขึ้นมาเผาบ้าน เผาเมือง หรือเป็นปัญหาถึงขนาดหยิบปืนขึ้นมาฆ่ากันเองกับคนที่ไม่เคยโกรธเคืองกัน แต่ต้องมาบาดเจ็บและล้มตายเนื่องจากมีความคิดแตกต่าง รัฐบาลจึงมีความกังวล จึงต้องรีบเยียวยาแก้ไขในสิ่งที่เห็นอยู่ในขณะนี้ และการเยียวยาก็มี อย่างเช่น ทางกระทรวงมหาดไทย จะส่งนักการเมืองท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฝ่ายพัฒนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดลงไปทำความเข้าใจกับประชาชนให้เห็นถึงความคิดที่แตกต่างมีได้ แต่การแสดงออกที่รุนแรงไม่ควรจะเกิดขึ้น ผลที่เกิดก็ได้เห็นแล้วว่าหลายคนที่มาติดอยู่หน้าเวทีปราศรัย ผลสุดท้ายพี่น้องก็ต้องเดือดร้อน รัฐบาลเองก็ต้องจัดรถไปส่งถึงบ้าน คนที่ชักจูงมาก็เอาตัวรอดอยู่ในที่สบาย
รมช.มหาดไทย กล่าวว่า สิ่งที่ประชาชนเรียกร้อง เช่น ในกลุ่มของนักการเมืองให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือปฏิรูปการเมือง ก็ได้ยื่นเสนอเข้ามาและไปจับมือร่วมกันคิด แก้ไขจะเป็นหนทางที่ดี ส่วนประชาชนที่เป็นแนวร่วม และแกนนำที่ออกมาเคลื่อนไหวก็ขอให้ทบทวนบทบาทว่าสิ่งที่ทำมาเป็นการกระทำที่เรียกว่าสันติ อหิงสาหรือไม่ ถ้าไม่ใช่ก็หวังว่าจะปรับเปลี่ยน ส่วนประชาชนที่มาชุมนุมตั้งแต่ประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้น รัฐบาลประกาศแล้วว่าจะไม่เอาผิด ส่วนผู้ยุยงปลุกปั่น ทำอะไรไว้กับบ้านเมืองที่ได้รับความเสียหาย ให้ประชาชนลุกขึ้นมากระทำความผิดตามที่ยุยงก็ควรจะมอบตัว เพราะรัฐบาลให้คำมั่นสัญญาว่า เราจะไม่แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม และกระบวนการยุติธรรมจะให้ความยุติธรรมเต็มที่ เช่น กรณีของนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำนปช. ส่งทนายมารับทราบข้อกล่าวหา ก็ได้รับการตอบรับตามที่ได้ร้องขอไว้ ส่วนนายวีระ มุสิกพงษ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช.ก็ขอพูดจากับประชาชนก่อนที่จะถูกแยกฝากขัง รัฐบาลก็เปิดโอกาสให้ได้สิทธิเสรีภาพก่อนถูกควบคุมตัว ซึ่งอยากให้ประชาชนเห็นว่ารัฐบาลก็มีน้ำใจ มีความยุติธรรม ดังนั้น ใครที่ยังไม่มามอบตัวก็ให้มามอบตัวเสีย และใครที่รู้ว่าตัวเองทำความผิด กรณีที่มีการทุบรถนายกฯ และรถของนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกฯ ที่กระทรวงมหาดไทย ถ้ารู้ตัวว่าเป็นผู้กระทำความผิดควรจะมามอบตัว เพราะไม่สามารถที่จะหลบหนีได้ เนื่องจากมีการบันทึกเหตุการณ์ไว้หมด รวมทั้งอย่าไปฟังการยุยงของคนบางคนที่เขาไม่ได้รับความเดือดร้อน เพราะเขาไม่ต้องมารับโทษ
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีข่าวว่าจะมีเหตุการณ์เกิดขึ้นอีก แต่จะลงใต้ดินมีความรุนแรงกว่า รวมทั้งนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย ก็ระบุว่า ประเทศไทยจะเกิดเหตุรุนแรงเหมือนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ นายถาวร กล่าวว่า ถ้า นายวรวัจน์ พูดจริงก็ขอให้กลับมาคิดใหม่ เพราะ นายวรวัจน์ เองก็เคยเป็นรัฐมนตรี เป็นถึง ส.ส.หลายสมัย นักการเมืองในระบอบประชาธิปไตยไม่เคยมีใครคิดแบบนี้ การเมืองในระบอบประชาธิปไตยต้องใช้เวทีในสภา แก้ไขปัญหา เสียงข้างน้อยก็ได้รับความสำคัญ และต้องยอมรับมติของเสียงข้างมาก จึงขอวิงวอน นายวรวัจน์ อย่าได้คิดเช่นนี้ เพราะเห็นว่าบุคคลหลายคนถูกยุยงปลุกปั่นมาต้องมารับโทษ เพราะการปลุกปั่นของคนบางคนเห็นได้ชัดอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า กระแสข่าวระบุว่าหากนายกฯ ไปพื้นที่ไหนที่มีสีแดงก็อาจจะถูกยิงหัวได้ จำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนทีมรักษาความปลอดภัยของนายกฯ หรือไม่ นายถาวร กล่าวว่า คำพูดเช่นนี้ตนได้ยินแล้วใจหายมาก และรู้สึกสะท้อนใจจริงๆ
“การต่อสู้ในกระบวนการประชาธิปไตยต้องต่อสู้กันด้วยเหตุผล ไม่ใช่สู้กันด้วยกระสุนปืน หอก คมดาบ ดังนั้น ถ้าคิดเช่นนี้ขอให้เปลี่ยนความคิดเสียใหม่ ยังไม่สาย เพราะกฎหมายไม่เคยยกเว้นให้ใครมีเงินนับแสนล้านก็ต้องถูกศาลพิพากษาจำคุก เป็นนักการเมืองมากี่สมัยก็ตามต้องคำนึงถึงการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่มีเหตุผล ใช้เวทีสภาแก้ไขปัญหา ส่วนทีมรักษาความปลดอภัยของนายกฯ ก็ต้องได้มาตรฐานสากล ตามที่ผู้นำของแต่ละประเทศพึงจะได้รับในการรักษาความปลอดภัย ส่วนจะเปลี่ยนทีมใหม่หรือไม่ก็สุดแล้วแต่นายกฯ” นายถาวร กล่าว
เมื่อถามว่า ในการประชุม ครม.นัดพิเศษในวันพรุ่งนี้ (17 เม.ย.) จะมีการตั้งคณะกรรมการชุดพิเศษเพื่อดูแลความปลอดภัยของนายกฯ และไล่ล่าตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ กลับมาประเทศไทย รมช.มหาดไทย กล่าวว่า สำหรับการรักษาความปลอดภัยจะมีการหารือในที่ประชุมครม. ส่วนการตั้งทีมไล่ล่า พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เป็นข่าวไม่เคยมีใครเสนอในที่ประชุมของกองอำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (กอฉ.) ซึ่งการพูดเช่นนี้อาจจะมาจากผู้ที่ไม่หวังดีเพราะเห็นว่าการติดตามคนที่ทำผิดหากอยู่ในประเทศก็เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่หากอยู่ในต่างประเทศก็เป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศ ดังนั้น จะไม่มีการตั้งคณะทำงานเป็นพิเศษ จะไม่ให้ความสนใจถึงขนาดจัดเงินงบประมาณพิเศษ เราเป็นประเทศที่ยากจน รายได้ประเทศลดลง จีดีพีของประเทศลดลง เอาเงินของส่วนนั้นมาแก้ไขปัญหาความยากจนของประชาชนดีกว่า จะไม่นำเงินส่วนนั้นมาใช้ในทำนองนี้แน่นอน
ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลมีการกดดัน พ.ต.ท.ทักษิณ หลายอย่างทั้งการถอนพาสปอร์ต หรือติดต่อไปยังประเทศต่างๆ คิดว่าการได้ตัว พ.ต.ท.ทักษิณ มีโอกาสมากน้อยเพียงใด รมช.มหาดไทย กล่าวว่า อยู่ที่ประเทศเพื่อนพันธมิตรที่มีความสัมพันธ์ด้านการทูต และมีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน จะให้ความร่วมมือกับเราแค่ไหน รวมทั้งขึ้นอยู่กับขั้นตอนทางกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมทำงานมีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด
“สิ่งสำคัญอยู่ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะสำนึกในสิ่งที่ได้กระทำไปมากน้อยเพียงใด คนที่ถูกศาลพิพากษาให้จำคุก 20 ปี จำคุกจริงๆ แค่ประมาณ 8 ปี เมื่อเป็นนักโทษชั้นดีก็ได้รับการอภัยโทษ สิ่งเหล่านี้ท่านเองก็ยังอายุไม่มาก ความรู้ความสามารถยังสูง ทรัพย์สมบัติยังมีมากมาย อยากให้กลับตัวกลับใจ ถ้าเดินทางเข้ามาประเทศไทยท่านจะได้รับการดูแลเหมือนคนไทยคนอื่นๆ ที่ควรจะได้มาตรฐานจากรัฐ” นายถาวร กล่าว
เมื่อถามว่ากลัวหรือไม่ว่าจะเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว เพราะมีการให้ข่าวกับชาวบ้านว่ามีคนเสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายการชุมนุม นายถาวร กล่าวว่า คนที่ให้ข่าวไม่เคยพิสูจน์ว่ามีใครเสียชีวิต หรือมีใครสูญหาย นี่คือ กระบวนการใต้ดินที่ยังคงปลุกปั่นยุยงเข้าข่ายกระทำความผิดทางประมวลกฎหมายอาญา ก็ขอให้ยุติอย่าตกเป็นเครื่องมือ ถ้าท่านเหล่านั้นจะแสวงหาความยุติธรรม อย่ากล่าวหาลอยๆ ว่าคนนั้นตาย คนนี้ตาย ให้ประชาชนเข้าใจผิด แต่พอพิสูจน์กันจริงๆ ยังไม่ตาย
เมื่อถามว่า กลุ่มสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) ได้รับข้อมูลว่ามีคนตายแล้ว 60 คน และได้ตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียนคนหาย นายถาวร กล่าวว่า ผู้อยู่เบื้องหลังสมาชิกของ สนนท.มีลูกของผู้ต้องหาอยู่ 2 คน คนอื่นๆ ต้องใช้ดุลพินิจก่อนร่วมกิจกรรม การกล่าวหาลอยๆ จัดกิจกรรมซ้ำเติมบ้านเมือง ขอให้ดูพ่อเป็นตัวอย่างว่าทำอะไรแล้วได้รับผลอะไร ไม่อยากให้เยาวชนของชาติทำในสิ่งที่ไม่จริง