พรรคประชาธิปัตย์ ประเมินสถานการณ์บ้านเมืองหลังแดงถ่อยป่วนกรุง ชี้เหตุการณ์ยังเปราะบาง หลังแนวร่วมยังเคลื่อนไหวผ่าน 4 แนวทางแบบใต้ดิน ทั้งพยายามพูดผ่านสื่อต่างประเทศ บิดเบือนข้อมูลตัวเลขคนเสียชีวิตเหตุสลายการชุมนุมหวังให้ประชาชนเข้าใจผิด ระบุพรรคเตรียมจับโกหก “ทักษิณ” ยั่วยุผู้ชุมนุม ชี้แจงผ่านสื่อต่างประเทศ 17 เม.ย.นี้ พร้อมขู่ปล่อยข่าวมั่วเจอความผิดอาญาแน่ ยังหนุนใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินต่อ
วันนี้ (16 เม.ย.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคได้ประเมินสถานการณ์บ้านเมืองหลังจากนี้ว่าสิ่งสำคัญที่รัฐบาลสามารถควบคุมสถานการณ์ความไม่สงบได้ โดยไม่มีประชาชนสูญเสียชีวิต เพราะได้รับการสนับสนุนประชาชนส่วนใหญ่ในชาติ ในความร่วมมือให้ข่าวสารจากทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ทั้งนี้ พรรคมองว่ายังมีความเปราะบางต่อสถานการณ์ความไม่สงบ ว่าอาจจะมีการเคลื่อนไหวใน 4 รูปแบบของแนวร่วมผู้อยู่เบื้องหลัง และผู้ให้การสนับสนุน ที่ชักใยให้เกิดเหตุการณ์ไม่สงบขึ้น คือ 1.การเคลื่อนไหวจะลงสู่ใต้ดินมากขึ้น เพราะเห็นได้จากโฆษกพรรคเพื่อไทย นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่พูดผ่านสื่อต่างประเทศ เพื่อให้ผู้สนับสนุตต่อต้านอำนาจรัฐ
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า 2.มีการบิดเบือนข้อมูลข้อเท็จจริง เพื่อให้ประชาชนเข้าใจผิด และให้เกิดการเผชิญหน้า เช่น กรณีมีการปล่อยข่าวว่ามีประชาชนเสียชีวิต จากการเข้าควบคุมสถานการณ์ของเจ้าหน้าที่ และมีการพยายามสร้างกระแสข่าวและเตรียมการสร้างสถานการณ์ว่ามีคนหายขึ้นมา โดยมีการเตรียมการว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ โดยปล่อยข่าวว่ามีการเสียชีวิต ปกปิด และเก็บศพไว้ ซึ่งขณะนี้ยังมีแกนนำพรรคเพื่อไทย และอดีตคนบ้านเลขที่ 111 เข้ามาตอบรับแล้ว รวมถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศอย่างอัลจาซิล่า รวมถึงสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) ซึ่งพรรคยืนยันว่าให้การสนับสนุนในการชี้แจงข้อเท็จจริงของรัฐบาล และคณะกรรมการอำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (กอฉ.) ที่ได้เรียงลำดับเหตุการณ์ สถานการณ์ให้ประชาชนได้รู้ข้อมูลข่าวสาร ข้อเท็จจริงทั้งหมดแล้ว และพรรคขอเตือนว่า การปล่อยข่าวลือใด เพื่อให้เกิดความแตกแยก มีความผิดตาม พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน และผิด กฎหมายอาญา ของบ้านเมือง
นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า 3.ความพยายามกดดันของส.ส.เพื่อไทย และสมาชิกบ้าน 111 ที่นำกฎหมายปรองดอง เข้าพิจารณา เพื่อนิรโทษกรรมความผิดให้กับผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าว รวมทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ และสมาชิกบ้านเลขที่ 111 และ 4.มีการแย่งชิงพื้นที่สื่อต่างประเทศ ทำลายความน่าเชื่อถือของประเทศไทย และรัฐบาล ซึ่งมีการดำเนินการต่อไปอย่างเป็นขั้นตอน
นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า ทั้งนี้พรรคได้ติดตามข้อมูล ข่าวสารในสื่อต่างประเทศ สรุปได้ว่า 1.รัฐบาลได้เสนอข่าวสารข้อเท็จจริงในการควบคุมสถานการณ์ความไม่สงบ โดยปฏิเสธข้อกล่าวหาต่างๆ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในเวทีโลกได้ดี 2.รัฐบาลปฏิเสธข้อกล่าวหาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ระบุว่า ไม่เคยยุยงส่งเสริมม็อบให้เกิดความขัดแย้ง ซึ่งขัดแย้งกับคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก่อนหน้านี้ ที่ได้ร่วมกับนายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำ นปช.โดยจับโกหกได้ชัดเจน เพราะที่เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศในช่วงเหตุการณ์กำลังคุกรุ่น บุคคลทั้ง 2 มีการพูดถึงช่วงนาทีทองที่จะลุกฮือขึ้น เพื่อก่อให้เกิดสงครามประชาชนอย่างต่อเนื่อง จนเกิดมีการจลาจลเกิดขึ้น ซึ่งกรณีนี้พรรคประชาธิปัตย์ จะจัดให้มีการชี้แจงต่อสื่อต่างประเทศในวันที่ 17 เม.ย.นี้ ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์
โฆษพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคจะจัดกิจกรรม เพื่อให้ประเทศไทยกลับมาสู่ความสงบ คือ 1.พรรคยังคงสนับสนุนใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินต่อไป จนกว่าจะมีการประเมินในการประชุม ครม.นัดพิเศษ ในวันที่ 17 เม.ย.นี้ และสนับสนุน กอฉ.ในการควบคุมสถานการณ์และดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ร่วมก่อการ และผู้สนับสนุนที่ร่วมก่อการ ตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดเด็ดขาด เพื่อให้บุคคลเหล่านั้นรับผิดชอบกับสิ่งที่ทำลงไป รวมถึงการขยายผลสืบค้นผู้ที่ร่วมมือก่อการจลาตล ที่ถูกบันทึกไว้ ทั้งสื่อและเจ้าหน้าที่ให้มาลงโทษ ส่วนผู้เข้าร่วมชุมนุมด้วยความบริสุทธิ์ใจและไม่ได้ร่วมการก่อการใดๆ ก็ถือว่าเป็นการใช้สิทธิ์ตามกฎหมายในการชุมนุม 2. เยียวยาฟื้นฟูผลกระทบที่ได้รับจากเหตุการณ์ครั้งนี้ โดยไม่เลือกปฏิบัติไม่ว่าเสื้อสีใด โดยจะเน้นการสมานฉันท์ภายใต้กรอบกฎหมาย พร้อมทั้งกอบกู้วิฤตเศรษฐกิจในครั้งนี้ ที่จะมีการหารือในการประชุมครม.นัดพิเศษ 3.ให้สังคมและทุกภาคส่วนร่วมสร้างภูมิคุ้มกัน เพื่อไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก และ 4.แสวงหาความร่วมมือกับมิตรประเทศ เพื่อให้เกิดความเข้าใจ รวมทั้งติดตาม พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมารับโทษในประเทศไทย โดยจะเน้นขอร่วมมือจาก 3 ประเทศ คือ กัมพูชา สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และนิการากัว ที่ก่อนหน้านี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เปิดเผยว่ามีพาสปอร์ตในประเทศดังกล่าว ทั้งนี้ ประเทศไทยเคารพสิทธิของทุกประเทศ แต่เป็นการขอความร่วมมือมิตรประเทศ เพื่อให้แจ้งว่ามีการใช้พาสปอร์ตของประเทศใด เพื่อให้ประเทศนั้นแจ้งกับมา และติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ มาดำเนินคดี
