“มาร์ค” เย้ยเสื้อแดงร้องผู้นำอาเซียนไร้ผล-เผยเจรจา “ฮุนเซน” ราบรื่น

“มาร์ค” เย้ย “เสื้อแดง” ร้องอาเซียน กล่าวหารัฐบาลไม่เป็นประชาธิปไตยไร้ผล ชี้ เคยเร่ร้องทูตหลายประเทศ แต่ผู้นำก็ยังมาประชุมที่หัวหิน มั่นใจแนวทางจัดการม็อบ หลีกเลี่ยงการปะทะ ทำให้แก้ปัญหาง่ายขึ้น ลั่นต้องสะสางคนทำผิดกฎหมาย เผย “ฮุนเซน” ชมไทยจัดประชุมเยี่ยม เตรียมเยือนกัมพูชา 18 เม.ย.นี้ ก่อนร่วมงาน “ซีอีโอฟอรัม” ที่เกาหลี

เมื่อเวลา 18.00 น.วันที่ 10 เม.ย.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการหารือทวิภาคี กับประเทศกัมพูชา และเกาหลีใต้ ว่า การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาจะเริ่มขึ้นเย็นวันนี้ (10 เม.ย.) จะมีการประชุมระหว่างรับประทานอาหารค่ำมีประเด็นสำคัญในการติดตามความร่วมมือต่างๆ ที่มีความเห็นชอบไปในการประชุมอาเซียนเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ และต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และตนจะใช้โอกาสนี้รายงานผลการประชุม จี20 ที่ตนไปเข้าร่วมในฐานะประธานอาเซียนให้บรรดาประเทศสมาชิกทราบ รวมถึงเรื่องการเตรียมการประชุมวันที่ 11 เม.ย.ซึ่งจะมีการประชุมกับประเทศคู่เจรจา บวก 3 บวก 6 ตลอดจนการประชุมกับองค์กรระหว่างประเทศ เช่น สหประชาชาติและองค์กรอื่นๆ ต่อไป

“การจัดการประชุมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ขณะนี้บรรดาผู้นำประเทศต่างๆ ได้เดินทางเข้ามาตามกำหนดการทุกประการและมาถึงสถานที่ประชุมเรียบร้อย อย่างไรก็ตาม วันนี้ผมได้มีการหารือทวิภาคีกับประเทศกัมพูชาและเกาหลีใต้แล้ว โดยในส่วนของกัมพูชา ผมและนายกฯ ฮุนเซน ได้มีการพูดถึงความร่วมมือค่อนข้างกว้างขวางมาก และเห็นตรงกันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น (ที่ชายแดน) เมื่อวันที่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมา เป็นเรื่องความเข้าใจผิดหรืออุบัติเหตุที่ทำให้เกิดการปะทะ ซึ่งตรงนี้เราจะไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ และความร่วมมือหลายด้าน ซึ่งจะเดินหน้าต่อไปอย่างเต็มที่ และทั้ง 2 ฝ่ายจะใช้ความระมัดระวังใช้กระบวนการเจรจารวมถึงการติดต่อสื่อสารโดยตรง เพื่อไม่ให้เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก” นายอภิสิทธิ์กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า สำหรับความร่วมมือที่จะผลักดันร่วมกัน เช่น กรณีทรัพยากรในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล ทางกัมพูชา และไทย เห็นว่า จะผลักดันเรื่องนี้ต่อไปโดยมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีของ 2 ประเทศ ทำเรื่องนี้ให้สำเร็จคือบรรลุข้อตกลงโดยเร็ว เพราะถือเป็นประโยชน์ของประชาชนทั้ง 2 ประเทศ โดยเฉพาะในภาวะต่อไป เพราะเรื่องความมั่นคงด้านพลังงานจะเป็นประเด็นสำคัญ นอกจากนี้ ยังมีเรื่องความร่วมมือในโครงการอื่นๆ ในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เขื่อนสะตรึงนำ ซึ่งจะเป็นโครงการผลิตไฟฟ้าและเป็นแหล่งน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่น้องจังหวัดจันทบุรีและจังหวัดตราด และการให้ความช่วยเหลือเรื่องเงินกู้ถนนสาย 68 จากช่องจอมออกไป ตรงนี้เราก็ยืนยันความร่วมมือ และช่วงเย็นได้มีการทำพิธีส่งมอบคืนวัตถุโบราณศิลาแลงศิลปะบายัน 1 ใน 7 ชิ้น ตามที่ ครม.มีมติไปตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์

ส่วนการหารือร่วมกับเกาหลีใต้ ได้พูดถึงความสัมพันธ์ทวิภาคีที่เป็นไปด้วยดี มีการฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อปีที่แล้ว ที่ครบรอบ 50 ปี และมีการพูดถึงข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างอาเซียนโดยเกาหลีใต้จะมีส่วนผลักดัน ขยายความสัมพันธ์ทางการค้า และเรื่องการลงทุนประเทศไทย จะเปิดสำนักงานส่งเสริมการลงทุนในกรุงโซล และการที่ไทยกำหนดให้ปีนี้เป็นปีแห่งการลงทุน พร้อมๆ กับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ จะเป็นการเพิ่มช่องทางการลงทุนในประเทศไทย นอกจากนี้ยังได้แลกเปลี่ยนเรื่องการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมที่มีความสัมพันธ์ต่อกัน ซึ่งทำให้เกิดความแน่นแฟ้นระหว่าง 2 ฝ่ายมากยิ่งขึ้น

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนมีกำลังการเยือนกัมพูชาในวันที่ 18 เม.ย.นี้ และจะมีโอกาสเข้าเฝ้ากษัตริย์นโรดมสีหมุนี รวมถึงการเข้าเยี่ยมคารวะประธานสภาแห่งชาติ และประธานวุฒิสภาของกัมพูชา นอกเหนือจากการพบปะสมเด็จฮุนเซนอีกครั้งหนึ่ง และในส่วนของเกาหลีได้มีการจัดประชุมสุดยอดอาเซียนเกาหลี ที่เชจู ในช่วงเดือน มิ.ย.นี้ โดยตนได้รับเชิญให้ไปร่วมด้วย รวมถึงงาน ซีอีโอฟอรัม ซึ่งจะมีการปาฐกถา กับนักธุรกิจของอาเซียน และเกาหลีที่อยู่ที่นั่น

หนุนอาเซียนถกสันติภาพ คาบสมุทรเกาหลี

เมื่อถามว่า ได้มีการหารือเรื่องความไม่สงบในคาบสมุทรเกาหลีหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ประเด็นนี้คงมีการพูดคุยแน่นอน ซึ่งเป็นไปได้ที่จะมีการพูดคุยทั้งในส่วนของอาเซียน เกาหลี และในส่วนของอาเซียนบวก 3 ส่วนจะมีข้อความที่เป็นแถลงการณ์ต่างหากหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการพูดคุยกันในวันที่ 11 เม.ย.แต่อย่างน้อยที่สุดในส่วนของตนคิดว่าเป็นโอกาสที่ดี ที่ประเทศในภูมิภาคจะได้รับทราบถึงสถานการณ์และมีท่าทีร่วมกัน จุดยืนของไทยชัดเจนไม่ต้องการเห็นความตึงเครียด ต้องการให้ทุกฝ่ายใช้วิธีการทางการทูตคลี่คลายปัญหา หากสหประชาชาติ โดยคณะมนตรีความมั่นคงมีมติหรือแนวทางเป็นอย่างไร ก็อยากจะให้สมาชิกสหประชาชาติปฏิบัติตามนั้นเพื่อความเป็นเอกภาพในการคลี่คลายปัญหานี้ ทั้งนี้ ยังมีเวทีอื่นๆ ซึ่งสามารถหยิบยกเรื่องเหล่านี้เข้ามาได้ อาเซียนก็มีในส่วนของ เออาร์เอส และเวทีอื่นๆ

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในการหารือทวิภาคีกับผู้นำเกาหลีใต้ ยังไม่ได้มีการพูดคุยถึงกรณีที่เกาหลีเหนือจะยิงขีปนาวุธ เพราะทราบดีว่าจะคุยกันในกรอบของอาเซียนบวก 3 และบวก 6 อยู่แล้ว

เย้ยหนังสือเสื้อแดงเคยยื่นมาแล้ว

นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มเสื้อแดงจะกลับมาฟังคำตอบอีกครั้งในวันที่ 11 เม.ย.หลังจากได้ยื่นหนังสือกล่าวหานายอภิสิทธิ์ ว่า ไม่ใช่นายกฯ ที่มาตามระบอบประชาธิปไตย ต่อตัวแทนอาเซียน ว่า ตนคงไม่ใช่ผู้ที่จะให้คำตอบกับเขา เพราะเข้าใจว่าไม่ได้ยื่นหนังสือถึงตน เพียงแต่จะบอกว่าแกนนำของเขาเคยเดินสายยื่นเรื่องเดียวกันนี้ ต่อทุกสถานทูตของประเทศในกลุ่มอาเซียนมาตั้งแต่ก่อนการประชุมครั้งที่แล้ว และครั้งนี้ก็เป็นคำตอบอยู่ในตัว

เมื่อถามว่า วันที่ 11 เม.ย.ซึ่งจะเริ่มประชุมอย่างเป็นทางการ โดยที่กลุ่มเสื้อแดงจะกลับมาอีก รัฐบาลมีมาตรการดูแลอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนยืนยันรัฐบาลมีความพร้อมในการจัดการประชุมและอยากยืนยันว่าการประชุมครั้งนี้ 1.เป็นผลประโยชน์ของพี่น้อง ประชาชนคนไทยทุกคนเป็นหน้าเป็นตาของประเทศ ตนไม่สามารถเข้าใจความคิดของใครก็ตามที่จะขัดขวางไม่ให้ประเทศไทยในฐานะประธานอาเซียนทำหน้าที่ของเรา เพราะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียง 2.การประชุมครั้งนี้ไม่ใช่เฉพาะอาเซียนแต่มีคู่เจรจาอีก 6 ประเทศ ซึ่งการประชุมหมายถึงผลประโยชน์ของประเทศ 16 ประเทศ ไม่มีเหตุผลอะไรที่เราจะต้องเอาเรื่องปัญหาการเมืองภายในซึ่งรัฐบาลนี้เป็นรัฐบาล ที่รับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างและเปิดโอกาสให้แสดงออกและใช้สิทธิเสรีภาพอยู่แล้ว จะมากระทบประโยชน์ของคนจำนวนมาก อย่างที่บอกไม่ใช่เฉพาะในประเทศ ไม่ใช่เฉพาะในอาเซียนด้วยซ้ำ แต่เป็นผลประโยชน์ของคนทั้งภูมิภาค มาตรการก็เตรียมเอาไว้ทั้งนั้น และจะดูแลให้การประชุมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่กลุ่มเสื้อแดงยื่นหนังสือกับตัวแทนอาเซียน โดยฟ้องในลักษณะนายกรัฐมนตรีไม่ได้มาจากประชาธิปไตย จะกระทบภาพพจน์ที่นายกฯ กำลังเรียกความเชื่อมั่นของประเทศหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เขายื่นเคยยื่นตามสถานทูตต่างๆ มาแล้ว คงจำได้ช่วงเดือนมกราคม กุมภาพันธ์ และประเทศเหล่านั้นก็มาร่วมประชุม ตนทำหน้าที่เป็นตัวแทนของทั้ง 10 ประเทศ ที่ลอนดอนมาแล้ว และวันนี้นายกฯ ฮุนเซนยังกล่าวถึงการทำหน้าที่ของตนที่ลอนดอน มันเป็นคำตอบในตัวอยู่แล้ว

เมื่อถามว่าแสดงว่า นายกฯ มั่นใจว่า สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถกระทบใดๆ นายกฯ กล่าวว่า ตนมั่นใจเพราะมันมีคำตอบในตัวอยู่แล้ว ไม่ใช่คำตอบที่เราคิดเอง แต่เป็นคำตอบที่เกิดขึ้นจากสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว และเกิดขึ้นจริง ทราบกันทั่วโลก

เมื่อถามว่า ผู้นำได้สอบถามนายกฯ หรือไม่ เพราะกลุ่มเสื้อแดงเดินทางมาปิดล้อมถึงหน้าโรงแรม นายกฯ กล่าวว่า ไม่มีการสอบถามเลย โดยเฉพาะเกาหลีกับกัมพูชา ท่านหนึ่งพักที่นี้ อีกท่านพักที่อื่น จริงๆ ถ้าพูดถึงการสนทนาประธานาธิบดีเกาหลีได้แสดงความขอบคุณเรื่องการเตรียมความพร้อมการประชุม

เมื่อถามว่าคิดว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงเริ่มมีผลกระทบกับการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐบาลหรือยัง นายกฯ กล่าวว่า เห็นว่า ขณะนี้รัฐบาลได้เดินหน้าทำงาน ตามเป้าหมายทุกอย่าง อาจจะมีความขลุกขลักบ้างหลายช่วง แต่ตนดูแลว่างานใหญ่ไม่เสีย และไม่ต้องการให้เกิดการสูญเสียหรือความรุนแรง ถ้าหลีกเลี่ยงได้หาความพอดีตรงนี้ตลอด และมั่นใจว่าแนวทางนี้คือแนวทางที่จะทำให้เราแก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืนในที่สุด

เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้ นายกฯ เคยพูดว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดง ถ้าไม่ทำให้การทำงานของรัฐบาลสะดุด รัฐบาลจะไม่จัดการอะไรเด็ดขาด แต่การประกาศเป็นวันหยุดราชการ ส่วนหนึ่งถือว่าการทำงานสะดุด การดำเนินการของเสื้อแดง ถือว่าได้ผลระดับหนึ่ง ถึงเวลาจะใช้มาตรการเด็ดขาดหรือยัง นายกฯ กล่าวว่า เราต้องประเมินสถานการณ์ ต้องเทียบเคียงถ้ารัฐบาลใช้วิธีอื่น งานรัฐบาลจะสะดุดมากกว่านี้หรือไม่ ซึ่งเป็นเป้าหมายของเขา ตนคิดว่าที่ทำอยู่นี้ทำด้วยความรอบคอบ และทำให้การแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ง่ายขึ้นไปเรื่อยๆ จุดยืนของรัฐบาลและความถูกต้องที่เรายืนอยู่กับหลักการจะช่วยให้เราแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ได้ และตนคิดว่าเสียงสะท้อนของประชาชนส่วนใหญ่จากการสำรวจความคิดเห็นต่างๆ บ่งบอกว่าขณะนี้มีความเข้าใจดี ต่อจุดยืนของรัฐบาลและคิดว่าเป็นแนวทางที่น่าจะเป็นคำตอบได้ แต่แน่นอนยังมีเรื่องที่ต้องสะสาง ไม่ได้ปล่อยทุกอย่างผ่านไปเฉยๆ

เมื่อถามว่ารู้สึกอย่างไรกับเสียงสะท้อนที่บอกว่ารัฐบาลไม่กล้า นายกฯ กล่าวว่า ตนได้เรียนไปเมื่อคืนที่ผ่านมาชัดเจนกับประชาชนว่าตนทราบหลายคนอึดอัด หลายคนหงุดหงิด หลายคนโกรธ แต่ตนขอรับผิดชอบกับการตัดสินใจที่ดูแลให้งานใหญ่ไม่เสียและความรุนแรง ความวุ่นวายไม่ขยายวง และเราสามารถเดินต่อได้ และจะสะท้อนชัดเจนว่าเรากำลังแยกแยะคนที่มาชุมนุมในเรื่องของประชาธิปไตยกับคนที่มาชุมนุมด้วยเหตุผลอื่นซึ่งไม่ได้เป็นผลประโยชน์ของประชาชนโดยส่วนรวม

ส่วนการดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมที่ทำผิดกฎหมายนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าอยู่ระหว่างการดำเนินการโดยมีทั้งการขออำนาจศาล และการดำเนินคดีอื่นๆ ซึ่งเมื่อช่วงเช้าก่อนจะมาพัทยาตนก็ได้ไปประชุมเรื่องนี้ ส่วนจะจับกุมแกนนำหรือไม่ อยู่ที่ข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง ซึ่งขอยืนยันว่า ไม่ว่าจะเป็นแกนนำหรือไม่ ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการเตรียมในเรื่องพยานหลักฐาน และจะขออำนาจศาลต่อไป โดยมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องที่จะดำเนินการได้หลายมาตรา ซึ่งวานนี้ (9 เม.ย.) ที่รายงานมามีประมาณ 3-4 มาตรา

เมื่อถามว่าขณะนี้เริ่มมีการเลียนแบบพฤติกรรมของผู้ชุมนุมที่กรุงเทพฯ โดยการปิดถนนจะแก้ไขปัญหาอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีความพยายามปิดถนนเพิ่มเติมในกรุงเทพฯ วันนี้ แต่ไม่สำเร็จและส่วนที่ค้างอยู่ก็กำลังดำเนินการ

สำหรับกรณีที่มีข้อสังเกตจากเจ้าหน้าที่ต่างประเทศที่มาร่วมประชุมครั้งนี้ติงเรื่องการรักษาความปลอดภัยที่ปล่อยให้ผู้ชุมนุมเข้ามาประชิดโรงแรมได้ง่ายดาย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าตนรับฟังทุกเสียงสะท้อนและมาตรการต่าง ๆ ของเจ้าหน้าที่นั้นขอยืนยันว่าเราให้ความปลอดภัยและให้การประชุมไปได้โดยราบรื่นอย่างแน่นอน

ส่วนความรวดเร็วในการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดจากการชุมนุมนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าเป็นไปตามปกติ โดยมีกระบวนการทางกฎหมายอยู่แล้ว โดยหากส่วนไหนหลักฐานชัดก็จะสามารถดำเนินคดีได้เร็ว

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงประโยชน์ที่จะได้จากการประชุมครั้งนี้ว่า ขณะนี้ทั่วโลกกำลังเกิดวิกฤติเศรษฐกิจที่หนักสุดในรอบ 70 ปี แต่เอเชียเป็นภูมิภาคที่พื้นฐานยังเข้มแข็ง ฉะนั้นจึงหวังว่าการประชุมครั้งนี้จะทำให้เกิดความร่วมมือประสานกันมากขึ้น จะเป็นตัวอย่างที่ดีกับภูมิภาคอื่นๆ เช่น ปฏิญญาเชียงใหม่