xs
xsm
sm
md
lg

“สนธิญาณ” ฉีกแผน “แม้ว” ยึดแนวคอมมิวนิสต์จูงจมูกสาวก ทวงคืนอำนาจ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม หรือชื่อเดิม คือ นายสนธิญาณ หนูแก้ว นักสื่อสารมวลชน
“สนธิญาณ” ฉีกแผน “นช.แม้ว” ยึดแนว “พรรคคอมมิวนิสต์” ล้างสมองสาวกหวังทวงคืนอำนาจ ซัด “ทักษิณ” ประกาศชัด “8 เม.ย.” ยิ่งใหญ่กว่าเหตุการณ์ 14 ตุลา-พฤษภาทมิฬ แต่ไม่คำนึงถึงเลือดเนื้อของ ปชช. ย้อนเกล็ด “อดีตนายกฯ” เรียกร้องประชาธิปไตย ทั้งๆ ที่เคยเดินแจกเงินเพื่อโค่นล้มรัฐบาล “ป๋าเปรม”
 
  คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม

รายการ “คนในข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน ช่วงเวลา 20.30-21.30 น. วันที่ 7 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งนายเติมศักดิ์ จารุปราน เป็นผู้ดำเนินรายการ โดยมีนายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม หรือชื่อเดิม คือ นายสนธิญาณ หนูแก้ว นักสื่อสารมวลชน ซึ่งเป็นหนึ่งใน “กลุ่มสยามสามัคคี” ร่วมวิเคราะห์ถึงการเคลื่อนไหวของนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และกลุ่มเสื้อแดงที่ประกาศชุมนุมใหญ่เพื่อทำสงครามประชาชนในวันที่ 8 เม.ย.นี้ ว่า จากที่ได้แลกเปลี่ยนข่าวสารกัน จึงได้ข้อสรุปว่า การเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ และกลุ่มเสื้อแดง ถือเป็นอันตรายต่อประเทศชาติ โดยมีการเคลื่อนไหวในทางลับที่น่าตกใจมาก ซึ่งน่าตกใจว่ารัฐบาลกำลังทำอะไรอยู่ เพราะมีประเด็นที่น่าเป็นห่วงจนเราต้องมารวมตัวกันเป็นกลุ่มสยามสามัคคี เนื่องจากรูปแบบของกลุ่มคนดังกล่าวนั้น ถอดด้ามมาจากพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ในอดีต

“ซึ่งประเด็นที่ระบุว่า ถอดแบบมาก็คือ 1.คุณทักษิณ ระบุว่า ประเทศไทยถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลง และตัวเองจะกลับมาบริหารประเทศอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งถ้าคิดตามสามัญสำนึกของคนทั่วไปว่า คุณทักษิณ สามารถกลับมาเมืองไทย โดยไม่ต้องรับโทษก่อน ได้หรือไม่ ส่วนวิธีการอื่นหากคุณทักษิณ จะกลับประเทศไทยก็คือ จะต้องเปลี่ยนแปลงโครงสร้างดั้งเดิมของสังคมไทยเสียก่อน เพื่อจะเปิดช่องให้คุณทักษิณ กลับมามีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่วิธีการที่มาจากการเลือกตั้ง เพราะคุณทักษิณ น่าจะวิเคราะห์ว่า ไม่ใช่ทิศทางที่จะกลับมาสู่อำนาจได้ เพราะเกิดตัวแปรทางการเมือง ซึ่งก็คือกลุ่มของนายเนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย”นายสนธิญาณ กล่าว

นายสนธิญาณ กล่าวอีกว่า วิถีทางที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะได้อำนาจมาด้วยการเลือกตั้ง ก็คือพื้นที่เลือกตั้งที่ภาคอีสาน ซึ่งนายเนวิน แบ่งอีสานออกไปแน่นอน และการที่นายเนวิน ประกาศตัวชัดแล้วว่า ยืนคนละข้างกับ พ.ต.ท.ทักษิณ แล้วไปจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์นั้น ทำให้โอกาสของพรรคเพื่อไทย ที่จะช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ จึงเป็นไปไม่ได้ ส่วนวิธีการที่กลุ่มของ พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังดำเนินการเลียนแบบพรรคคอมมิวนิสต์นั้น โดยมีพรรคเพื่อไทย เป็นศูนย์แกนนำ ไม่ใช่พวกกะโหลกกะลาที่ออกมาพูดอยู่ทุกวันนี้ รวมทั้งมีแกนในการจัดตั้ง และมีเครือข่ายเชื่อมโยง เพื่อดำเนินการเคลื่อนไหว

“วันนี้กลุ่มคนเสื้อแดงใช้คำว่า โค่นล้มอมาตยาธิปไตย แต่เมื่อกลับไปดูเนื้อหาของวิทยุชุมชน หรือดีทีวี เราจะพบเนื้อเพลงที่มีแนวตอกย้ำเรื่องชนชั้นที่มีความเหลื่อมล้ำ ซึ่งเปรียบเสมือนกับหญ้าพิษ หรือเมล็ดพันธุ์แห่งพิษร้ายที่กำลังหว่านลงไปให้กับพี่น้องคนไทย ให้มีความแตกแยกกัน ที่สำคัญคือ ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นชาวพุทธ จะต้องรู้ว่าผลที่ตัวเองได้รับนั้น คือผลแห่งกรรม แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เชื่อ กลับไปเชื่อในเรื่องภราดรภาพ หรือความเสมอภาคกัน และยังเน้นเรื่องการต่อสู้ทางชนชั้น” นายสนธิญาณ ระบุ

นายสนธิญาณ กล่าวอีกว่า ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่า ในวันที่ 8 เม.ย.นี้ เหตุการณ์จะยิ่งใหญ่กว่าเหตุการณ์ 14 ตุลา และจะยิ่งใหญ่กว่าเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ลืมไปหรือไม่ เพราะ 2 เหตุการณ์ที่เอามาเปรียบเทียบนั้น ใช้ชีวิต และเลือดเนื้อของประชาชน แลกมาซึ่งประชาธิปไตย และสิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ พูดออกมานั้น เพียงเพื่อต้องการสนองความต้องการของตัวเองที่อยากจะให้ยิ่งใหญ่กว่า แต่ความหมายคืออะไร สำหรับเป้าหมายการต่อสู้ของคอมมิวนิสต์ในอดีตนั้น ก็คือการยกระดับความคิดของประชาชน เพื่อให้เชื่อว่าสังคมมีความเหลื่อมล้ำ และวันนี้เครือข่ายคนเสื้อแดงก็ทำในสิ่งเหล่านี้ เพียงแต่ไม่มีคำว่าพรรคคอมมิวนิสต์เท่านั้น โดยกลุ่มของ พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังรอเวลาสุกงอมของมวลชน

ส่วนที่กลุ่มเสื้อแดงเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนไหว โดยพยายามขับเน้นเรื่องความจงรักภักดีนั้น นายสนธิญาณ กล่าวว่า มีประชาชนเริ่มถามว่า สิ่งที่กลุ่มเสื้อแดงกำลังทำอยู่ โดยบอกว่ายังจงรักภักดีต่อสถาบัน แท้ที่จริงแล้วเป็นความจริงหรือไม่ ทั้งๆ ที่พฤติกรรมของเขากระทำต่อประธานองคมนตรี และองคมนตรี ซึ่งตนเชื่อว่า คนไทยที่เป็นกลุ่มเสื้อแดง เกือบทั้งหมด มีความจงรักภักดี และการที่คนพยายามเอาข้อเท็จจริงต่างๆ มาเปิดเผยนั้น ก็เพื่อต้องการให้ประชาชนได้ใคร่ครวญดูว่าอะไรเป็นอะไร

“ในอดีต พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายตำรวจติดตามรัฐมนตรี ท่านหนึ่ง โดยวันหนึ่งในสภาฯ มีการเอาเงินใส่ซองไปแจก เพื่อให้ล้ม พ.ร.ก.เกี่ยวกับรถบรรทุก ในสมัยที่ พล.อ.เปรม เป็นนายกฯ เพื่อโค่นล้มรัฐบาล โดย พ.ต.ท.ทักษิณ มีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย ทั้งๆ ที่ยังเป็นเพียงตำรวจติดตาม ถามว่านั่นคือประชาธิปไตยหรือไม่ และที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ร่ำรวยได้ ก็เพราะการยึดอำนาจจาก รสช. ซึ่งปรากฏภาพ พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ กำลังโอบไหล่ พ.ต.ท.ทักษิณ จนท้ายที่สุด พ.ต.ท.ทักษิณ ได้สัมปทาน ถามว่ากรณีดังกล่าวเรียกว่าวิถีทาง ทางประชาธิปไตย หรือไม่”นายสนธิญาณ ระบุ

นายสนธิญาณ กล่าวอีกว่า เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้ามาเล่นการเมือง ก็ตั้งพรรคการเมือง โดยไปซื้อพรรคการเมืองอื่น เพื่อให้ตัวเองได้เสียงเด็ดขาด ซึ่งทรงอำนาจมากมาย เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ สามารถสั่งการคนในพรรคได้อย่างเต็มที่ หรืออยากออกกฎหมายประเภทไหน อย่างไร ก็สามารถดำเนินการได้ นั่นคืออันตรายของเผด็จการระบบรัฐสภา ถามว่าคุณหญิงพจมาน ชินวัตร อดีตภริยาของ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น มีหน้าที่อะไรที่จะไปนั่งประชุมพรรค แล้วอย่างนี้สะท้อนถึงความเป็นประชาธิปไตยหรือไม่

“กรณีพรรคไทยรักไทย ถูกยุบนั้น ถามว่าใครเลือกนายสมัคร สุนทรเวช ไปเป็นนายกฯ ซึ่งแน่นอน พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนเลือก ทั้งๆ ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ต่างประเทศ แล้วอย่างนี้เรียกประชาธิปไตยหรือไม่ ภายหลังนายสมัคร ไม่ฟัง พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะมีความจงรักภักดีต่อสถาบัน แต่หลังจากนั้นมีการรวมตัวเป็นแก็งออฟโฟว์ ซึ่งพอถึงเวลา พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เอานายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ไปเป็นนายกฯ ถามว่านั่นคือวิถีทางทางประชาธิปไตยหรือไม่ และที่ผมลำดับพฤติกรรมเหล่านี้ออกมา ต้องถามพี่น้องประชาชนว่า เราจะเอาพฤติกรรมเหล่านี้ ปกครองประเทศเราต่อไปหรือไม่”นายสนธิญาณ กล่าว

กำลังโหลดความคิดเห็น