xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯ สุดทน “แม้ว” ลั่นตามล่าเข้าคุก เย้ยปฏิวัติ ปชช.ไม่สำเร็จ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
“อภิสิทธิ์” ไม่สน “แม้ว” ปิดประตูเจรจา ระบุไม่จำเป็นต้องคุยอยู่แล้ว ไม่เชื่อคนเสื้อแดงก่อปฏิวัติภาคประชาชนได้ ชี้ใช้วิธีนอกรัฐธรรมนูญปัญหาไม่จบ พร้อมนัดวันถกฝ่ายค้านแก้ไข รธน. 8-9 เม.ย.นี้ ยังอ้ำอึ้ง “ทักษิณ” ล้มสถาบัน ชี้ต้องดำเนินตามกรอบกฎหมาย พร้อมสะสางกระบวนการยุติธรรม หลังมีคนหนีคดีแล้วกลับมาสร้างความวุ่นวายให้บ้านเมืองได้ ยันตรวจสอบเงิน “เกาะเคย์แมน” โยง “เอสซีแอสเซท”

ที่ท่าอากาศยานขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 4 เม.ย. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่หลบหนีคดีอยู่ต่างประเทศและเป็นคนชักใยม็อบเสื้อแดง ได้ที่ประกาศว่าจะปิดทางเจรจากับรัฐบาลว่า ไม่มีปัญหา เพราะรัฐบาลไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเจรจา เพียงแต่ว่าหากกลุ่มผู้ชุมนุมหรือผู้เรียกร้องเห็นว่า มีประเด็นไหนขัดข้องในเรื่องที่รัฐบาลไม่ขัดข้องก็สามารถพูดคุยกับรัฐบาลได้ รัฐบาลยึดหลักกฎหมายของบ้านเมืองในการดำเนินการทุกอย่าง และเคารพสิทธิ เสรีภาพของประชาชน ฉะนั้นรัฐบาลไม่มีความจำเป็นที่ต้องเจรจาอะไรทั้งนั้น

เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาพูดปลุกระดมประชาชนให้มาร่วมชุมนุมให้มากขึ้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อยากจะบอกกับพี่น้องประชาชนว่า ข้อเรียกร้องเรื่องประชาธิปไตย เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นข้อเรียกร้องที่รัฐบาลต้องดำเนินการอยู่แล้ว ในเรื่องการแก้ไข กลั่นกรอง เปลี่ยนแปลงกฎหมาย หรือแม้แต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือประเด็นที่คิดว่าจะทำให้บ้านเมืองในระบอบประชาธิปไตยมีการพัฒนาก้าวหน้าไป อยากให้แยกแยะประเด็นในเชิงหลักการ กับประเด็นที่เป็นข้อเรียกร้องเฉพาะของกลุ่มผู้ชุมนุม ถือเป็นเรื่องเราเห็นว่า ไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้งเหมือนช่วง 1 ปีที่ผ่านมา

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า หากว่าการเดินหน้าในการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ซึ่งรัฐบาลต้องการให้เป็นเช่นนั้น และพยายามเชิญชวนฝ่ายค้านให้เข้ามาร่วมดำเนินการให้เดินหน้าได้ หากเป็นข้อเรียกร้องเรื่องประชาธิปไตยจะได้รับการตอบสนองจากรัฐบาลอยู่แล้ว แต่ตนตั้งข้อสังเกตว่า กลุ่มผู้ชุมนุมมีความพยายาม จะเอาเรื่องนี้มาเป็นเงื่อนไข แต่ข้อเรียกร้องอื่นๆ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องประชาธิปไตย อย่างกรณีรัฐธรรมนูญปี 2550 ตนเป็นคนแรกที่บอกว่า จะต้องมีการแก้ไข แต่การที่จะสรุปว่าต้องเอารัฐธรรมนูญปี 2540 มาใช้นั้น เป็นเรื่องที่ค่อนข้างแปลก เพราะทุกพรรคการเมืองเห็นตรงกัน เมื่อปี 2549 ว่า รัฐธรรมนูญปี 2540 ต้องมีการแก้ไขเพิ่มเติมครั้งใหญ่

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า การเรียกร้องให้เอารัฐธรรมนูญปี 2540 มาใช้ทั้งฉบับนั้นก็ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง เพราะทุกพรรคการเมืองเคยตกลงกันเมื่อปี 2549 ไปแล้ว ส่วนประเด็นปัญหาว่า ระบอบประชาธิปไตยขณะนี้ มีปัญหาอุปสรรคอะไรนั้น ขณะนี้ทุกอย่าง ก็อยู่ในระบอบรัฐสภา ยุคนี้ไม่ใช่ยุคที่รัฐบาลไปใช้อำนาจเกินขอบเขต โดยตนและรัฐบาลรับผิดชอบต่อรัฐสภาอย่างเต็มที่ จะเห็นได้จาก การบริหารงานในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา เราได้ให้ความสำคัญกับกระบวนการรัฐสภามาตลอด ตนอยากบอกพี่น้องประชาชนว่า การเรียกร้องให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น สามารถที่จะดำเนินการได้ด้วยเหตุการณ์ปกติ โดยยึดหลักประชาธิปไตย ไม่มีความจำเป็นอะไรเลยที่จะต้องออกมาใช้กำลังเพื่อก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรเลย

เมื่อถามว่า โดยสถานการณ์ขณะนี้ประเมินแล้วใช่หรือไม่ว่า จะไม่มีเงื่อนไขที่จะนำไปสู่การปฏิวัติภาคประชาชนได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนไม่คิดว่าจะมีเงื่อนไขที่จะเป็นเช่นนั้นเลย เพราะเป็นเรื่องที่เราสามารถเปลี่ยนแปลงโดยกระบวนการตามระบบสภา ตามกรอบรัฐธรรมนูญได้ ในทางตรงกันข้าม ตนอยากจะบอกว่า ถ้ามีความพยายามจะใช้วิธีให้มีการเปลี่ยนแปลงนอกรัฐธรรมนูญก็จะก่อให้เกิดปัญหาเป็นวงจรไม่จบไม่สิ้นของการทำลายระบอบประชาธิปไตย และการที่เรายึดถือกฎหมายของบ้านเมืองในหลักการปกครองบ้านเมือง ตนเรียนแล้วว่า เงื่อนไขการเรียกร้องเพื่อประชาธิปไตยไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องมีการชุมนุม เพราะรัฐบาลเปิดทางที่จะทำเรื่องนี้อยู่ แต่ฝ่ายที่มีเงื่อนไขอยู่คือ ฝ่ายค้าน ควรจะไปเรียกร้องต่อฝ่ายค้านว่า จะเดินหน้าในการปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญด้วยวิธีการไหนอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งในบ้านเมือง ส่วนข้อเรียกร้องอื่นๆ เป็นข้อเรียกร้องเฉพาะคน เฉพาะกลุ่มไม่ใช่เรื่องประชาธิปไตย

“ผมหวังว่าคนส่วนใหญ่จะเห็นประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่มากกว่าประโยชน์เฉพาะกลุ่ม รัฐบาลยังมีความมั่นใจว่าจะสามารถควบคุมให้มีความสงบเรียบร้อยและข้อเท็จจริงต่างๆ จะปรากฏออกมา จะเร่งทำความเข้าใจกับประชาชนเนื่องจากอาจจะมีการบิดเบือนข้อเท็จจริง และให้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนต่อประชาชน ผมไม่สามารถเดาใจได้ แต่รัฐบาลไม่ต้องการให้เกิดความวุ่นวาย ความรุนแรง สูญเสียในบ้านเมือง และผมเชื่อว่า คนที่มีจิตใจเป็นประชาธิปไตยจริงๆ ไม่ต้องการเห็นว่า การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเกิดขึ้นจากความรุนแรง เพราะนั่นไม่ใช่วิถีทางประชาธิปไตย” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ความคืบหน้าในการประสานกับฝ่ายค้านในการปฏิรูปการเมืองภายในสัปดาห์นี้น่าจะสามารถนัดหมายกันได้ เพราะก่อนหน้าเกิดปัญหาในเรื่องความไม่สะดวก เนื่องจากตนไม่อยู่ ซึ่งจะพูดคุยกันในวันพุธ-พฤหัสฯ ที่ 8-9 เม.ย.นี้ ในช่วงที่มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ส่วนประเด็นที่ห่วงใยเสมอเรื่องความรุนแรง และยืนยันว่าการกล่าวหาที่ว่า รัฐบาลนี้ไม่เป็นประชาธิปไตย สามารถเปรียบเทียบได้ว่ารัฐบาลนี้ไม่เคยใช้ความรุนแรงกับประชาชน รัฐบาลนี้ต้องการหลีกเลี่ยงความรุนแรงตลอดเวลา และต้องการให้กระบวนการของการมีความเห็นที่แตกต่างสามารถพูดคุยกันได้ด้วยเหตุผล ขณะเดียวกัน ตนและรองนายกฯ สุเทพ เทือกสุบรรณ ได้ให้ความสำคัญทุกประเด็นพยายามคลี่คลายปัญหา เชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่แยกแยะออกว่าอะไรคืออะไร และจะให้ข้อมูลกับประชาชนมากขึ้น

อ้ำอึ้ง “แม้ว” ต้องการล้มสถาบัน

เมื่อถามว่า มีการระบุจากองคมนตรีว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการล้มล้างสถาบัน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนเรียนแล้วว่า เงื่อนไขปัญหาที่กระทบกับความมั่นคงทั้งหลายเป็นเรื่องที่รัฐบาลกำลังดูแลในแง่ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายประกอบกันอยู่ ดังนั้น ก็จะมีการดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

เมื่อถามว่า หมายความว่านายกฯ เองก็ยังไม่กล้าฟันธงว่า พ.ต.ท.ทักษิณต้องการล้มล้างสถาบันใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เราต้องดำเนินการตามกรอบของกฎหมาย ดังนั้นจะต้องเอาทุกคำพูดมาประกอบในการดำเนินการเพื่อให้เกิดความรัดกุม

เมื่อถามว่า องคมนตรีตั้งข้อสังเกตว่าทำไมจึงไม่มีการดำเนินการ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ที่จริงแล้ว คดีความต่างๆ อยู่ในกระบวนการยุติธรรม หลายองค์กร รัฐบาลไม่สามารถและไม่สมควรเข้าไปแทรกแซง เช่น ศาล และอัยการ ในการพิจารณาคดีความต่างๆ แต่ตนก็หวังว่า องค์กรเหล่านี้จะเห็นความจำเป็นเร่งด่วนในการสะสางเพราะขณะนี้เรามีคนซึ่งหนีความผิด หนีโทษและไม่มีการแสดงความรับผิดชอบการกระทำของตนเองในอดีต มาเรียกร้อง และมีส่วนในการพยายามจะให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง

เมื่อถามว่า เรื่องการตรวจสอบเงินที่เกาะเคย์แมน เป็นไปได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เรื่องนี้ ก็จะเกี่ยวเนื่องกับคดี ซึ่งอยู่ในการพิจารณาขององค์กรเช่นเดียวกัน ตนเข้าใจว่า เรื่องนี้ก็จะเกี่ยวข้องไปถึงคดี เอสซีแอสเสท และคดีอื่นๆ ที่กำลังมีการติดตามอยู่

รอตรวจสอบ “แม้ว” กบดานกัมพูชา

เมื่อถามว่า โฆษกส่วนตัวนายกฯ ออกมาระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อาจจะอยู่ในกัมพูชา มีส่วนเกี่ยวข้องกับการปะทะของทหารไทย-กัมพูชา ที่บริเวณชายแดนหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มีการประสานงานกันอยู่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ที่เรียนว่าอยู่ที่ไหนก็จะเอาตัวกลับมา เพราะมีโทษติดตัวอยู่ มีการกระทำความผิด

เมื่อถามว่า คืบหน้าถึงไหนแล้ว นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า มีการประสานงานกันอยู่ ฟังรายงานเมื่อคืนที่ผ่านมา (3 เม.ย.) มีการประสานงานกันอยู่ เมื่อถามย้ำว่า อยู่ในเขมรจริงหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า กำลังประสานงานกันอยู่ ไม่ขอลงรายละเอียด

เมื่อถามว่า การที่มีกระแสข่าวออกมาว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีส่วนเกี่ยวข้องกับการปะทะระหว่างทหารไทย-กัมพูชาตามแนวชายแดน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คงยังไม่ไปกล่าวหาใครอย่างนั้น ส่วนเหตุการณ์ตามแนวชายแดนคลี่คลายในระดับหนึ่งแล้วตนได้คุยกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม รับทราบว่าขณะนี้สถานการณ์เริ่มคลี่คลายไปโดยเฉพาะในแง่การวางกำลังของทั้ง 2 ฝ่าย และไม่ต้องการให้ปะทะ และเกิดการสูญเสียใดๆทั้งสิ้น โดยแต่ละฝ่ายรักษาสิทธิของตัวเอง แล้วใช้กระบวนการเจรจาในการแก้ปัญหาต่อไป แม้ว่ายังมีความไม่ชัดเจนว่าจุดเริ่มต้นของการปะทะเริ่มที่จุดใด เพียงแต่ทราบว่า ทหารไทยเหยียบกับระเบิด ก่อนหน้านี้ ซึ่งขณะนี้กำลังตรวจสอบว่าเป็นกับระเบิดใหม่ หรือเก่า ถ้าพูดเรื่องการลุกล้ำหรือไม่นั้น เนื่องจากทั้ง 2 ฝ่ายยังไม่มีความชัดเจนตรงกันเรื่องพรหมแดน ก็ทำให้เกิดปัญหาได้ ส่วนกลไกการเจรจาเดินหน้าต่อในการเจรจา

ไม่วิตก ยินดีให้ฝ่ายค้านยื่นถอดถอน

นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงการที่ฝ่ายค้านได้ยื่นถอดถอนกรณีที่นายกฯ ให้นายสุเทพ ไปเป็นประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจแห่งชาติว่า สามารถยื่นถอดถอนได้ รัฐบาลจะไปชี้แจง ไม่มีอะไรน่าวิตก เพราะฝ่ายค้านมีหน้าที่ตรวจสอบ

วอนม็อบบ่อกำจัดขยะสระบุรีเปิดเส้นทาง

นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงกรณีที่มีการปิดกั้นเส้นทางจังหวัดสระบุรี ของกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงให้ปิดบ่อกำจัดขยะว่า ได้พยายามแก้ปัญหาโดยเชิญทางกลุ่มผู้ชุมนุมเป็นคณะทำงานเข้าตรวจสอบ และมองว่าการใช้วิธีการปิดถนนเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง เจ้าหน้าที่พยายามอำนวยความสะดวกเปิดช่องจราจรให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ส่วนปัญหาบ่อขยะเป็นเหมือนเดิม ตนขอร้องว่าหากอยากแก้ปัญหานี้ก็ไม่ควรปิดถนน ส่วนการเจรจาพูดคุยนั้น มีการดำเนินการไปหลายรอบแล้ว โดยทางกลุ่มผู้ชุมนุมต้องการให้คุยกับบริษัททั้งนาย ชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และนายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กำลังไปพบ และตรวจสอบพบว่ายังไม่มีหลักฐานว่ารัฐบาลใช้อำนาจในการปิดได้ แต่มีข้อสังเกตบางประการ และตนได้พบตัวแทนกลุ่มผู้ชุมนุม เพื่อให้มีการส่งตัวแทนเข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่อง กลิ่น และสารพิษตกค้าง อยากให้ผู้ชุมนุมทราบว่าการสร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาได้เลย เพราะเสียเวลาในการช่วยแก้ปัญหาเรื่องการเปิดถนนมากกว่าการเร่งตรวจสอบเรื่องของสารพิษ
กำลังโหลดความคิดเห็น