ป.ป.ช.ลงดาบฟัน “ยงยุทธ” อดีตนายกเทศมนตรีสุราษฎร์ธานี กับพวก ฐานทุจริตในการจัดซื้อที่ดินกำจัดขยะ ส่งผลให้เทศบาลต้องได้รับเสียหายเฉียด 40 ล้านบาท
วันนี้ (2 ต.ค.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนเพื่อดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง เรื่องกล่าวหานายยงยุทธ วงศ์เจริญ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองสุราษฎร์ธานี กับพวก กระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ในการจัดซื้อที่ดินสำหรับกำจัดขยะมูลฝอยของเทศบาลเมืองสุราษฎร์ธานี เมื่อ พ.ศ.2542 โดยมีนายประสาท พงษ์ศิวาภัย กรรมการ ป.ป.ช.เป็นประธานอนุกรรมการไต่สวน คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้พิจารณาสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงของคณะอนุกรรมการไต่สวนแล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า นายยงยุทธ วงศ์เจริญ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองสุราษฎร์ธานี กับพวก ซึ่งประกอบด้วยผู้บริหารเทศบาลเมืองสุราษฎร์ธานี พนักงานเทศบาลเมืองสุราษฎร์ธานี เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสุราษฎร์ธานี เจ้าของที่ดินและนายหน้า ได้ร่วมกันวางแผนเพื่อดำเนินการจัดซื้อที่ดินสำหรับกำจัดขยะมูลฝอยของเทศบาลเมืองสุราษฎร์ธานี เมื่อปี 2542 โดยวิธีพิเศษโดยก่อนที่จะดำเนินการจัดซื้อที่ดินดังกล่าว นายยงยุทธ วงศ์เจริญ กับพวก ได้ดำเนินการรวบรวมและจัดซื้อที่ดินไว้ล่วงหน้าเพื่อเตรียมเสนอขายให้กับเทศบาลเมืองสุราษฎร์ธานี จำนวน 4 แปลง รวมเนื้อที่ 75 ไร่ 1 งาน 28.8 ตารางวา ไว้แล้ว ต่อมานายยงยุทธ วงศ์เจริญ ได้แต่งตั้งคณะกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์สถานที่กำจัดขยะมูลฝอย โดยมีนายมาโนช เผือกสุวรรณ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเทศมนตรีเมืองสุราษฎร์ธานี เป็นประธานกรรมการ คณะกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์ฯ ได้จัดทำหลักเกณฑ์สถานที่กำจัดขยะมูลฝอยเสนอให้นายยงยุทธ วงศ์เจริญ พิจารณาอนุมัติ โดยมีการเอื้อประโยชน์ให้กับที่ดินที่กลุ่มผู้ถูกกล่าวหาได้จัดซื้อไว้ก่อนแล้ว
เมื่อสภาเทศบาลเมืองสุราษฎร์ธานี ได้อนุมัติจ่ายขาดเงินสะสมจำนวน 50 ล้านบาท เพื่อจัดซื้อที่ดินกำจัดขยะมูลฝอยตามที่กลุ่มผู้ถูกกล่าวหาเสนอนายยงยุทธ วงศ์เจริญ ในฐานะนายกเทศมนตรีเมืองสุราษฎร์ธานี ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการจัดซื้อโดยวิธีพิเศษ และคณะกรรมการตรวจรับพัสดุซึ่งเป็นพนักงานของเทศบาลฯ ในตำแหน่งต่างๆ เพื่อร่วมกันและแบ่งแยกการทำงานตามอำนาจหน้าที่ของแต่ละคนในการดำเนินการจัดซื้อที่ดิน จำนวน 4 แปลงดังกล่าว ในราคา 49,990,000 บาท พฤติการณ์ในการจัดซื้อและตรวจรับที่ไม่ถูกต้อง และไม่ปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ทั้งนี้ แปลงดังกล่าวเป็นบ่อลึกเต็มพื้นที่ จึงไม่มีสภาพเป็นที่ดินตามสัญญาจะซื้อจะขาย และที่ดินอีกจำนวน 2 แปลงเป็นสวนยางพาราและมีเสาไฟฟ้าแรงสูงตั้งอยู่ในที่ดินจำนวน 1 แปลง ซึ่งไม่เหมาะที่จะใช้เป็นที่กำจัดขยะมูลฝอยแบบฝังกลบตามวัตถุประสงค์ที่จัดซื้อ และไม่มีทางเข้าออกที่เป็นทางสาธารณะ
การกระทำของนายยงยุทธ วงศ์เจริญ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองสุราษฎร์ธานี กับพวก ในการจัดซื้อที่ดินเพื่อใช้เป็นที่กำจัดขยะมูลฝอยดังกล่าว ทำให้เทศบาลเมืองสุราษฎร์ธานีต้องซื้อที่ดินในราคาแพงเกินความเป็นจริง และเป็นที่ดินที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้ตามวัตถุประสงค์ในการจัดซื้อ เป็นเหตุให้เทศบาลได้รับความเสียหายเป็นเงิน 38,191,162.63 บาท
คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาแล้วมีมติ ดังนี้ 1.การกระทำของนายยงยุทธ วงศ์เจริญ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองสุราษฎร์ธานี มีหน้าที่ควบคุมรับผิดชอบในการบริหารกิจการของเทศบาลฯ และเป็นประธานที่ปรึกษาการจัดซื้อที่ดินฯ มีมูลความผิด ฐานเป็นผู้มีส่วนได้เสียไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมในสัญญาที่เทศบาลเป็นคู่สัญญาหรือในกิจการที่กระทำให้แก่เทศบาล ตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ.2496 มาตรา 18 ทวิ มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157
2.การกระทำของนายโกศล โอทอง และนายมาโนช เผือกสุวรรณ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเทศมนตรีเมืองสุราษฎร์ธานี มีหน้าที่ควบคุมรับผิดชอบในการบริหารกิจการของเทศบาลฯ รวมทั้ง เป็นกรรมการที่ปรึกษาการจัดซื้อที่ดินฯ และประธานกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์สถานที่กำจัดขยะมูลฝอย ตามลำดับ มีมูลความผิด ฐานเป็นผู้มีส่วนได้เสียไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมในสัญญาที่เทศบาลเป็นคู่สัญญาหรือในกิจการที่กระทำให้แก่เทศบาล ตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ.2496 มาตรา 18 ทวิ และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
3.การกระทำของคณะกรรมการจัดซื้อที่ดินสำหรับกำจัดขยะมูลฝอยโดยวิธีพิเศษมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151 และมาตรา 157
4.การกระทำของคณะกรรมการตรวจรับที่ดิน มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงและมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
5.การกระทำของนายพิสิทธิ์ วงศ์วิวัฒน์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสุราษฎร์ธานี มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
6.การกระทำของผู้ร่วมกระทำความผิดอื่นซึ่งมิใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐ ประกอบด้วยเจ้าของที่ดินและนายหน้าเสนอขายที่ดิน มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151 ประกอบมาตรา 86ให้ส่งรายงาน และเอกสาร พร้อมทั้งความเห็นไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาโทษทางวินัย และ/หรือไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีกับผู้ถูกกล่าวหา กับพวก แล้วแต่กรณีต่อไป
วันนี้ (2 ต.ค.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนเพื่อดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง เรื่องกล่าวหานายยงยุทธ วงศ์เจริญ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองสุราษฎร์ธานี กับพวก กระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ในการจัดซื้อที่ดินสำหรับกำจัดขยะมูลฝอยของเทศบาลเมืองสุราษฎร์ธานี เมื่อ พ.ศ.2542 โดยมีนายประสาท พงษ์ศิวาภัย กรรมการ ป.ป.ช.เป็นประธานอนุกรรมการไต่สวน คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้พิจารณาสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงของคณะอนุกรรมการไต่สวนแล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า นายยงยุทธ วงศ์เจริญ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองสุราษฎร์ธานี กับพวก ซึ่งประกอบด้วยผู้บริหารเทศบาลเมืองสุราษฎร์ธานี พนักงานเทศบาลเมืองสุราษฎร์ธานี เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสุราษฎร์ธานี เจ้าของที่ดินและนายหน้า ได้ร่วมกันวางแผนเพื่อดำเนินการจัดซื้อที่ดินสำหรับกำจัดขยะมูลฝอยของเทศบาลเมืองสุราษฎร์ธานี เมื่อปี 2542 โดยวิธีพิเศษโดยก่อนที่จะดำเนินการจัดซื้อที่ดินดังกล่าว นายยงยุทธ วงศ์เจริญ กับพวก ได้ดำเนินการรวบรวมและจัดซื้อที่ดินไว้ล่วงหน้าเพื่อเตรียมเสนอขายให้กับเทศบาลเมืองสุราษฎร์ธานี จำนวน 4 แปลง รวมเนื้อที่ 75 ไร่ 1 งาน 28.8 ตารางวา ไว้แล้ว ต่อมานายยงยุทธ วงศ์เจริญ ได้แต่งตั้งคณะกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์สถานที่กำจัดขยะมูลฝอย โดยมีนายมาโนช เผือกสุวรรณ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเทศมนตรีเมืองสุราษฎร์ธานี เป็นประธานกรรมการ คณะกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์ฯ ได้จัดทำหลักเกณฑ์สถานที่กำจัดขยะมูลฝอยเสนอให้นายยงยุทธ วงศ์เจริญ พิจารณาอนุมัติ โดยมีการเอื้อประโยชน์ให้กับที่ดินที่กลุ่มผู้ถูกกล่าวหาได้จัดซื้อไว้ก่อนแล้ว
เมื่อสภาเทศบาลเมืองสุราษฎร์ธานี ได้อนุมัติจ่ายขาดเงินสะสมจำนวน 50 ล้านบาท เพื่อจัดซื้อที่ดินกำจัดขยะมูลฝอยตามที่กลุ่มผู้ถูกกล่าวหาเสนอนายยงยุทธ วงศ์เจริญ ในฐานะนายกเทศมนตรีเมืองสุราษฎร์ธานี ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการจัดซื้อโดยวิธีพิเศษ และคณะกรรมการตรวจรับพัสดุซึ่งเป็นพนักงานของเทศบาลฯ ในตำแหน่งต่างๆ เพื่อร่วมกันและแบ่งแยกการทำงานตามอำนาจหน้าที่ของแต่ละคนในการดำเนินการจัดซื้อที่ดิน จำนวน 4 แปลงดังกล่าว ในราคา 49,990,000 บาท พฤติการณ์ในการจัดซื้อและตรวจรับที่ไม่ถูกต้อง และไม่ปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ทั้งนี้ แปลงดังกล่าวเป็นบ่อลึกเต็มพื้นที่ จึงไม่มีสภาพเป็นที่ดินตามสัญญาจะซื้อจะขาย และที่ดินอีกจำนวน 2 แปลงเป็นสวนยางพาราและมีเสาไฟฟ้าแรงสูงตั้งอยู่ในที่ดินจำนวน 1 แปลง ซึ่งไม่เหมาะที่จะใช้เป็นที่กำจัดขยะมูลฝอยแบบฝังกลบตามวัตถุประสงค์ที่จัดซื้อ และไม่มีทางเข้าออกที่เป็นทางสาธารณะ
การกระทำของนายยงยุทธ วงศ์เจริญ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองสุราษฎร์ธานี กับพวก ในการจัดซื้อที่ดินเพื่อใช้เป็นที่กำจัดขยะมูลฝอยดังกล่าว ทำให้เทศบาลเมืองสุราษฎร์ธานีต้องซื้อที่ดินในราคาแพงเกินความเป็นจริง และเป็นที่ดินที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้ตามวัตถุประสงค์ในการจัดซื้อ เป็นเหตุให้เทศบาลได้รับความเสียหายเป็นเงิน 38,191,162.63 บาท
คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาแล้วมีมติ ดังนี้ 1.การกระทำของนายยงยุทธ วงศ์เจริญ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองสุราษฎร์ธานี มีหน้าที่ควบคุมรับผิดชอบในการบริหารกิจการของเทศบาลฯ และเป็นประธานที่ปรึกษาการจัดซื้อที่ดินฯ มีมูลความผิด ฐานเป็นผู้มีส่วนได้เสียไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมในสัญญาที่เทศบาลเป็นคู่สัญญาหรือในกิจการที่กระทำให้แก่เทศบาล ตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ.2496 มาตรา 18 ทวิ มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157
2.การกระทำของนายโกศล โอทอง และนายมาโนช เผือกสุวรรณ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเทศมนตรีเมืองสุราษฎร์ธานี มีหน้าที่ควบคุมรับผิดชอบในการบริหารกิจการของเทศบาลฯ รวมทั้ง เป็นกรรมการที่ปรึกษาการจัดซื้อที่ดินฯ และประธานกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์สถานที่กำจัดขยะมูลฝอย ตามลำดับ มีมูลความผิด ฐานเป็นผู้มีส่วนได้เสียไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมในสัญญาที่เทศบาลเป็นคู่สัญญาหรือในกิจการที่กระทำให้แก่เทศบาล ตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ.2496 มาตรา 18 ทวิ และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
3.การกระทำของคณะกรรมการจัดซื้อที่ดินสำหรับกำจัดขยะมูลฝอยโดยวิธีพิเศษมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151 และมาตรา 157
4.การกระทำของคณะกรรมการตรวจรับที่ดิน มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงและมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
5.การกระทำของนายพิสิทธิ์ วงศ์วิวัฒน์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสุราษฎร์ธานี มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
6.การกระทำของผู้ร่วมกระทำความผิดอื่นซึ่งมิใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐ ประกอบด้วยเจ้าของที่ดินและนายหน้าเสนอขายที่ดิน มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151 ประกอบมาตรา 86ให้ส่งรายงาน และเอกสาร พร้อมทั้งความเห็นไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาโทษทางวินัย และ/หรือไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีกับผู้ถูกกล่าวหา กับพวก แล้วแต่กรณีต่อไป