ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - อดีตนายกเล็กสุดทน แฉโครงการก่อสร้างโรงกำจัดขยะ 412 ล้านเทศบาลนครโคราชยุคลูก“เจ๊เกียว” ฉาวโฉ่ เผยเปิดประมูลแบบไร้คู่แข่ง เหตุอีก 2 บริษัทสุดพิลึกพร้อมหน้ากันมีคุณสมบัติไม่ครบในวันยื่นซอง แต่เทศบาลฯดื้อตาใสไม่สนกฎระเบียบเดินหน้าเปิดซอง-เล่นละครต่อรองราคา-ส่งหารือกรมส่งเสริมท้องถิ่นใช้เป็นข้ออ้างชง “เบตเตอร์ เวิลด์กรีน” ตระกูล “จึงรุ่งเรืองกิจ” ถือหุ้นสำคัญฮุบสมใจ ระบุหอบหลักฐานข้อมูลส่ง“วีระ”มือปราบโกงจี้เอาผิดผู้เกี่ยวข้องยกแผงแล้ว เพื่อประโยชน์ของท้องถิ่นและประเทศชาติ
นายนิวัตชัย สุธาดารัตน์ หรือ “เฮียเส่ง” อดีตนายกเทศมนตรีเมืองนครราชสีมา ปี 2531-33เปิดเผยถึงการทุจริตโครงการก่อสร้างระบบกำจัดขยะมูลฝอยครบวงจร (ผลิตปุ๋ยอินทรีย์และพลังงาน ) มูลค่ากว่า 400 ล้านบาท ของเทศบาลนครนครราชสีมากับ “ASTVผู้จัดการ” ว่า เมื่อวันที่ 15 มกราคมที่ผ่านมา เทศบาลนครนครราชสีมา ได้มีการประกวดราคาจ้างเหมาโครงการก่อสร้างระบบกำจัดขยะมูลฝอยครบวงจร บนพื้นที่ของกองทัพภาคที่ 2 เนื้อที่ประมาณ 73 ไร่ แบ่งเป็นโรงงานผลิตปุ๋ย และพลังงาน 10 ไร่ ส่วนที่เหลือ 63 ไร่ เป็นพื้นที่ฝังกลบรองรับขยะจากเทศบาลนครฯ และองค์กรปกครองท้องถิ่นข้างเคียง 34 แห่ง 230 ตันต่อวัน
ผลประกวดราคาปรากฏว่า บริษัท เบตเตอร์ เวิลด์กรีน จำกัด (มหาชน) หรือ BWG ซึ่งมี นายสุวัฒน์ เหลืองวิริยะ เป็นประธานกรรมการบริหาร และ กรรมการผู้จัดการ เป็นผู้ประมูลได้ในราคาประมาณ 418 ล้านบาท ต่อรองราคาเหลือ 412 ล้านบาท ระยะเวลาการก่อสร้าง 852 วัน แบ่งเป็น 46 งวดงาน
โครงการดังกล่าว เดิมทีเมื่อประมาณปี 2548 เทศบาลนครนครราชสีมา โดย รศ.เชิดชัย โชครัตชัย นายกเทศมนตรี ซึ่งมี นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี 1 ใน 111กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย (ทรท.) ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง ให้การสนับสนุนในขณะนั้น ได้ศึกษาถึงความเหมาะสมและได้มีการประกวดราคาจ้างเหมาโครงการฯมาก่อน แต่ไม่มีผู้ประกวดราคาได้
อย่างไรก็ตาม ในครั้งนั้น ได้มีการชิงทำพิธีวางศิลาฤกษ์การก่อสร้างโครงการนี้ไปก่อนเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2551โดยมี พล.ท.(หญิง) พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานในขณะนั้น เป็นประธาน และมีนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ เข้าร่วมงานด้วย ทั้งที่ยังไม่ได้ผู้รับจ้างเหมาก่อสร้างโครงการฯ แต่อย่างใด ทั้งนี้มุ่งหาเสียงในการเลือกตั้งครั้งใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในเดือน เมษายน 2551 เพราะผู้บริหารชุดเก่ากำลังหมดวาระลงและหวังว่าจะได้กลับเข้ามาสานโครงการนี้ต่อให้เสร็จสิ้น
“โครงการนี้ผมเป็นผู้ริเริ่มเองในปี 2548 สมัยเป็นรองนายกเทศมนตรีในชุดของ รศ.เชิดชัย นายกเทศมนตรี และได้นำคณะไปศึกษาดูงานโรงกำจัดขยะครบวงจร รูปแบบเดียวกันนี้ที่เทศบาลเมืองระยอง ซึ่งขณะนั้นได้สอบถามราคากับเอกชนผู้ก่อสร้างทราบว่าราคารวมทั้งหมดไม่ถึง 200 ล้านบาท จึงได้นำมาผลักดันเป็นโครงการของเทศบาล แต่ รศ.เชิดชัย นายกฯที่มีนายสุวัจน์ สนับสนุนอยู่ กลับไปตั้งงบประมาณไว้สูงกว่า 400 ล้านบาท ซึ่งผมไม่เห็นด้วยและราคาที่น่าจะเป็นไม่ควรเกิน 300 ล้าน จากนั้นด้วยปัญหาหลายอย่างผมจึงได้ลาออกจากรองนายกฯ ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องอีก” นายนิวัตชัย กล่าว
นายนิวัตชัยกล่าวต่อว่า ข้อน่าสังเกตของความไม่ชอบมาพากล ไม่โปร่งใส และส่อมีการทุจริตในการดำเนินโครงการและประกวดราคาดังกล่าว หลักๆ ที่สำคัญ คือ 1.มีการทบทวน และแก้ไขเงื่อนไข TOR บางส่วน เพื่อแก้ไขปัญหาการหาผู้รับเหมาก่อสร้างที่มีประสบการณ์สูงๆ ไม่ได้ ซึ่งมองได้ว่า มีเบื้องหน้าเบื้องหลังเพื่อเปิดทางให้บริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างบางรายมีโอกาสเป็นผู้ชนะการประกวดราคา
2.การประกวดราคาครั้งหลังสุด เมื่อวันที่ 15 มกราคมที่ผ่านมา ที่บริษัท เบตเตอร์ เวิลด์กรีน เป็นผู้ชนะการประมูล พบว่า มีผู้ยื่นซองประกวดราคารวม 3 ราย แต่ปรากฏว่า 2 บริษัทที่เข้าร่วมการยื่นซอง มีคุณสมบัติของการเป็นผู้ยื่นซองไม่ครบถ้วน จึงขาดสิทธิในการเป็นผู้ยื่นซองประกวดราคา และคงเหลือเพียง บริษัทเบตเตอร์ เวิลด์กรีน เพียงรายเดียวเท่านั้นที่มีคุณสมบัติครบถ้วน ซึ่งเทศบาลนครนครราชสีมาถือว่าเป็นผู้ชนะการประมูล ทั้งๆ ที่ไม่มีบริษัทอื่นที่มีคุณสมบัติครบถ้วนร่วมประกวดราคาด้วย จึงทำให้ไม่มีการเปรียบเทียบราคาตามเงื่อนไขและระเบียบข้อบังคับของการประกวดราคาของทางราชการ ซึ่งถือว่าเป็นการขัดต่อระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 อย่างชัดเจน
โครงการก่อสร้างระบบกำจัดขยะ 400 ล้านบาท ถือเป็นโครงการใหญ่ชิ้นแรกที่ ผู้บริหารชุด นายสุรวุฒิ เชิดชัย นายกเทศมนตรี เร่งประกวดราคาหลังได้เข้ามารับตำแหน่ง พร้อมมีการเปลี่ยน TOR บางส่วน และมีผู้ซื้อซองประมูลเพิ่มเข้ามา 2 บริษัท จากที่มีบริษัทเดียวในการเปิดประมูลครั้งแรก แต่ในวันยื่นซองประมูล 2 บริษัทที่เพิ่มเข้ามากลับมีคุณสมบัติไม่ครบพร้อมกันทั้ง 2 ราย ซึ่งในวงการผู้รับเหมาเป็นที่รู้กันดีว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอนและความจริงย่อมรู้กันดีว่าเป็นการฮั้วประมูลหรือไม่
“ที่สำคัญเมื่อเหลือผู้ประมูลรายเดียว เทศบาลฯกลับทำการเปิดซองประมูล และดึงดันพยายามว่าจ้างรายนี้ให้ได้ ด้วยการเรียกมาต่อรองราคาแต่ก็ลดลงไปพอเป็นพิธี เพียงไม่กี่มากน้อย จากนั้นได้มีการทำหนังสือผ่านผู้ว่าฯนครราชสีมา หารือไปยังกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อใช้เป็นข้ออ้างเดินหน้าทำสัญญาจ้างเหมา ซึ่งก็ได้รับคำตอบกลับมาแบบกว้างๆ เพราะในความเป็นจริงแล้วไม่มีหน่วยงานไหนที่สามารถการันตีในสิ่งที่ผิดให้เป็นถูกได้” นายนิวัตชัย กล่าว
นายนิวัตชัยกล่าวต่อว่า ประการที่ 3 มีข้อที่น่าสังเกตมากว่า บริษัท เบตเตอร์ เวิลด์กรีน จำกัด (มหาชน) หรือ BWG ที่ระบุว่า มี นายสุวัฒน์ เหลืองวิริยะ เป็นประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ พบว่า ผู้ถือหุ้นคนสำคัญในบริษัทดังกล่าว ได้แก่ นายกมล จึงรุ่งเรืองกิจ พี่ชายร่วมสายโลหิตของ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม รัฐบาลพรรคไทยรักไทย (ทรท.) ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นกลุ่มการเมืองสายเดียวกับผู้บริหารเทศบาลฯ ชุดปัจจุบัน คือ นายสุรวุฒิ เชิดชัย ลูกชาย นางสุจินดา เชิดชัย หรือ “เจ๊เกียว” ที่มีลูกชายอีกคนและลูกสะใภ้ เป็น ส.ส.สังกัดพรรคเพื่อไทย (พท.) อยู่ในขณะนี้ ถือว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่กลุ่มพรรคพวกเดียวกันหรือไม่
“เมื่อเร็วๆ นี้ได้รวบรวมข้อมูล เอกสารหลักฐานทั้งหมด เกี่ยวกับการทุจริตโครงการก่อสร้างระบบกำจัดขยะมูลฝอยกว่า 400 ล้านนี้ ส่งมอบให้แก่ นายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน (คปต.) เพื่อผลักดันให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเอาผิดต่อผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดตามกฎหมาย เพื่อประโยชน์ของท้องถิ่นและประเทศชาติต่อไป” นายนิวัตชัย กล่าว