xs
xsm
sm
md
lg

“เพื่อนเนวิน” ยันไร้เหตุยุบสภา-พร้อมย้ายที่ประชุม ครม.เลี่ยงปะทะ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ชวรัตน์ ชาญวีรกูล
“ภูมิใจไทย” เมินยุบสภาตามข้อเสนอ “ไข่แม้ว” ลั่นไม่มีเหตุ ยันนายกฯ มาตามกระบวนการรัฐสภา ชี้ “ทักษิณ” ต้องหยุดเพื่อยุติปัญหา คาดสัปดาห์หน้าประชุม ครม.ได้ตามปกติ หากม็อบแดงถ่อยยังไม่เลิก ก็พร้อมย้ายสถานที่ประชุม เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ

เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 31 มี.ค. ที่โรงแรมสยามซิตี นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ในฐานะ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมพรรคภูมิใจไทยถึงกรณีกลุ่มเสื้อแดงชุมนุมปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลทำให้ไม่สามารถประชุม ครม.ได้ว่า สัปดาห์นี้ไม่มีวาระการประชุม ครม.ที่สำคัญ เป็นวาระธรรมดา และนายกฯ ต้องเดินทางไปต่างประเทศด้วย นายกฯไม่อยู่ ไม่ใช่เรื่องของใครเสียหน้าหรือได้หน้า โดยสัปดาห์หน้าต้องมีการประชุม ครม.แน่นอน หากเข้าประชุมในทำเนียบรัฐบาลไม่ได้ก็จะต้องไปหาสถานที่ประชุมครม.ที่อื่น

ผู้สื่อข่าวถามว่า เห็นด้วยกับข้อเสนอให้ยุบสภาเพื่อลดความขัดแย้งหรือไม่ นายชวรัตน์กล่าวว่า ความขัดแย้งเกิดขึ้นเพราะใคร ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่สร้างก็ไม่มีความขัดแย้ง เมื่อถามต่อว่าแสดงว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ต้องยุติบทบาทเพื่อยุติปัญหาใช่หรือไม่ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณท่านคงไม่ยอมยุติบทบาท ตนพูดไปหลายสัปดาห์แล้วว่าคนสูญเสียอำนาจจะไม่ยอมสูญเสียอำนาจและจะเอาอำนาจคืนให้ได้ ซึ่งทางออกของปัญหามีอยู่แต่คนไม่เดิน ส่วนเรื่องการยุบสภาคงต้องไปถามนายกฯ

นายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์กรณีการชุมนุมของม็อบเสื้อแดงที่ศาลากลางจังหวัดต่างๆ เมื่อวันที่ 30 มี.ค.ว่า กระทรวงมหาดไทยได้รับรายงานเมื่อเวลา 11.00 น.มีกลุ่มเสื้อแดงชุมนุมที่ศาลากลางจังหวัดกว่า 40 แห่ง โดยมียอดผู้ชุมนุมรวมประมาณ 8,000 คน ขณะนี้สลายไปแล้วเหลือค้างเพียง 4-5 จังหวัด ขณะที่ยังไม่มีรายงานแจ้งว่ากลุ่มผู้ชุมนุมในต่างจังหวัดได้เดินทางเข้าสมทบกับกลุ่มเสื้อแดงใน กทม.แต่อย่างใด ซึ่งกระทรวงมหาดไทยไม่ได้มีการตั้งด่านสกัด อย่างไรก็ดี เรื่องการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดดูแลแล้ว ในส่วนของรัฐบาลยังไม่ได้ประสานกับพรรคร่วมรัฐบาลถึงแนวทางการแก้ปัญหาเรื่องนี้

นายศุภชัยกล่าวอีกว่า ส่วนการประชุมคณะรัฐมนตรีนั้น หากการชุมนุมของคนเสื้อแดงยังยืดเยื้อต่อไปจนถึงสัปดาห์หน้าคิดว่าไม่มีปัญหา โดยน่าจะมีการย้ายสถานที่ประชุมไปที่อื่น ที่เป็นการแก้ปัญหาแบบสันติวิธีเพื่อลดความขัดแย้งไม่ให้เกิดการปะทะกัน เหมือนการประชุม ครม. ครั้งนี้ที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีซึ่งรับผิดชอบดูแล ได้สั่งยกเลิกการประชุม อย่างไรก็ดียืนยันว่าการงดการประชุม ครม. ไม่กระทบการบริการราชการแผ่นดิน เนื่องจาการประชุม ไม่มีวาระสำคัญขณะที่รัฐมนตรียังคงปฏิบัติหน้าที่

ส่วนที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เสนอให้จัดการกับกรณีที่มีหมิ่นเบื้องสูง นายศุภชัยกล่าวว่า หากมีผู้ล่วงล้ำหมิ่นเบื้องสูง ผู้นั้นต้องรับผิดชอบ และจะต้องมีการดำเนินการตามกฎหมาย แต่ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตรวจสอบแล้วยังไม่พบการหมิ่นเบื้องสูง

เมื่อถามว่า การประชุมพรรคภูมิใจไทย วันนี้มีการหารือแนวทางที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เสนอยุบสภาหรือไม่ นายศุภชัยกล่าวว่า การประชุมของพรรควันนี้ไม่มีวาระดังกล่าว แต่ ส.ส.อาจจะเสนอวาระเพิ่มเติมต่อที่ประชุมก็ได้ อย่างไรก็ตาม ในส่วนพรรคภูมิใจไทย เห็นว่าแนวทางการแก้ปัญหาด้วยการยุบสภาขณะนี้ ยังไม่ถึงเวลา ซึ่งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เข้ามาเป็นรัฐบาลบริหารประเทศตามกระบวนการทางสภาที่ถูกต้อง ส่วนที่มีการพูดถึงเรื่องการรัฐประหารเงียบ เป็นเพียงข้อกล่าวหา ส่วนเรื่องของการปฏิรูปการเมือง ที่ผ่านมาได้มอบหมายให้สถาบันพระปกเกล้า เป็นหลักดำเนินการ แต่ฝ่ายค้านไม่เห็นด้วย ถ้าเป็นอย่างนี้ก็ไม่รู้ว่าจะจบเมื่อใด ดังนั้นทุกคนน่าจะร่วมมือกันเพื่อลดความขัดแย้ง

วันเดียวกัน นายกิตติธร สุดประเสริฐ หัวหน้าฝ่ายกฎหมาย สมาคมคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย ได้เดินทางมายื่นหนังสือถึงนาย ชวรัตน์ ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เพื่อเสนอให้มีการตั้งกรรมาธิการร่วมในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร พ.ศ... หลังจากที่การพิจารณาร่างกฎหมายยังมีข้อแตกต่างในชั้น ส.ส. ละ ส.ว.

นายกิตติธรได้ส่งมอบหนังสือผ่านนายศุภชัย โฆษกพรรค ซึ่งนายศุภชัย กล่าวว่าจะรับหนังสือดังกล่าวเสนอที่ประชุม ส.ส.พรรค พิจารณา ขณะที่นายกิตติธร กล่าวว่า ร่างกฎหมายดังกล่าว ได้ผ่านการพิจารณาของสภาฯ โดย ส.ส.แล้ว ซึ่งกำหนดให้มีการลดหย่อนภาษีในส่วนของบิดา มารดา บุตรโดยชอบธรรม ซึ่งยอดเงินการลดหย่อนอยู่ที่ 30,000 บาท โดยจำนวนเงินที่ได้ลดหย่อนจะอยู่ที่ 6,000 บาท แต่ขณะที่การพิจารณาในชั้น ส.ว.ปรากฏว่า ได้เพิ่มลักษณะบุคคลที่จะลดหย่อนภาษีเป็นผู้อุปการะ ที่นอกเหนือจากบิดา เช่น ปู่ ย่า ตา ยาย และยอดเงินได้เพิ่มขึ้นเป็น 60,000 บาท ซึ่งหากมีการเพิ่มเงื่อนไขได้ตามที่ ส.ว.พิจารณาจะเป็นการช่วยเหลือผู้พิการได้อีก เนื่องจากหลายครอบครัวผู้พิการ ไม่ได้อยู่กับบิดามารดาเท่านั้น แต่พักอาศัยอยู่กับญาติพี่น้อง
กำลังโหลดความคิดเห็น