ประชุมใหญ่สามัญประจำปีพรรคประชาธิปัตย์คึกคัก “มาร์ค” ลั่นมาอย่างถูกต้อง ฟุ้งนโยบาย 99 วันทำได้จริง เร่งเดินหน้าแก้ปัญหา วอนขอความร่วมมือทุกฝ่ายช่วยแก้วิกฤตชาติ ย้ำพรรคประชาธิปัตย์มีประสบการณ์มา 60 ปี จะทำการเมืองให้บริสุทธิ์ ไม่มุ่งหวังทำเพื่อกลุ่มใด ขณะที่ “สุเทพ” เปิดยุทธศาสตร์เล็งสยายปีก เพิ่มฐานสมาชิกพรรคครอบคลุมทุกเขต ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ทั้งเตรียมตั้งสมัชชาประชาชนในทุกภาค วาดฝันตั้งเป้ากวาด ส.ส.280 ที่นั่ง เผยบรรยากาศภายในงานตั้งโต๊ะรับสมาชิกพรรค จูงใจทำบัตรสมาชิกแบบสมาร์ทการ์ด พร้อมแก้ไขข้อบังคับพรรครับรองสมาชิกเหลือแค่ 2 คน
วันนี้ (29 มี.ค.) ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2552 ของพรรคประชาธิปัตย์ ภายใต้ชื่อ “เชื่อมั่นประเทศไทย มั่นใจประชาธิปัตย์” ที่ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ โดยมี ส.ส.สมาชิกพรรค และสาขาพรรคมาร่วมการประชุมกว่า 1 พันคน
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ได้รายงานแผนการดำเนินการ และแผนการใช้จ่ายเงินประจำปี 2553 ตามแผนยุทธศาสตร์ 4 ปีของพรรค ในช่วงปี 2551-2554 โดยระบุว่าความสำเร็จทางการเมืองของพรรคจะต้องสามารถเอาชนะการเลือกตั้งทั่วไปให้ได้ ส.ส.ไม่น้อยกว่า 280 คน ในการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลนำนโยบายของพรรคไปสู่การปฏิบัติ เพื่อสร้างความเจริญรุ่งเรือง โดยจะมีการพัฒนาพรรคให้มั่นคง มีองค์กรสาขาพรรคที่เข้มแข็งกระจายทุกเขตเลือกตั้ง มีสมาชิกพรรคที่ยังยึดมั่นในอุดมการณ์ของพรรคอย่างเหนียวแน่น มีจำนวนสมาชิกมากพอที่จะสนับสนุนการทำงานทางการเมืองของพรรคอย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับยุทธศาสตร์สำคัญของพรรคเพื่อนำไปสู่เป้าหมายจะมีการขยายฐานสมาชิกพรรคให้มีจำนวนมากขึ้นทุกเขต หาแนวร่วมทางการเมือง มุ่งเป้าไปยังกลุ่มเป้าหมายกลุ่มต่างๆ ทุกสาขาอาชีพ ปรับปรุงสาขาพรรคให้เข้มแข็งเพื่อรับภาระงานทางการเมือง ตั้งสมัชชาประชาชน ในทุกภูมิภาค และในกลุ่มสาขาอาชีพ คัดเลือกบุคคลที่เหมาะสมส่งสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้บริหารและสามชิกสภาท้องถิ่นในนามพรรค จัดกลุ่มจังหวัดจะมีประธานและคณะกรรมการ ร่วมรับผิดชอบในการบริหารจัดการ ขึ้นตรงต่อกรรมการบริหารพรรค เดินหน้าทำสถาบันประชาธิปัตย์ เพื่อให้เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ ทางให้มีคณะกรรมการบริหารเงินทุน ทำหน้าที่รณรงค์ระดมทุนหารายได้เข้าพรรค โดยมีการระดมทุนทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ในรูปแบบประชาธิปัตย์สัญจร ทำการประชาสัมพันธ์เชิงรุกอย่างเป็นระบบ จัดระบบประชาสัมพันธ์ของพรรค เน้นบทบาทและผลงานของกรรมการบริหารพรรค สมาชิกพรรค นโยบายของพรรค ตามสื่อต่างๆ เตรียมความพร้อมเพื่อการเลือกตั้ง จัดตั้งคณะกรรมการอำนวยการเลือกตั้ง เตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ ในการรณรงค์เข้าสู่การเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้า โดยเฉพาะการเลือกผู้สมัครเลือกตั้งในเขตต่างๆ
สำหรับงบประมาณที่พรรคตั้งไว้สำหรับใช้ในยุทธศาสตร์ ปี 53 รวมตลอดทั้งปีวงเงินกว่า 117 ล้านบาท เช่น การขยายฐานสมาชิกพรรค 8.3 ล้านบาท พัฒนาสาขาพรรคให้เข้มแข็ง 22.7 ล้านบาท ขยายแนวร่วมทางการเมือง 1 ล้านบาท โครงการ “สมัชชาประชาธิปัตย์” เพื่อการเมืองมีส่วนร่วมทางการเมือง 9.1 ล้านบาท แผนงานจัดหารายได้และจัดงานระดมทุน 10 ล้านบาท แผนงานประชาสัมพันธ์พรรค 24 ล้านบาท
ส่วนจำนวนสาขาพรรคในปี 2551 มีจำนวน 195 สาขา มีสมาชิกทั้งหมด 2,849,319 คน ส่วนสถานะทางการเงินของพรรคในรอบปี 51 มีจำนวน 230,918,245 บาท แบ่งเป็นรายจ่าย 132,921,829 บาท นอกจากนี้ยังมีการรายงานทรัพย์สินและหนี้สินของพรรค แบ่งเป็นทรัพย์สิน 127,801,102 บาท หนี้สิน 21,777,596 บาท อสังหาริมทรัพย์ 4,656,088 บาท
ขณะที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวผ่านทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 อสมท ถึงประชาชน โดยมีเนื้อหาระบุถึงการเข้ามาเป็นรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ว่า เป็นไปตามแนวทางของระบอบประชาธิปไตย รวมถึงการสร้างผลงานในช่วง 3 เดือนได้มีการผลักดันนโยบาย 99 วันได้สำเร็จ โดยเฉพาะนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ที่รัฐบาลทยอยออกมา และขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนโดยเฉพาะเอกชน ให้รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ในการแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะปัญหาทางการเมือง แต่มั่นใจว่าพรรคประชาธิปัตย์ที่อยู่มาก่อน 60 ปี เผชิญกับปัญหาและรู้ว่าการต่อสู้ทางการเมืองที่ดีที่สุด คือ ยึดความถูกต้อง ซื่อสัตย์สุจริต ให้ประชาชนมีส่วนร่วมและยืนยันว่าจะทำงานการเมืองที่สร้างสรรค์ เพื่อต่อสู้กับการเมืองในรูปแบบทำลายล้างที่หวังผลประโยชน์ของตัวเองและพรรคพวก โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อสถาบันชาติและความมั่นคง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศในการประชุมใหญ่สามัญประจำปีครั้งนี้ของพรรคประชาธิปัตย์เป็นไปอย่างคึกคัก บริเวณหน้างานได้มีการเปิดโต๊ะรับสมัครสมาชิกพรรค โดยมีมาตรการจูงใจออกบัตรรูปแบบใหม่เป็นบัตรสมาทการ์ด เพื่อความรวดเร็วและทันสมัย ที่น่าสนใจยังมีการแก้ไขข้อบังคับพรรคใหม่ในประเด็นการสมัครสมาชิกพรรค โดยมีการลดจำนวนบุคคลรับรองสมาชิกพรรคจาก 5 คน เหลือเพียง 2 คน และการอนุมัติรับเข้าเป็นสมาชิกพรรคจากเดิม เป็นอำนาจคณะกรรมการบริหารพรรค แก้ไขให้เป็นอำนาจของเลขาธิการพรรค โดยผ่านนายทะเบียนพรรค และรายงานต่อคณะกรรมการบริหารพรรคทราบ