ประชุมใหญ่พรรคชาติพัฒนาเงียบเหงา ไร้เงา “บิ๊กเติ้ง” ด้าน “ชุมพล” ประกาศไม่เอารัฐธรรมนูญเฮงซวย ลั่นไม่เชื่อมือสถาบันพระปกเกล้าปฏิรูปการเมือง ชี้แค่ยื้อเวลา จวกวิกฤตการเมืองเกิดจากเพื่อนซี้ 2 คนทำประเทศป่วน ระบุรัฐบาลนี้อยู่ได้ถึงสิ้นปีหากไม่คอร์รัปชันหรือให้ความเป็นธรรมกับพรรคร่วม
วันนี้ (27 มี.ค.) ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมใหญ่พรรคชาติไทยพัฒนาครั้งที่ 2/2552 ซึ่งถือว่าเป็นการประชุมครั้งแรกตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 27 โดยมีนายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา เป็นประธานในที่ประชุม โดยที่ประชุมได้มีการพิจารณารับรองงบการเงินแล้วก็ได้มีการพิจารณาทบทวนนโยบายพรรคที่ได้จดแจ้งไว้ ทั้งนี้ที่ประชุมเห็นพร้องต้องกันว่า จะมีการนำนโยบานของพรรคชาติไทยมาใส่ไว้ในนโยบายพรรคชาติไทยพัฒนา
นายชุมพลระบุว่า เมื่อนโยบายพรรคชาติไทยดีอยู่แล้วเราก็สามารถนำปรับมาใช้กับพรรคชาติไทยพัฒนาได้ ซึ่งกฎหมายห้ามไว้ไม่ให้ใช้ชื่อพรรค แต่ไม่ได้ห้ามนำเนื้อหาสาระเกี่ยวกับนโยบายพรรคมาใช้
จากนั้นที่ประชุมพรรคได้เลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่จำนวน 10 คน ได้แก่ 1.นายชุมพล ศิลปอาชา เป็นหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา 2.นายกฤต รัตนคามินี เป็นรองหัวหน้าพรรค 3.นายถาวร จำปาเงิน เป็นรองหัวหน้าพรรค 4.นายปรีชา จั่นเพชร เป็นเลขาธิการพรรค 5.นายไชยวุฒิ เล็กสมบูรณ์ เป็นรองเลขาธิการ 6.นายอรรฆชัย ตระการศาสตร์ เป็นนายทะเบียนสมาชิกพรรค 7.นางพวงรัตน์ ชัยบุตร เป็นเหรัญญิก 8.นายวัชระ กรรณิการ์ เป็นโฆษกพรรค 9.นายสุรชัย ทิณเกิด เป็นกรรมการบริหารพรรค และ 10.นางนุจรี ศิริสิงห์ เป็นกรรมการบริหารพรรค
อย่างไรก็ตาม ในการพิจารณาแผนยุทธศาสตร์ของพรรคชาติไทยพัฒนาระยะ 4 ปี โดยนายชุมพลกล่าวว่า การกำหนดยุทธศาสตร์ดังกล่าวก็เพื่อนำไปของบกับกองทุนพัฒนาพรรคการเมืองของ กกต. แต่มีที่ไหน พรรคการเมืองถูกยุบไป 3 พรรคแล้วไม่ให้เงินเขาสักบาทเดียว แต่พรรคเล็กๆ แบเงินขอตังค์ก็ได้ แบบนี้ไม่เป็นธรรม ต้องแก้รัฐธรรมนูญ
นายชุมพลกล่าวต่อว่า ตั้งแต่ปิดสนามบินสุวรรณภูมิ ประเทศชาติเสียหายมากไม่ต่ำกว่า 200,000 ล้านบาท แล้วนักท่องเที่ยวก็ลดลงเป็นล้านคน การส่งออกก็ลำบาก การลงทุนก็ไม่มี แต่อย่างไรก็ตาม ในฐาน ะรมว.ท่องเที่ยวฯ ตนจะพยายามแก้ไขให้การท่องเที่ยวกลับเข้าสู่ภาวะปกติ จะทำทุกวิถีทาง สู้ทุกรูปแบบแม้ว่าจะต้องทุบโต๊ะในคณะรัฐมนตรีก็ต้องเอา สภาวะตอนนี้แม้จะพิมพ์แบงก์เพิ่มเพราะเงินทุนสำรองต่างประเทศเราดี แต่ก็ไม่ใช่ทางแก้ ทางแก้คือต้องทำงบขาดดุล และต้องขาดดุลแบบมหาศาล ประมาณ 3 ปีถึงจะฟื้นได้ ซึ่งการกู้เงินเพื่อมาลงทุนนั้นสำคัญที่สุด ดังนั้นอย่าไปตำหนิรัฐบาล ซึ่งการกู้เงินมาลงทุนจะไม่เห็นในปีสองปี แต่จะเห็นในระยะยาว และเชื่อว่าการท่องเที่ยวจะช่วยประเทศได้
นายชุมพลกล่าวต่อว่า การแก้วิกฤตถ้าไม่แก้การเมืองก่อนไม่ได้ การเมืองต้องนิ่งไม่จบก็ไม่นิ่ง แก้เศรษฐกิจอย่างไรก็พัง แต่ตอนนี้ไม่นิ่งแดงเหลืองยังฟัดกันอยู่ตลอดเวลา ซึ่งจริงๆเรื่องทั้งหมด เกิดมาจากเอกชนรายหนึ่งมันกัดกับนักการเมืองคนหนึ่ง ซึ่งเคยทำธุรกิจด้วยกัน แล้วก็ซี้กับนักการเมืองคนนั้น แล้วต่อมาก็เสียผลประโยชน์แล้วมานั่งทะเลาะกัน แล้วมาเหมาว่าเป็นการเมืองทั้งระบบ ทั้งที่ไม่ใช่แล้วมาล้มการเมืองทั้งกระบิ แล้วไปล้มรัฐธรรมนูญ เอารัฐธรรมนูญอมาตยาธิปไตยมาให้ รัฐธรรมนูญแบบนี้ไม่ไหวทำงานไม่ได้ ตอนนี้เหลือพรรคเดียวไม่ถูกยุบคือพรรคประชาธิปัตย์ ก็ไม่รู้วันดีคืนดีอาจถูกยุบก็ได้ แบบนี้ไม่ได้แค้นคนคนเดียว แต่ล้มทั้งหมด แต่เอาคน 65 ล้านคนเข้าไปร่วมด้วย หลักการแบบนี้ไม่มีที่ไหนในโลก มีประเทศไทยเท่านั้น ที่แค้นคนคนเดียวแล้วล้มทั้งระบบแบบนี้ไม่ได้ รัฐบาลตอนนี้ทำงานไม่ได้ เจรจากับประเทศนั้นประเทศนี้ไม่ได้ กลัวเป็นหนูกลัวแมวต้องเอาเข้ารัฐสภาก่อน ไม่รู้จะมีทำไมมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญ ทำให้เกิดปัญหา ไปเป็นตัวแทนประชุมเรื่องการท่องเที่ยว
“รัฐธรรมนูญปี 50 เฮงซวย รัฐธรรมนูญฉบับนี้สีเหลืองร่างทั้งนั้น เป็นพวกอมาตยาธิปไตย ไปเขียนเพิ่มเติมอย่างละเอียดยิบ รัฐบาลดิ้นไม่หลุด ดังนั้น วิกฤตประเทศต้องแก้ที่การเมืองก่อน หากไม่นิ่ง มีคนคนหนึ่งเต้นฟุตเวิร์ก ป่วนทั้งเมือง ส่งสัญญาณแบบนี้มาตลอด ประเทศเดินไม่ได้ ถามว่ารัฐบาลนี้กลัวไหม กลัวแต่ปากแข็งว่าไม่กลัวการลงทุนความน่าเชื่อถือก็ลดลงไป ตอนนี้ก็เข้าทำเนียบไม่ได้ก็ไม่รู้ว่าอังคารหน้าไปประชุมที่ไหน เป้าก็ต้องการให้เร่ร่อนเหมือนรัฐบาลของเขา ตราบใดที่คนยังไม่ได้รับความเป็นธรรม โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญฉบับนี้เอาคนไม่ผิดมาเข้าคุกเข้าตาราง แล้วก็ไปตัดสิทธิ์ทางการเมืองเขาหมดก็ไม่ถูก” นายชุมพลกล่าว
นายชุมพลกล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม เชื่อว่ารัฐบาลชุดนี้น่าจะอยู่ได้จนถึงสิ้นปี ถ้าไม่สะดุดขาตัวเองในเรื่องการทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งปัญหาคอร์รัปชันต้องแก้ให้จบไม่ทิ้งค้างไว้ และงานต้องเดินไปข้างหน้า และรัฐบาลนี้ก็มีผลงานพอสมควรแม้จะใช้นโยบายประชานิยมก็ตาม นอกจากนี้อาจจะสะดุดขาตัวเองในเรื่องความเป็นธรรมในพรรคร่วมรัฐบาลอย่างโควต้ารองโฆษกที่ต้องเป็นของพรรคชาติไทยพัฒนา ตนก็ได้เข้าไปเร่งกับนายกฯว่าเป็นของพรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งนายกฯก็รับปากว่าได้แน่ๆแต่ขณะนี้นายกฯยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเอานายปณิธาน วัฒนายากร และนายพุฒิพงษ์ ปุณกัณฑ์ ออกจากตำแหน่ง แต่สุดท้ายทางพรรคประชาธิปัตย์ก็ไปหาตำแหน่งให้นายพุฒิพงษ์ได้ โดยให้ไปเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีแทน
จากนั้นนายชุมพลได้ประกาศจุดยืนของพรรคชาติไทยพัฒนา คือ 1. เราจะเทิดทูนปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตย 2.เชื่อว่าความสามัคคีอันหนึ่งอันเดียวกัน เป็นหัวใจสำคัญในการแก้วิกฤตของชาติขณะนี้ 3.การแก้วิกฤตประเทศต้องแก้วิกฤตทางการเมืองก่อนวิกฤตอื่น 4.การแก้ไขรัฐธรรมนูญบางมาตราเป็นทางออกที่ดีและตรงจุด 5.สังคมต้องมีความเป็นธรรมและให้ความเป็นธรรมกับคนที่ไม่ได้ทำความผิด 6.เชื่อมั่นและเคารพในกระบวนยุติธรรมในสถาบันตุลาการ 7.ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขปัญหาทางการเมืองที่ให้สถาบันพระปกเกล้าทำเรื่องปฏิรูปการเมือง ซึ่งตรงกับที่หลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ว่าแก้ไขไม่ตรงจุดแต่เสมือนหนึ่งว่าจงใจยื้อเวลาไว้เท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการประชุมใหญ่พรรคชาติไทยพัฒนาครั้งนี้ น่าสังเกตว่าไม่มีแกนนำพรรคชาติไทยเดินทางมาร่วมงานแม้แต่คนเดียว ทั้งที่ทุกครั้งจะมีแกนนำพรรคชาติไทยเข้ามาร่วมสังเกตการณ์อยู่เกือบทุกครั้ง แต่อย่างไรก็ตาม มีอดีต ส.ส.ของพรรคบางส่วนเดินทางมาร่วมสังเกตการณ์ด้วย แต่อยู่เพียงภายนอกห้องประชุม
ภายหลัง นายชุมพล ให้สัมภาษณ์ถึงท่าทีองพรรคชาติไทยพัฒนาที่ไม่เห็นด้วยกับการที่จะให้คณะกรรมการอิสระฯที่สภาบันพระปกเกล้าตั้งขึ้นไปศึกษาการปฏิรูปการเมืองว่า ไม่จำเป็นต้องแจ้งไม่ใช่หน้าที่ แต่ตรงนี้เป็นจุดยืนของพรรคว่าสิ่งที่ทำในตอนนี้ไม่ใช่ไปโยนให้สถาบันพระปกเกล้าฯเขาไปศึกษาการปฏิรูปการเมือง แต่ที่จำเป็นคือการต่อยอดรัฐธรรมนูญปี 40 และปี 50 อะไรดีก็หยิบขึ้นมาแล้วเดินหน้าต่อไป อย่าให้ระบบการเมืองชะงัก หรือรัฐบาลขาดเสถียรภาพและไม่มีประสิทธิภาพ ตอนนี้ที่ต้องทำอย่างเดียวคือการต่อยอดเท่านั้น ไม่ใช่ไปนั่งงมศึกษากันใหม่
เมื่อถามว่าตอนนี้รัฐบาลเดินหน้าปฏิรูปการเมืองแต่ทางพรรคชาติไทยพัฒนากลับไม่เห็นด้วยและในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลจะมีปัญหากันหรือไม่ นายชุมพล กล่าวว่า ทางรัฐบาลจะเดินก็เดินแต่พรรคชาติไทยพัฒนามีจุดยืนอย่างนี้ ไม่เป็นไรไม่เกี่ยวกัน ความคิดแตกต่างกันได้ แล้วคงไม่ต้องคุยกันในพรรคร่วมรัฐบาลแต่หากใครเห็นด้วยกับพรรคชาติไทยพัฒนาก็ขอเชิญมาร่วม อย่างไรก็ตามตนมองว่ามันไม่ใช่การเดินขนานกันระหว่างพรรคชาติไทยพัฒนาและรัฐบาล เพราะรัฐบาลเขาทำในระยะยาวแต่พรรคชาติไทยพัฒนาเห็นว่าต้องแก้รัฐธรรมนูญบางมาตราเสียก่อน เราเป็นตัวของตัวเองในเรื่องนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนาไปร่วมลงชื่อสนับสนุนร่างพ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ นายชุมพลกล่าวว่า ถือว่าเป็นสิทธิ์ของส.ส.ตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งถือว่าเป็นข้อเสียของรัฐธรรมนูญที่ให้ส.ส.มีสิทธิ์และอิสระทำอะไรก็ได้ พรรคไม่มีอำนาจบังคับ ตรงนี้ทำให้ระบบพรรคเสีย เมื่อถามถึงจุดยืนของพรรคชาติไทยพัฒนาต่อร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวนายชุมพล กล่าวต่อว่าตนยังไม่เห็นรายละเอียดของร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้จึงไม่มีความเห็น