มติ กกต.เสียงข้างมาก ชี้ ประชุมใหญ่พรรคเพื่อแผ่นดิน เลือก “ประชา” นั่งหัวหน้าไม่ชอบด้วยกฎหมาย ระบุ ไม่เป็นไปโดยลับ แถมนัดประชุมซ้ำซ้อน ด้าน “สมชัย” กกต.เจ้าปัญหา มาแปลกยังไม่ขอลงมติ แต่ขอเวลาศึกษาสำนวนก่อน
วันนี้ (26 มี.ค.) นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต.แถลงว่า คณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการจัดประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อแผ่นดิน เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.2551 ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ที่มี นายปกครอง สุนทรสุทธิ์ เป็นประธานได้นำเสนอบันทึกความเห็นของคณะทำงานและชี้แจงต่อที่ประชุม กกต.แล้ว โดยมีประเด็นประกอบด้วย หนังสือเชิญประชุมใหญ่วิสามัญที่ นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง เป็นผู้ลงนามนั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ องค์ประชุมในการประชุมใหญ่ดังกล่าวถูกต้องตาม พ.ร.บ.พรรคการเมืองมาตรา 29 และข้อบังคับพรรคหรือไม่ การทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ของ นายมั่น พัธโนทัย ชอบด้วยข้อบังคับพรรคเพื่อแผ่นดินหรือไม่ และกรณีการดำเนินการให้เป็นไปตามข้อบังคับพรรคเกี่ยวกับจำนวนกรรมการบริหารพรรคถูกต้องหรือไม่ และบทสรุปว่า การจัดประชุมใหญ่ดังกล่าวชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ซึ่งหลังจากนำเสนอแล้วเจ้าหน้าที่ได้มีการแจกใบลงมติโดย กกต.ส่วนใหญ่ได้ลงมติแล้ว เหลือเพียงบางท่านที่ขอนำผลการสอบสวนไปศึกษาก่อนและจะส่งใบลงมติกลับมาให้ตนในฐานะที่เป็นผู้รวบรวมมติภายในเช้าวันที่ 27 มี.ค.ทั้งนี้ เมื่อตนได้รับมติจาก กกต.ครบถ้วนแล้ว ก็จะนำมาแถลงข่าวพร้อมกับจะให้คณะทำงานสอบสวนข้อเท็จจริงมาชี้แจงประเด็นต่างๆ ให้กับสื่อมวลชน และจะสามารถแจ้งให้กับพรรคเพื่อแผ่นดินทราบได้ทันที
นายสุทธิพล ยังกล่าวอีกว่า การที่มี กกต.นำการลงมติไปลงมติที่ห้องทำงานนั้น ไม่ถือเป็นเรื่องผิดปกติ เพราะก่อนหน้านี้ ก็เคยมีการปฏิบัติก่อนหน้านี้ เช่น การพิจารณาเรื่องร้องคัดค้านการเลือกตั้ง ที่กกต.บางท่านขอเวลาที่จะศึกษาสำนวนให้รอบคอบแล้วค่อยลงมติ จากนั้นจึงจะส่งมติกลับมาให้ทางสำนักงานรวบรวม
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับ กกต.1 คนที่ยังไม่ลงมติในเรื่องดังกล่าว ได้แก่ นายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ด้านสืบสวนสอบสวน โดยแจ้งต่อที่ประชุมว่าจะส่งมติให้เลขาธิการในวันพรุ่งนี้(27 มี.ค.) อย่างไรก็ตาม กกต.3 เสียงที่ได้ลงมติไปแล้วมีความเห็นไปในแนวทางเดียวกัน คือเห็นตามที่คณะทำงานตรวจสอบเสนอว่า การประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อแผ่นดิน เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากการตรวจสอบ พบว่า มีการประชุมซ้อนกันโดยนายชาญชัย เป็นคนเรียกประชุมแต่กลับไม่ดำเนินการประชุมส่งผลให้ นายมั่น พัธโนทัย ขึ้นไปทำหน้าที่ประธานการประชุม ทำให้การทำหน้าที่ประธานการประชุมดังกล่าวไม่ได้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับพรรค
นอกจากนี้ การลงคะแนนเลือก พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก เป็นหัวหน้าพรรค ก็ไม่ได้กระทำโดยลับ ซึ่งในประเด็นนี้เป็นหนึ่งที่ นายสมชัย ยังติดใจ จนไม่สามารถที่จะลงมติในที่ประชุมได้ และขอนำกลับไปศึกษาให้ละเอียดรอบคอบก่อน อย่างไรก็ตาม เมื่อการประชุมดังกล่าวไม่ถูกต้อง นายทะเบียนพรรคการเมืองก็จะแจ้งไปยังพรรคเพื่อแผ่นดินให้จัดประชุมเลือกกรรมการบริหารใหม่ให้ถูกต้อง
