ปธ.วุฒิฯยื่นแย้ง กกต.ชี้ “สุรเดช” ขาดคุณสมบัติ ส.ว.

กกต.ยอมอ่อนข้อ ยอมตรวจสอบหลักฐาน “สุรเดช” ส่งข้อมูลการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ แย้งมติ กกต.ที่เคยชี้ว่าขาดคุณสมบัติ ส.ว.ปราจีนบุรี “เลขา กกต.” เผย ที่ยอมให้อนุฯสอบวินิจฉัยใหม่ เพราะประธานวุฒิฯออกหน้า ยันไม่ทบทวนมติ เหตุเคยพิจารณาหลักฐานดังกล่าวแล้ว พร้อมขยายเวลาสอบประชุมใหญ่พรรคเพื่อแผ่นดิน

วันนี้ (17 ก.พ.) นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แถลงว่า กกต.มีมติให้คณะกรรมการสืบสวนสอบสวน กรณีมีการร้องคัดค้านว่า นายสุรเดช จิรัฐิติเจริญ ส.ว.ปราจีนบุรี สิ้นสุดสมาชิกภาพ ไปดำเนินการตรวจสอบหลักฐานใหม่เกี่ยวกับคุณสมบัติการดำรงตำแหน่ง ส.ว.ของนายสุรเดช ที่มีการอ้างตามหนังสือของ นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา ซึ่งมีถึง กกต.เมื่อวันที่ 17 ก.พ.ที่ผ่านมา ว่า เป็นหลักฐานใหม่จริงหรือไม่

ทั้งนี้ กรณีดังกล่าวประธานวุฒิสภาได้อ้างถึงหนังสือของ นายสุรเดช ที่มีถึง กกต.ฉบับวันที่ 26 ธ.ค.2551 ขอให้ทบทวนมติ กกต.ที่ระบุว่า นายสุรเดช ขาดคุณสมบัติการเป็นสมาชิกวุฒิสภา และให้ประธานวุฒิสภาดำเนินการตามมาตรา 91 ของรัฐธรรมนูญ ประกอบมาตรา 10 (11) พ.ร.บ.กกต.พ.ศ.2550 ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาการสิ้นสุดสมาชิกภาพของนายสุรเดช โดยอ้างว่า ทราบจาก นายสุรเดช ว่า ได้เสนอหลักฐานใหม่ให้ กกต.พิจารณาทบทวน ประกอบด้วย 1.เอกสารอ้างถึงวันที่ 13 พ.ค.2545 ซึ่งเป็นวันที่นายสุรเดช ลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ ในขณะนั้นพรรคประชาธิปัตย์ได้มีการเปลี่ยนหมายเลขสมาชิกพรรคจากเดิมมี 12 หลัก คือ หมายเลข 320339000025 เป็นหมายเลขใหม่จำนวน 9 หลัก คือ 453001633 และระบุชื่อ นายสุรเดช พ้นจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ในวันที่ 13 พ.ค.2545 ซึ่งรายละเอียดปรากฏในแบบแจ้งสมาชิกพรรคการเมืองที่ลดลงในรอบปีปฏิทินที่ผ่านมา (2545) ของพรรคประชาธิปัตย์ แบบ ทพ.7 หน้า 2 รายชื่อลำดับที่ 4

2.กรณีกล่าวหาว่า นายสุรเดช ได้สมัครเข้าไปเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ใหม่ เมื่อวันที่ 21 พ.ค.2545 (ภายหลังจากการลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ 8 วัน) เมื่อพิจารณาหมายเลขประจำตัวสมาชิกพรรคตามแบบแจ้งจำนวนสมาชิกพรรคการเมืองที่เพิ่มขึ้นในรอบปีปฏิทิน 2545 ของพรรคประชาธิปัตย์ แบบ ทพ.6 หน้า 6 ลำดับที่ 8 ปรากฏว่า นายสุรเดช ได้รับหมายเลขประจำตัวหมายเลขเดิม คือ 453001633 ซึ่งเป็นหมายเลขเดิมที่ นายสุรเดช ลาออก เมื่อวันที่ 13 พ.ค.2545 ดังนั้น หากนายสุรเดชสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ในวันที่ 21 พ.ค.2545 จริงก็ต้องได้รับหมายเลขสมาชิกใหม่ ทั้งนี้ คาดว่า อนุกรรมการสอบสวนฯ จะให้เวลาไม่นาน อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า กรณีนี้เป็นการตรวจสอบว่าหลักฐานที่นายสุรเดชเสนอมานั้นเป็นหลักฐานใหม่จริงหรือไม่ ไม่ใช่กรณีของการทบทวนมติ

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากการตรวจสอบพบว่าเป็นหลักฐานใหม่จะดำเนินการอย่างไร นายสุทธิพล กล่าวว่า กกต.ก็จะมาวินิจฉัยอีกครั้ง ซึ่งเป็นดุลพินิจของ กกต.แต่จากที่ตนได้พูดคุยกับทางคณะกรรมการสอบสวนชุดดังกล่าวก็ได้ยืนยันว่าก่อนที่จะมีความเห็นเสนอต่อ กกต.นั้น ได้มีการพิจารณาหลักฐานนี้แล้ว แต่เมื่อประธานวุฒิสภาเสนอเรื่องมา ทาง กกต.ก็ต้องตรวจสอบให้รอบคอบอีกครั้ง และที่สอบก็ไม่ได้จะเปลี่ยนแปลงมติ เพราะประธานวุฒิสภาก็ได้ลงท้ายหนังสือที่ส่งมาว่า “จึงกราบเรียนมาเพื่อพิจารณาดำเนินการ ทั้งนี้ ตามแต่เห็นสมควร”

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายสุรเดช มีหนังสือถึง กกต.วันที่ 26 ธ.ค.2551 เหตุใดจึงนำมารวมพิจารณา พร้อมกับคำร้องของประธานวุฒิสภา นายสุทธิพล ชี้แจงว่า เรื่องคุณสมบัติของ นายสุรเดช กกต.มีมติในวันที่ 11 ธ.ค.2551 แต่ นายสุรเดช มีหนังสือมาถึง กกต.วันที่ 26 ธ.ค.2551 ทางเจ้าหน้าที่เห็นว่าเป็นเรื่องที่ กกต.มีมติชี้ขาดไปแล้ว จึงไม่ได้มีการพิจารณา จนเมื่อประธานวุฒิสภามีหนังสือมาถึง กกต.เมื่อวันที่ 17 ก.พ.โดยอ้างถึงหนังสือของ นายสุรเดช ที่มีถึง กกต.จึงได้มีการนำมารวมพิจารณา

นอกจากนี้ นายสุทธิพล ยังกล่าวอีกว่า ที่ประชุมมีมติให้ขยายเวลาสืบสวนสอบสวนกรณีการเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพรรคเพื่อแผ่นดินตามที่ นายปกครอง สุนทรสุทธิ์ รองเลขาธิการกกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง ในฐานะประธานอนุกรรมการสอบสวนฯ เสนอ หลังจากที่ครบกำหนดระยะเวลาสอบครั้งแรกเมื่อวันที่ 15 ก.พ.ทั้งนี้ ประธานสอบสวน ได้รายงานต่อ กกต.ว่าได้สอบพยานไปแล้ว 11 ปาก และต้องสอบผู้เข้าร่วมประชุมบางส่วน และพยานอีกบางปากจำนวนมาก จึงจำเป็นต้องขอขยายระยะเวลา โดย กกต.ได้อนุญาตให้ขยายเวลาการสอบสวนอีก 30 วัน ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 17 มี.ค.